สรุปตอน บทที่60 โดนลัักพาตัว – จากเรื่อง คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
ตอน บทที่60 โดนลัักพาตัว ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง คู่แฝดคู่ป่วน โดยนักเขียน ไป๋หลัน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“เจ้า!!..ชุดข้าเลอะหมดแล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยออกมาเสียงดัง สตรีหน้าไม่อายอาเจียนใส่อาภรณ์ของเขาเลอะเทอะไปหมดจนต้องหยุดหาแหล่งน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย
“อย่ามามองหน้าข้าเช่นนั้นนะ ใครใช้ให้ท่านแบกข้าห้อยหัวโตงเตงเช่นนั้นกันเล่าอุ้มข้าดีๆหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร” เย่วซินเอ่ยบอก นางเมาหัวจนอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุงแถมยังเปื้อนชุดของคนบ้าอำนาจก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นทำเป็นโวยวายไปได้ โบราณเขาว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวเห็นจะเป็นเรื่องจริง
จ้าวไท่เหว่ยไม่ตอบเดินเบี่ยงตัวมายังธารน้ำแล้วถอดอาภรณ์ของเขาออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงกางเกงเผยให้เห็นมัดกล้ามสมส่วนงดงาม เจ้าไท่เหว่ยยกยิ้มมุมปากเห็นช่องทางกลั่นแกล้งคนนางจะต้องหัวเสียโวยวายเพราะความเขินอายที่เห็นบุรุษเปลื้องผ้าต่อหน้าเป็นแน่
ซานจิ่นที่มองท่านประมุขของตนอย่างไม่เข้าใจ แต่ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดเตรียมก้าวเท้าไปหยิบอาภรณ์ของผู้เป็นนายมาซักทำความสะอาด แต่ก็ต้องสะดุดเพราะโดนกล่าวห้ามเอาไว้
“ให้นางเป็นคนทำความสะอาดอาภรณ์ของข้าเพราะนางเป็นคนทำเลอะ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกผู้ติดตาม
“ขอรับ” ซานจิ่นรับคำแล้วถอยหลังออกห่างไปยืนอยู่ใต้ต้นใหญ่ด้านหลัง
“เย่วซิน..เจ้ามาทำความสะอาดอาภรณ์ให้ข้า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเรียกคนที่นั่งหันหลังไม่ยอมสนใจตน
เย่วซินกำลังนั่งรับลมเย็นเพื่อผ่อนคลายอาการวิงเวียนเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็สะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันกลับมามองด้วยความไม่สบอารมณ์ที่โดนขัดจังหวะ แต่พลันหันมาก็ต้องตกใจตาค้างเมื่อเห็นคนบ้าอำนาจยืนทำหน้าหล่อแถมยังถอดอาภรณ์ด้านบนออกเผยให้เห็นมัดกล้ามสวย กล้ามเนื้อท้องขึ้นเป็นลอนซิกแพคเซเว่นแพคเห็นแล้วชวนให้อยากสัมผัสแถมหัวนมยังเป็นสีชมพูอีกสวยเกินเบอร์เสียจริงๆ
“เจ้าจะมองอีกนานหรือไม่..” จ้าวไท่เหว่ยรู้สึกร้อนๆหนาวพิกลเมื่อเห็นสายตาโลมเลียของคนตัวเล็ก นางเป็นสตรีแบบใดกันแทนที่จะเขินอายจนหน้าแดงแต่นางกลับมองด้วยสายตาแทะโลมจนเป็นเขาเสียเองที่รู้สึกเขินอายฮึ่ย..มันน่านักยายตัวแสบ
“ถ้าท่านไม่ว่าก็อยากจะมองนานๆเหมือนกัน ข้าก็เพิ่งจะเคยเห็นซิกแพคสวยๆเช่นนี้ ของพี่เย่วเทียนและอาฉีจะมีแบบนี้หรือไม่นะ ข้าไม่เคยเห็นของพวกเขาเสียด้วยกลับไปต้องขอดูเสียหน่อยแล้ว” เย่วซินเอ่ยพร้อมเดินเข้ามาใกล้คนตัวสูงแต่สายตากลับมองต่ำอยู่แต่แผงอกและหน้าท้องพลางคิดถึงพี่ชายทั้งสองคนของตนเองกลับไปคงต้องขอดูจริงๆถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ดูนางก็จะต้องแอบดูให้จงได้ เย่วซินหมายมั่นในใจ
“เจ้า..พูดจาอะไรไม่รู้เรื่องสตรีหน้าไม่อายรีบทำความสะอาดชุดของข้าเร็วๆเลย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงดังกลบเกลื่อนความอายพร้อมยกอาภรณ์ในมือขึ้นพาดคลุมศีรษะและใบหน้าของคนตัวเล็กไม่ให้นางมองแทะโลมเขาได้อีกพร้อมกับเดินหลบมาทางอื่นอย่างหัวเสียที่แผนการกลั่นแกล้งล่มไม่เป็นท่า จ้าวไท่เหว่ยหยิบอาภรณ์ชุดใหม่ออกมาจากแหวนจัดเก็บแล้วจัดการสวมใส่ทันที
ซานจิ่นยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดูเหมือนว่าท่านประมุขจะดูผิดแปลกไปจากเดิมเวลาอยู่คุณหนูเย่วซิน ท่านประมุขแสดงสีหน้าและอารมณ์หลากหลายอย่างที่ตนก็ไม่เคยเห็นมาก่อนนับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อยที่เห็นท่านประมุขเริงร่าได้มากเช่นนี้
“ซานจิ่นข้ารู้สึกว่ามีคนจับจ้องอยู่ระวังตัวด้วย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเตือนคนสนิท แต่ยังไม่ทันที่คนสนิทจะเอ่ยตอบก็พลันมีลูกธนูมากมายพุ่งตรงมายังพวกตน ทั้งสองรีบกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ดูท่าทางแล้วพวกมันจะมีจำนวนมากดูจากห่าธนูที่ยิงมาทางตน
“ปล่อยข้านะ..” เย่วซินเอ่ยร้องเสียงดัง เมื่อจู่ๆก็มีคนมาจับตัวเอาไว้จากด้านหลังในขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดอาภรณ์ของคนบ้าอำนาจอยู่คราแรกเย่วซินคิดว่าจ้าวไท่เหว่ยคนบ้าอำนาจกลั่นแกล้งตนเสียอีก
“ปล่อยแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้เงียบๆปากเสียจะได้ไม่เจ็บตัว” เสียงบุรุษเอ่ยบอก
จ้าวไท่เหว่ยเมื่อได้ยินเสียงเล็กเอ่ยร้องก็มองไปตามเสียงเห็นบุรุษชุดดำกำลังฉุดรั้งคนตัวเล็กและโอบอุ้มหนีหายไปอีกทาง ดูท่าแล้วพวกคนร้ายคงต้องการตัวนางไปไม่ใช่ศัตรูของเขาที่หมายเอาชีวิต แต่พวกมันคิดผิดแล้วที่กล้าล่วงเกินประมุขพรรคอินทรีย์
“ซานจงช่วยซานจิ่นจัดการทางด้านนี้ข้าจะไปช่วยนาง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกคนคุ้มกันของตน
“ขอรับ” เงาร่างสูงของซานจงปรากฏตัวขึ้น
“อื้ม..ๆ..” เย่วซินใช้โอกาสที่ชายชุดดำอีกคนหนึ่งออกไปหาอาหารด้านนอกถ้ำ ส่งเสียงครางอู้อี้อยู่ในลำคอเพื่อเรียกร้องความสนใจ และก็ได้ผลเมื่อชายชุดดำที่ทำหน้าที่เฝ้านางเดินมา
“เจ้าต้องการอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยเสียดังและขยับเข้ามาใกล้สตรีร่างเล็กอย่างย่ามใจเพราะเห็นว่านางโดนสกัดจุดเอาไว้จนขยับกายหรือแม้จะพูดคุยยังไม่ได้
เย่วซินใช้โอกาสเหมาะคลายจุดรอเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อชายชุดดำขยับตัวเข้ามาใกล้จึงสะบัดผงยาสลบใส่แบบจัดเต็มและแน่นอนชายคนนั้นล้มลงทันที เย่วซินจัดการดึงผ้าคาดเอวจากชุดของคนร้ายมาจัดการมัดมือและเท้าโดยโยงติดกันเอาไว้ จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาแล้วก้าวขารีบหนีออกจากถ้ำทันที
หลังจากที่ออกไปไม่นานชายชุดดำอีกคนหนึ่งก็กลับมาเพราะเขามาพักอยู่ที่นี่บ่อยครั้งจึงรู้ว่าแหล่งน้ำและอาหารอยู่ที่ใดจึงใช้เวลาไม่นานในการออกไปหา เมื่อกลับมาก็พบว่าสหายอีกคนหมดสติและถูกมัดเอาไว้ ดูเหมือนว่าสตรีผู้นี้เขาไม่อาจดูเบาความสามารถของนางได้อีกต่อไป จึงรีบออกจากถ้ำเพื่อตามตัวกลับมาอย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นนายของตนอาจทรงกริ้วมากก็เป็นได้
เย่วซินวิ่งหนีออกมาโดยไม่มีจุดมุ่งหมายเพราะไม่คุ้นชินกับป่ารกทึบเช่นนี้ ได้แต่วิ่งหนีไปเรื่อยๆไปให้ไกลจากพวกคนร้ายให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเอาเสียเลย
“หยุดหนีเสียเถิดแม่นางเจ้าหนีอย่างไรก็ไม่พ้นหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยบอกสตรีตรงหน้า ตนเว้นระยะห่างจากนางเอาไว้พอสมควรเพราะนางเชี่ยวชาญด้านพิษต้องระวังเอาไว้ไม่เช่นนั้นอาจถูกพิษของนางเล่นงานเอาได้
“เช่นนั้นหรือ เจ้าคิดว่าจะจับตัวข้าไปได้ง่ายๆก็ลองดู” เย่วซินเอ่ยจบก็คว้าเข็มเล่มเล็กที่อาบยาชาเอาไว้ปาเข้าใส่คนร้ายนับสิบเล่ม ช่วงจังหวะที่คนร้ายมัวแต่หลบเข็มพิษเย่วซินจึงหลบหนีออกมาจากตรงนั้นนางคิดว่าเข็มพวกนั้นคงไม่สามารถปักเข้าไปในเนื้อกายคนร้ายได้โดยง่ายเป็นแน่ แต่คนร้ายมันก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้นางเช่นกัน คงได้แต่หนีไปก่อนในช่วงนี้หวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเหลือก่อนที่จะหมดแรงลงไป เพราะร่างกายของนางไม่สู้ทนต่อความเหน็ดเหนื่อยเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับคนร้ายแล้วห่างชั้นกันมากเลยทีเดียว ถ้าร่างกายอ่อนแรงลงเมื่อใดเมื่อนั้นคงต้องตกอยู่ในมือคนร้ายอีกครั้งหนึ่งเป็นแน่
“โอ๊ะ..อ๊ายยย..” เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ เย่วซินรู้สึกว่าตัวเองตกลงมาจากที่สูงและมันคงจะสูงมากเลยทีเดียวเพราะจนกระทั่งตอนนี้ร่างกายของนางยังไม่หยุดเสียดสีกับพื้นดินได้แต่ภาวนาในใจว่าปลายทางข้างหน้าจะไม่เลวร้ายนัก
“ตุ๊บ..โอ๊ย..” สิ้นเสียงเพียงเท่านั้นโลกก็มืดไปทันทีอาจเป็นเพราะความเจ็บปวดความตกใจรวมกับความเหนื่อยล้า เย่วซินสลบไปทันทีโดยไม่รู้ว่าตนเองอยู่แห่งหนใดในตอนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...