สรุปเนื้อหา บทที่ 69 คืนสนองด้วยพิษ – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่ 69 คืนสนองด้วยพิษ ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่วซินออกมาเดินชมสวนด้านนอกรับอากาศบริสุทธิ์แต่ต้องตกใจและดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดเดินเข้ามา
“พี่เย่วเทียนข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย” เย่วซินรีบวิ่งไปหาพร้อมกับกอดพี่ชายเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างบาดแผลหายดีหรือยัง” เย่วเทียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“หายแล้วเจ้าค่ะข้าไม่เจ็บแล้ว อิงอิงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“นางอาการดีขึ้นแล้วแต่ยังต้องพักฟื้นอีกสักระยะ พอดีกับช่วงนี้นางถูกท่านปู่ลงโทษกักบริเวณอยู่ด้วย”
“ฮ่าๆอิงอิงโดนบ้างแล้วหรือ?” เย่วซินหัวเราะชอบใจกับสิ่งที่ได้ยินแล้วเอ่ยถามต่อ “พี่เย่วเทียนมาหาข้ามีเรื่องด่วนอันใดหรือเปล่าเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พี่มีเรื่องต้องรบกวนเจ้าหน่อย”
“ว่ามาได้เลยเจ้าค่ะ”
“พี่อยากให้เจ้าช่วยไปดูอาการชาวบ้านหลังเขานอกเมือง ได้ข่าวว่ากำลังเดือดร้อนเพราะติดโรคระบาด” เย่วเทียนเอ่ยบอก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่ก็ไม่เกินคาดเดา ฮ่องเต้ได้รับฎีกาด่วนจึงมีรับส่งให้องค์ชายหยางหลงนำหมอหลวงและทหารจำนวนหนึ่งออกนอกเมืองเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน
“ได้เจ้าค่ะ แล้วมีเรื่องอื่นแอบแฝงหรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถาม
“พี่กลัวว่าจะเป็นแผนการของคนร้ายหลอกล่อให้องค์ชายหยางหลงออกนอกเมือง” เย่วเทียนเอ่ย
“แล้วพี่เย่วเทียนมีแผนการไว้หรือยังเจ้าคะ”
“เจ้าอย่าได้กังวล เรื่องนี้พี่เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว เจ้ารีบไปเตรียมตัวเถิด” เย่วเทียนเอ่ยบอกน้องสาวบุญธรรม
จากนั้นเย่วซินก็รีบไปแต่งตัวและเตรียมข้าวของ พี่เย่วเทียนจะพานางไปหาองค์ชายหยางปิงจากนั้นก็แยกทางกัน เพราะพี่เย่วเทียนต้องรีบกลับไปสบทบกำลังกับองค์ชายหยางหลงที่ตอนนี้กำลังรวบรวมกำลังพล สายข่าวรายงานมาแล้วว่าองค์ชายรองเหล่ยหลงเคลื่อนกำลังทหารล้อมตำหนักมังกรเอาไว้อย่างหนาแน่นไม่ให้ผู้ใดเข้าออก ตั้งแต่องค์ชายหยางหลงเดินทางออกมาจากเมือง
เย่วเทียนพาน้องสาวออกจากพรรคอินทรีย์โดยให้คนคุ้มกันของนางเป็นคนนำทางเข้าออก จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาพาตัวนางมาหาองค์ชายหยางปิงที่รออยู่
“ท่านมาเสียทีข้ารออยู่ตั้งนานแล้ว” หยางปิงเอ่ยบ่นเพราะรอนานอีกทั้งสถานการณ์ตอนนี้ก็ตึงเครียดไปหมดเป็นห่วงก็แต่บิดาไม่รู้ว่าป่านนี้ทรงเป็นอย่างไรบ้าง
“ท่านบ่นเป็นตาแก่ไปได้” เย่วซินเอ่ยเถียงลอยๆ
“อ้าว...จิวอิงเจ้าสบายดีหรือไม่ บาดเจ็บครานั้นข้าไม่ได้ไปเยี่ยมเจ้าเลย” หยางปิงแกล้งเอ่ยทักผิดเมื่อเห็นร่างเล็กบ่นตนเอง
“ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจข้าก็ไม่ห้ามหรอกเพคะองค์ชาย...” เย่วซินเอ่ย
“หยางปิงข้าฝากเจ้าดูแลนางด้วย ซินเอ๋อร์ฝากเจ้าดูแลชาวบ้านด้วยและดูแลตัวเองดีๆพี่เป็นห่วง” เย่วเทียนเอ่ยบอกทั้งสองคน
“พี่เย่วเทียนก็เช่นกันนะเจ้าคะสู้ๆนะแล้วเจอกัน” เย่วซินเอ่ยพร้อมกอดลาพี่ชายอีกครั้งอย่างห่วงใยจากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง
ทางด้านเมืองหลวงแคว้นหนิงกองกำลังทหารเข้าควบคุมตำหนักมังกรและตำหนักอื่นๆภายในวัง เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารวังหลวงและทหารฝ่ายกบฏแต่สุดท้ายทหารวังต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เพราะพิษที่อีกฝ่ายใช้เล่นงาน ฮ่องเต้จึงถูกจับเป็นตัวประกันเอาไว้ด้านในตำหนักอย่างง่ายดาย
“เหล่ยหลงเจ้ากลับตัวตอนนี้ข้าจะให้อภัยเจ้าอย่าหลงผิดอีกเลย” หนิงฮ่องเต้เอ่ยบอกโอรสองค์รองของตน
“เสด็จพ่ออย่าโป้ปดเลย ถ้าเสด็จพ่อรักข้าจริงก็สละบัลลังก์แล้วยกตำแหน่งนั้นมาให้ข้าเสีย” เหล่ยหลงเอ่ยเสียงเข้ม
“ข้าไม่มีวันยกแผ่นดินนี้ให้คนที่จิตใจชั่วช้าเช่นเจ้า” หนิงฮ่องเต้เอ่ยเสียงเข้ม ยามนี้ร่างกายไม่สามารถขยับได้เพราะโดนกรอกยาพิษเข้าไปทำให้ร่างกายเริ่มอ่อนแรง
“แน่ใจหรือพะย่ะค่ะ” เหล่ยหลงยิ้มมุมปากพลางหยิบสาส์นสีทองออกมาเนื้อความด้านในนั้นคือราชโองการสละบัลลังก์และแต่งตั้งผู้สืบบัลลังก์คนต่อไปเหลือเพียงรอยประทับของฮ่องเต้เพียงเท่านั้นราชโองการฉบับนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์
“เจ้ามันไม่น่าเกิดมาเป็นโอรสของข้า” หนิงฮ่องเต้โกรธจัดพยามยามเค้นเสียงพูดออกมา
“หึ...ท่านมีเวลาไม่มากแล้วรีบๆประทับลายนิ้วมือเสียเถิด แล้วข้าจะละเว้นคนอื่นๆที่เหลือ” เหล่ยหลงเอ่ยอย่างใจเย็น
เสียงต่อสู้ดังขึ้นชั่วครู่ประตูตำหนักมังกรก็ถูกเปิดออก เหล่ยหลงตกใจรีบฉุดรั้งบิดามาเป็นตัวประกัน เหตุใดหยางหลงถึงได้บุกเข้ามาง่ายดายเช่นนี้ แม้จะรู้ว่ามันต้องกลับมาตนจึงเตรียมการป้องกันเอาไว้อย่างดี แล้วเหตุใดกัน..
“มีอะไรให้ช่วยเหลือหรือไม่องค์ชาย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
“อ้อ...ไม่มีอะไรเชิญท่านตามสบายอีกประเดี๋ยวข้าจะให้หมองหลวงไปช่วยตรวจดูอาการของชาวบ้าน” หยางปิงเอ่ยพร้อมขอตัวเดินแยกออกมาเพื่อสั่งงานให้กับทหารและทีมหมอที่ติดตามมาให้ทำหน้าที่ของตนเอง
“เจ้าทำอะไรเหตุใดยังไม่ลงมาอีก” หยางปิงยืนอยู่หน้ารถม้าของเย่วซินพร้อมเอ่ยเสียงดังถามคนด้านใน แต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบกลับ จึงเปิดผ้าม่านออกเพื่อดู
“ยายคนขี้เซาเจ้าจะนอนตั้งแต่ขึ้นรถม้ามาเลยหรือ?” หยางปิงเอ่ยเสียงดังอีกครั้งเพื่อให้คนที่นอนหลับได้ยิน
“อืม...ถึงแล้วหรือ?นานจังข้าหลับๆตื่นๆมาตั้งหลายครั้งแล้ว” เย่วซินเอ่ยตอบเสียงงัวเงีย แรงโยกของรถม้าที่วิ่งตามเส้นทางที่ขรุขระนั้นทำให้เมาหัวจนไม่อาจลืมตามานั่งชมธรรมชาติได้ มีเพียงการนอนเท่านั้นที่จะทำให้อาการเมารถดีขึ้น
“เป็นอย่างไรบ้างหน้าเจ้าซีดมากเลย ข้าบอกให้ขี่ม้าล่วงหน้ามากับข้าก่อนก็ไม่ยอม” หยางปิงเอ่ยบ่น
“ไม่ต้องมาบ่นหม่อมฉันเลย นั่งรถม้าย่อมดีกว่าแน่นอน”
“เจ้านั่งพักก่อน ข้าให้ทหารเตรียมตั้งกระโจมเอาไว้ให้เจ้าแล้วเสร็จเมื่อไรค่อยออกไปพักด้านนอก” หยางปิงเอ่ยบอก
“ไม่เป็นไรเพคะหม่อมฉันอยากไปดูชาวบ้านก่อน” เย่วซินเอ่ยพร้อมขยับลุกออกจากรถม้า เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นความวุ่นวายมีทั้งทหาร และคนมากมายช่วยพยุงชาวบ้านเข้ากระโจมที่ดูเหมือนจะใหญ่มากกว่ากระโจมอื่น คงเป็นกระโจมของหมอที่รักษาชาวบ้าน
เย่วซินหยิบผ้ามาคาดปิดบังใบหน้าเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ส่วนรอยแดงนั้นนางก็ใช้ครีมรองพื้นปกปิดเอาไว้แล้วเช่นกัน ส่วนองค์ชายหยางปิงนางให้คาดผ้าปิดจมูกเอาไว้ก่อนถ้าตรวจแล้วไม่ใช่โรคละบาดค่อยเอาออกทีหลัง จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปยังกระโจมที่วุ่นวายทันที
ภายในกระโจมใหญ่มีหมอหลายคนช่วยดูแลคนป่วย บ้างก็นอนไม่ได้สติ บ้างก็ร้องไห้โอดโอย ดูวุ่นวายไปกันหมดดูแล้วช่างหน้าหดหู่ยิ่งนัก มีชาวบ้านถูกหามออกไปด้านนอกโดยที่ไร้ลมหายยิ่งทำให้คนที่พบเห็นยิ่งขวัญเสียหนักเข้าไปอีก
“ทำไมต้องเอารวมกันในนี้ทั้งหมด ท่านสั่งให้ทหารตั้งกระโจมใหญ่อีกสองกระโจมได้หรือไม่” เย่วซินเอ่ยถามองค์ชายหยางปิงที่เดินอยู่ด้านข้าง
“ได้อยู่แล้ว เจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่” หยางปิงเอ่ยถาม
“ไม่มีแล้วเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...