สรุปเนื้อหา บทที่ 59 ความชอบของประมุขจ้าว – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่ 59 ความชอบของประมุขจ้าว ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
จิวอิงไม่ตอบคำถามแต่เดินเข้าไปหลังฉากเพื่อล้างหน้าดำออก จริงๆนางอาบน้ำล้างหน้าตั้งแต่กลับมาจากร้านแล้วและก็ต้องตกใจกับใบหน้าตัวเอง รอยแผลที่แก้มข้างซ้ายเป็นรอยเดียวกันกับที่เย่วซินได้รับเมื่อวันก่อน มันเป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อยแทนที่จะหายเมื่อได้ทายาสูตรพิเศษของท่านปู่ แต่มันกลับลุกลามและเด่นชัดยิ่งขึ้นจนดูน่าเกลียด นางจึงต้องทาใบหน้าดำปกปิดเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครมองเห็น
จิวอิงเดินออกมาจากหลังฉากกั้น เพื่อให้คนร่างสูงได้มองเห็นใบหน้าที่แท้จริงเขาจะรับกับใบหน้านี้ได้หรือไม่อย่างไรเสียให้เขาเห็นไปเลยดีที่สุด
“ใบหน้าของเจ้าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” หยางหลงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของคนรัก ใบหน้าที่เคยขาวผ่องนวลเนียนบัดนี้บริเวณแก้มซ้ายกลับมีรอยแดงคล้ายเส้นเลือดแตกแขนงลอยเด่นชัดตัดกับผิวขาวของนาง
“เย่วซินได้รับบาดแผลนี้มาเมื่อวันก่อน แต่ด้วยร่างกายของนางสามารถต้านพิษได้จึงทำให้ร่างกายภายในไม่ได้รับผลกระทบและไม่รู้สึกผิดปกติ จึงคิดว่าบาดแผลที่ได้รับเป็นเพียงบาดแผลธรรมดา จนกระทั่งมันแสดงอาการออกมาจึงรู้ว่ามันคือพิษของเถาวัลย์ชนิดหนึ่งตอนนี้เย่วซินกำลังหาทางรักษาอยู่เพคะ” จิวอิงเอ่ยเล่าเรื่องราวให้คนตรงหน้าได้รับรู้
“เจ้าอย่ากังวลไปเลยเจ้าคิดว่าพี่หลงรักสตรีเพียงเพราะรูปโฉมภายนอกอย่างนั้นหรือ? ขอเพียงแค่สตรีผู้นั้นคือเจ้าจะเป็นเช่นไรพี่ก็จะรักไม่เปลี่ยนแปลง” หยางหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นบ่งบอกให้รู้ว่าคำพูดของเขาเชื่อถือได้
จิวอิงโผเข้ากอดร่างสูงเอาไว้แน่นด้วยความอบอุ่นใจ ถ้าเป็นพี่หยางหลงแล้วนางจะลองเชื่อใจเขาจะยอมวางหัวใจของตนเองเอาไว้ที่เขา ไม่รู้ภายภาคหน้าจะมีเหตุการณ์ใดมาเปลี่ยนแปลงหรือไม่แต่นางก็จะลองเสี่ยงกับเขาดูสักครั้ง จิวอิงหวาดกลัวอยู่ภายในใจว่าความรักของนางจะเหมือนกับท่านแม่ที่ไม่สมหวังและถูกทอดทิ้งเอาไว้เพียงผู้เดียว
“ขอบพระทัยเพคะที่ไม่รังเกียจหม่อมฉัน” จิวอิงเอ่ยเสียงอู้อี้ขณะสวมกอดร่างสูงเอาไว้แน่น
“คืนนี้พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” หยางหลงเอ่ย
“แต่ว่า..” จิวอิงจะเอ่ยท้วงแต่เสียงก็ขาดหายไปพร้อมกับริมฝีปากอุ่นเข้าทาบทับเอาไว้ จิวอิงตกใจเมื่อถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัวจึงเผลอเผยอปากทำให้ลิ้นหนาเข้าซอกซอนกวาดชิมน้ำหวานจากภายในได้อย่างง่ายดาย
หยางหลงดื่มด่ำกับความหอมหวานตรงหน้าอย่างไม่รู้จักอิ่มจนร่างเล็กในอ้อมแขนอ่อนแรงจนเขาต้องช่วยพยุงตัวนางเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยโอกาสดีๆเช่นนี้ให้หลุดลอยได้ จุมพิตครั้งนี้จึงดำเนินไปเนิ่นนาน จนกระทั่งเห็นสมควรหยางหลงจึงผละริมฝีปากออกจากปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่อขึ้นมาเล็กน้อยจากการขบเม้มของเขา
“พี่ยังไม่อยากหยุดเลยเจ้าช่างหอมหวานยิ่งนักพี่ชักจะติดใจเสียแล้ว” หยางหลงเอ่ยพร้อมทำท่าจะก้มลงจูบปากอิ่มอีกครั้งแต่นางกลับก้มหน้าหลบซุกเอาไว้กับอกของเขา
“พี่หยางหลงจะฆ่าหม่อมฉันหรือเพคะเมื่อกี้หม่อมฉันเกือบขาดใจตายแล้ว” จิวอิงเอ่ยด้วยความอับอายปนรู้สึกขนลุกชันกับคำพูดของคนร่างสูง สัมผัสเมื่อครู่ที่นางได้รับมันรู้สึกวาบหวามอย่างบอกไม่ถูกจนนางแข้งขาอ่อนแรงยืนแทบไม่อยู่ มันเป็นความทรมานที่รู้สึกดีเสียจริง
“ใครเขาตายเพราะโดนจุมพิตกันเล่าหือ..พี่คงต้องฝึกเจ้าบ่อยๆเสียแล้วกระมัง” หยางหลงเอ่ยพร้อมยกยิ้มอย่างเอ็นดู
“พี่หยางหลงอย่ามาหาข้ออ้างในการหลอกกินเต้าหู้หม่อมฉันเลยเพคะ” จิวอิงเอ่ยอย่างรู้ทันพร้อมผละตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งเดินไปนั่งลงยังเตียงนอน เพราะตอนนี้ขานางยังสั่นไม่หายเลย
“ว้า..เจ้ารู้ทันเสียแล้ว ทีนี้พี่จะทำอย่างไรดีเล่าพี่ติดใจกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกเหมยกุ้ยในโพรงปากเจ้าแล้วนะ” หยางหลงตามติดมานั่งข้างๆร่างบางพร้อมเอ่ยเย้าอย่างหยอกล้อ
“พี่หยางหลง!..ท่านช่างหน้าไม่อายยิ่งนักเรื่องแบบนี้เอาพูดหน้าตาเฉยได้อย่างไร” จิวอิงอยากจะเอาหน้ามุดดินหนียิ่งนัก ตอนนี้ใบหน้านางร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกพี่หยางหลงผู้อ่อนโยนทำไมถึงกลายเป็นบุรุษหน้าไม่อายไปเสียได้
“พี่พูดเรื่องจริงผิดตรงไหนเล่า เอาละๆเจ้าพักผ่อนเถิดพี่ไม่แกล้งแล้ว” หยางหลงเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าเขาแกล้งนางมามากพอแล้ว วันนี้สมควรพอก่อนวันข้างหน้ายังมีเขาจะค่อยๆสอนนางทุกเรื่องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้นางรู้สึกอึดอัด
“ใครจะหลับตาลงกันมีบุรุษมาอยู่ด้วยแบบนี้” จิวอิงเอ่ยบ่น
“นอนเถิดพี่ไม่รังแกเจ้าหรอก ฝึกเอาไว้ให้ชินอีกหน่อยเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี” หยางหลงเอ่ยเสียงเรียบแต่นั้นก็ทำให้ร่างบางล้มตัวนอนแล้วหันหลังหนีหน้าเขาไปอย่างรวดเร็วเพราะความอับอาย หยางหลงยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจในท่าทางนั้น เขาเอื้อมมือหยิบผ้าแพรมาคลุมร่างบางอย่างเบามือด้วยความรักใคร่
หยางหลงนั่งมองร่างบางนิ่งไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีกเขารู้ว่านางยังไม่ได้หลับทันทีแต่ต่อมาก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่านางหลับสนิทไปแล้ว หยางหลงยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างเบามือด้วยกลัวว่านางจะตื่น นั่งเฝ้านางจนเกือบรุ่งสางก่อนออกไปก็ไม่ลืมย้ำกับองครักษ์ให้ดูแลนางอย่างดีและคอยส่งข่าวรายเขาให้รับรู้เป็นระยะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่วซินตื่นขึ้นมาก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ข้าวของสำคัญที่ต้องใช้ก็เก็บเอาไว้ในแหวนจัดเก็บเรียบร้อยทุกอย่างจึงไม่มีอะไรที่ต้องหิ้วให้เกะกะ เย่วซินส่องกระจกมองหน้าตัวเองก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
นางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษแท้ๆแต่กลับไม่เฉลียวใจเลยสักนิดว่าบาดแผลที่ได้รับมานั้นมันมีพิษจนกระทั่งมันแสดงอาการชัดเจนเช่นนี้ สตรีทุกคนล้วนอยากมีใบหน้างดงามด้วยกันทั้งนั้นไม่เว้นแม้กระทั่งตัวนางเอง นางภาคภูมิใจกับใบหน้านี้มากแค่ไหนไม่มีใครรู้ได้หรอก ใบหน้างดงามโดยธรรมชาติที่ใครเห็นต้องอิจฉางามยิ่งกว่าคนที่ต้องพึ่งมีดหมออย่างชาติภพเก่าเสียอีก แต่บัดนี้ฮึ่ย..มันต้องฝีมือขององค์หญิงโจรผู้นั้นเป็นแน่ เย่วซินนึกใจในอย่างเจ็บแค้น
หลังมื้ออาหารเย่วซินบอกลาทุกคนดูเหมือนว่าทุกคนในครอบครัวจะเข้าใจในการเดินทางครั้งนี้ดียกเว้นบุรุษหน้านิ่งหมิงเย่วเทียนเพียงคนเดียวที่ยืนทำหน้าบูดไม่พูดไม่จา
“พี่เย่วเทียน..อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิเจ้าคะ ข้าใจคอไม่ดีเลย” เย่วซินเอ่ยพร้อมทำสายตาอ้อนวอน
“นั่นสิพี่ใหญ่ซินเอ๋อร์ไปไม่นานหรอกรักษาคนป่วยหายก็กลับมาแล้ว” เย่วฉีเอ่ยขึ้นอีกเสียง
“คิดว่าลงกลอนเช่นนั้นแล้วข้าจะเข้ามาไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยทั้งที่ยังนั่งหันหลังอยู่
“เจ้าค่า..ท่านประมุขจ้าวผู้เก่งกาจ ข้าเย่วซินขอคาราวะเจ้าค่ะ” เย่วซินเดินไปหยุดเบื้องหน้าพร้อมย่อกายคาราวะผู้ยิ่งใหญ่อย่างนอบน้อม
“ทำไมเจ้าต้องคาดผ้าปิดบังใบหน้าด้วยข้าไม่คุ้นชินเสียเลย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเมื่อเห็นว่าร่างเล็กตรงหน้ามีผ้าคาดปิดบังใบหน้าเอาไว้ เวลามองแล้วเขารู้สึกเกะกะตาอย่างไรบอกไม่ถูก
“ต่อไปนี้ท่านก็ต้องมองให้คุ้นชินนะเจ้าคะ เพราะว่าข้าจะปิดบังเอาไว้อย่างนี้ตลอดไม่เปิดออกเป็นแน่” เย่วซินเอ่ยบอกคนร่างสูงอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แต่ข้าไม่ชอบ ถอดออกเดี๋ยวนี้..” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มอย่างไม่ยอมแพ้ คนตัวเล็กตรงหน้าไม่เคยเกรงกลัวเขาเลยชอบยียวนกวนประสาทเขาได้ตลอดผิดแปลกสตรีทั่วไปนัก
“ท่าน..คนบ้าอำนาจ” เย่วซินถึงจะเอ่ยบ่นเช่นนั้นแต่ก็ยอมถอดผ้าปิดบังใบหน้าออกเพราะถึงอย่างไรเธอก็เถียงเขาไม่ชนะอยู่ดียอมๆไปเสียจะได้จบเรื่องไป
“ใบหน้าเจ้า!!..ใยถึงเป็นเช่นนี้” จ้าวไท่เหว่ยตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่เคยนวลเนียนน่ามองแต่ตอนนี้กลับมีรอยประหลาดทำให้ใบหน้านวลนั้นต้องแปดเปื้อน
“พิษเถาวัลย์เพลิง..ข้าเสียรู้ให้ศัตรูนิดหน่อยแต่ข้าจะตามหาสมุนไพรมารักษาให้ได้ไม่ยอมปล่อยให้รอยบ้าๆนี่อยู่กับข้าไปจนตายหรอกน่า..” เย่วซินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงคนที่ใช้พิษนี้เล่นงานตนเององค์หญิงแคว้นหานหลานสาวพรรคอสรพิษ
“แต่ข้าว่าเป็นแบบนี้ก็สวยดีนะเหมาะกับเจ้าดี..” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์ดีพร้อมยกยิ้มมุมปากรอยยิ้มนั้นเขามักจะยิ้มออกมาโดยง่ายเมื่อได้ต่อปากต่อคำกับสตรีตรงหน้า รอยยิ้มที่เขามักไม่ค่อยเผยออกมาให้ผู้ใดได้เห็นง่ายนัก
“เหมาะกับผีนะสิ ถ้าท่านชอบนักจะเอาบ้างไหมล่ะข้าจะสงเคราะห์ให้” เย่วซินเอ่ยสวนขึ้นมาทันทีอย่างเหลืออดคนอะไรปากร้ายชะมัด
“หึ..รีบไปกันเถิด” จ้าวไท่เหว่ยยกยิ้มอย่างชอบใจกับท่าทางหัวเสียของคนตัวเล็กเขาชักจะชอบแกล้งนางเสียแล้วสิ เขาก็เพิ่งจะเคยได้แกล้งใครแบบนี้เป็นครั้งแรกมันสนุกแบบนี้นี่เอง จ้าวไท่เหว่ยคิดในใจอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็คว้าคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่าแล้วอุ้มออกไปทางหน้าต่าง ด้วยวิชาตัวเบาขั้นสูงที่คนด้านนอกแทบจะมองไม่เห็น
เย่วซินที่โดนอุ้มพาดบ่าอย่างกะทันหันทั้งจุกทั้งเวียนหัว อยากจะตะโกนด่าก็ตะโกนไม่ออกได้แต่ใช้กำปั้นน้อยๆทุบลงบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความแค้นแม้จะรู้ว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บก็ตามพร้อมกับก่นด่าในใจอย่างไม่เหลือชิ้นดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...