เย่วซินตกใจเมื่อเห็นว่าพี่ชายหน้านิ่งมีเลือดไหลออกมาทางจมูกและสีหน้าดูไม่สู้ดีนักคล้ายคนกำลังเจ็บปวดทรมาน เย่วซินรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเข้าไปดูอาการทันที
“พี่เย่วเทียนเกิดอะไรขึ้นเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ท่านถูกพิษมาหรือ หรือว่าป่วย” เย่วซินเอ่ยถามเป็นชุดเร็วรัวด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองซับเลือดที่ไหลออกมาทางจมูกของพี่ชายอย่างเบามือ
“ซินเอ๋อร์...พี่เกือบตายแล้ว เพราะเสียงเพลงที่เจ้าเล่นเมื่อครู่” เย่วเทียนเอ่ยบอก เขารู้สึกดีขึ้นหายใจออกเมื่อนางหยุดเป่าขลุ่ยจึงคิดว่าต้องเป็นเพราะขลุ่ยนั่นเป็นแน่ที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ นับว่าอันตรายยิ่งนัก
“อย่างไรหรือพี่เย่วเทียนข้าไม่เข้าใจ” เย่วซินเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เมื่อครู่เจ้าคิดอะไรขณะที่เป่ามันหรือ?” เย่วเทียนเอ่ยถามน้องสาว
“ข้ากำลังนึกถึงความหมายของเพลง ความรักของคนสองคนที่มีความรักอย่างจริงใจแล้วทั้งสองก็ตกลงไปในน้ำที่เย็นจัด ข้าคิดว่าถ้าตัวเองเกิดตกลงไปบ้างมันคงหนาวเย็นและทรมานมากเป็นแน่”
“พี่ก็มีอาการเช่นเจ้าคิด หายใจไม่ออกคล้ายคนกำลังจะจมน้ำทั้งหนาวและทรมาน”
“เป็นเพราะความคิดของข้าจริง ๆ หรือ? ข้าขอลองอีกรอบแล้วกันเพื่อความแน่ใจ” เย่วซินเอ่ย พร้อมกับตั้งท่ายกขลุ่ยขึ้นมาเป่า
“หยุด ๆ...เจ้าคิดจะฆ่าพี่หรือยายตัวแสบ มันคงเป็นเพราะเจ้าหยดเลือดลงไปหรือไม่ก็อาจเป็นเพราะในเลือดของเจ้ามันมีแต่พิษรวมกับพลังปราณที่พี่เพิ่งส่งเข้าไปมันเลยเป็นเช่นนี้กระมัง” เย่วเทียนหาเหตุผลมาโยงถึงความที่อาจจะเป็นไปได้
“มันวิเศษมากเลยเจ้าค่ะ ข้ารักมันที่สุด” เย่วซินรู้สึกเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจส่งยิ้มไปให้คนร่างสูงตรงหน้าจนตาหยีแล้วเอ่ยถามต่อว่า “ถ้าข้าเอามันไปแช่ในน้ำสมุนไพรนานาพิษมันจะยอดเยี่ยมกว่านี้หรือไม่”
“เจ้านี่นะ...ซุกซนจริงเชียว” เย่วเทียนส่ายหัวให้กับความซุกซนของร่างเล็ก
“ข้าแค่อยากรู้เลยต้องขอลองเจ้าค่ะ”
“เหมือนที่เจ้าลองยาพิษร้ายแรงจนต้องป่วยเช่นนี้นะหรือ?”
“ประมาณนั้นเจ้าค่ะ”
“พี่ไม่ห้ามเจ้าหรอก นี่ก็ดึกแล้วเจ้าพักผ่อนเถิดจะได้หายไว ๆ” เย่วเทียนยกมือลูบศีรษะร่างเล็กอย่างเบามือด้วยความอ่อนโยนรักใคร่
“เจ้าค่ะ”
เช้าวันรุ่งขึ้นยามซื่อ(09.00-10.59) เย่วฉีเดินทางมายังจวนของประมุขจ้าวไท่เหว่ยโดยขี่ม้าคู่ใจมา เมื่อถึงหน้าจวนก็มีคนออกมาต้อนรับและพาไปยังห้องคนป่วยโดยมีท่านประมุขจ้าวรออยู่เช่นเคย
“คาราวะท่านประมุขจ้าว” เยว่ฉีเอ่ย
จ้าวไท่เหว่ยค้อมศีรษะรับอย่างมีมารยาทแล้วเอ่ยถาม “ท่านมาคนเดียวหรือ?แล้วน้องสาวของท่านเหตุใดถึงไม่มา หรือว่านางไม่ยอมรักษา”
“เอ่อ...คืออย่างนี้ขอรับนางยอมรักษาและให้ยาถอนพิษกับข้ามาเรียบร้อยแล้วทั้งของท่านและของชายผู้นี้ แต่ที่นางไม่สามารถมาเองได้นั้นเพราะตอนนี้นางถูกท่านปู่ลงโทษกักบริเวณห้ามออกนอกจวนขอรับ” เย่วฉีเอ่ยบอก
“แค่บอกอาการนางก็รักษาได้แล้วหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย นางจะเก่งกาจเกินไปหรือไม่
“ก็ไม่เชิงขอรับ แต่ข้ารับช่วงรักษาต่อจากนาง ข้าขอรักษาชายผู้นี้ก่อนขืนชักช้าอาการอาจหนักลง” ถ้าเป็นคนทั่วไปที่ไม่ใช่หมอก็คงไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ อาจถอนพิษได้บางส่วนเท่านั้น เพราะขั้นตอนการรักษามันต้องใช้การฝังเข็มเข้าช่วยจึงจะสามารถรักษาให้หายขาดได้
“เชิญท่านหมอ”
เย่วฉีหยิบขวดยาถอนพิษชนิดน้ำที่น้องสาวให้มาออกจากล่วมยา แล้วประคองศีรษะคนป่วยขึ้นป้อนถอนยาพิษเข้าปากไปช้าๆจนหมด จากนั้นก็หยิบเข็มเงินออกมาปักลงตามจุดต่างๆของร่างกายแล้วดึงเข็มออก ไม่ถึงครึ่งเค่อคนป่วยก็กระเลือดออกมาคำโตเย่วฉีมีประสบการณ์มาก่อนจึงรู้ว่าต้องทำเช่นไร โดยมีท่านประมุขจ้าวคอยสั่งบ่าวในเรือนนำมาให้ เมื่อเย่วฉีจัดการกับร่างกายของคนป่วยเสร็จเรียบร้อยก็เอ่ยบอกกับเจ้าของจวน
“ตอนนี้พิษของเขาถูกขับออกมาเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็น่าจะฟื้นท่านให้บ่าวต้มยาบำรุงให้เขากินเช้าเย็นด้วยจะได้หายเร็วยิ่งขึ้น” เย่วฉีเอ่ยพร้อมกับหยิบห่อยาที่จัดใส่ห่อเอาไว้เรียบร้อยส่งให้ ซานจงรู้หน้าที่จึงรับห่อยานั้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...