“ความจริงเจ้าไม่ต้องลำบากมากับข้าก็ได้ลู่ซือ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยขณะกำลังเดินดูธารน้ำตกว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ เพราะอาการป่วยของชาวบ้านไม่น่าจะใช่โรคติดต่อ เพราะเหล่าลูกพรรคและหมอที่มาช่วยนั้นต่างก็ไม่ได้ติดเชื้อเหล่านั้น
“ข้าไม่ลำบากเลย... ท่านยังไม่ให้อภัยข้าอีกหรือ?” กวนลู่ซือเอ่ยถามชายที่เคยเป็นคนรักถ้าไม่ใช่เพราะความหลงผิดชั่ววูบป่านนี้ก็คงจัดงานมงคลกันไปแล้ว แต่มันยังคงไม่สายไท่เหว่ยเองก็ยังไม่มีสตรีใดแสดงว่าเขายังไม่ลืมความรักที่มีให้กับตนเอง
“ข้าไม่เคยโกรธเจ้า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเพียงสั้นๆพลางสอดส่ายสายตามองหาสิ่งผิดปกติไปเรื่อย เมื่อหลายปีก่อนเขาและนางเคยมีใจต่อกันตอนนั้นเขายังไม่ได้สืบทอดตำแหน่งประมุขพรรค บิดาของนางอยากให้บุตรสาวคบหากับคนที่ดีที่สุดจึงจัดการหมั้นหมายนางกับประมุขพรรคกิเลน แต่เมื่อไม่นานมานนี้ได้ข่าวว่านางถอนหมั้นแล้ว
“เช่นนั้นเรากับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่” กวนลู่ซือเอ่ย
จ้าวไท่เหว่ยชะงักเท้าเมื่อได้ยินที่ลู่ซือเอ่ย เมื่อตอนที่นางบอกเขาว่าได้หมั้นหมายกับชายอื่นตอนนั้นเขาเสียใจเป็นอย่างมาก เขาและนางรู้จักกันมาตั้งแต่เล็กผูกพันธ์กันมานาน แม้นางจะหมั้นหมายกับชายอื่นแต่ความรักความห่วงใยยังมีให้นางไม่เปลี่ยนเพียงแต่ในฐานะพี่น้องเพียงเท่านั้นไม่ใช่ความรักแบบชายหญิงอีกต่อไปแล้ว
“ข้ายังรักและห่วงใยเจ้าเหมือนเดิมเพียงแต่ความรักของชายหญิงข้าไม่อาจให้เจ้าได้อีก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงเรียบ
“เพราะเหตุใดกัน หรือว่าท่านมีคนรักแล้ว” กวนลู่ซือเอ่ยถามรู้สึกเสียใจแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ตลอดเวลานางติดตามข่าวคราวของเขาตลอดจึงรู้ว่าเขายังไม่มีใครข้างกาย
“ใช่...ข้ามีคนรักแล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยแบบส่งๆเพื่อให้นางตัดใจเลิกยุ่งกับเขาอีก
“โกหก ท่านยังไม่มีใครอย่ามาหลอกข้าดีกว่า” กวนลู่ซือเอ่ยด้วยความมั่นใจ
“ตามใจ” เอ่ยจบจ้าวไท่เหว่ยก็เร่งฝีเท้ากระโดดขึ้นไปยังต้นน้ำด้านบนสุด และเมื่อค้นหาโดยรอบก็พบบางอย่างที่ผิดปกติจึงรีบเก็บกลับไปตรวจสอบทันที
เมื่อกลับมายังหมู่บ้านเห็นกระโจมใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกสองหลังและมีการขนย้ายคนป่วยดูทุกคนวุ่นวายไปหมด แต่สายตาพลันสะดุดกับร่างเล็กที่เดินไปมามันช่างคุ้นเคยยิ่งนักแต่นางจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จ้าวไท่เหว่ยก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อตรวจดูความแน่ใจ
“เย่วซิน?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเรียก
“อ้าว...ท่านประมุขจ้าว ท่านมาอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?โลกกลมจัง” เย่วซินหันมาตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นประมุขจ้าวผู้บ้าอำนาจนั่นเอง ที่เขาบอกว่ามีงานด่วนคือเรื่องนี้นี่เองแล้วเหตุใดจึงไม่ยอมชวนนางมาด้วยนะ เย่วซินคิดพลางเหลือบตามองเห็นสตรีหน้าตางดงามผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆพอดี อ้อ...เป็นเช่นนี้นี่เองร้ายไม่เบาเลยนะ
“ท่านรู้จักนางด้วยหรือ?” กวนลู่ซือเอ่ยถามสายตากวาดมองสตรีตรงหน้าแต่นางคาดผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้จึงไม่อาจรับรู้ได้ว่าภายใต้ผ้าผืนนั้นนางงดงามหรือไม่ แต่เท่าที่มองผ่านๆนางนับว่างดงามพอได้
“นางคือคนรักของข้าเอง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกลู่ซือด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ฉุกคิดแผนการได้อย่างกะทันหัน
“เอ่อ...เดี๋ยวนะ...ใครคือ” เย่วซินเอ่ยน้ำเสียงติดขัดเพราะไม่แน่ใจว่าตนเองฟังผิดหรืออย่างไรแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยจบประมุขจ้าวก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าขอตัวก่อนนะลู่ซือ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเพียงเท่านั้นก็คว้าแขนของเย่วซินฉุดรั้งมาตามแรงแล้วเดินหลบมาอีกด้านหนึ่งที่ปลอดผู้คน
“ท่านประมุขท่านเล่นอะไรของท่านอีกเนี่ย...ข้าตามไม่ทันแล้วนะ” เย่วซินเอ่ยเสียงดังโวยวายทันทีที่เขาหยุดเดิน
“ช่วยแกล้งเป็นคนรักของข้าหน่อย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยขอร้อง
“ไม่เอา!!” เย่วซินกอดอกเชิดหน้าตอบทันที
จ้าวไท่เหว่ยหยิบปิ่นหยกขาวออกมาจากแหวนจัดเก็บทันที “เจ้าไม่ต้องการมันแล้วหรือ?”
“คืนมันมาให้ข้าก่อน” เย่วซินเอ่ยต่อรองเมื่อเห็นว่าครั้งนี้ตนเองเป็นต่อ
“เจ้าแน่ใจนะว่าถ้าคืนแล้วจะไม่เบี้ยวข้า” จ้าวไท่เหว่ยลังเลไม่เชื่อใจในความแสบของคนตรงหน้า
“ท่านเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน”
“เจ้ามันตัวแสบไว้ใจไม่ได้นะสิ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตามความจริง
“เถอะน่า...ข้ายังมีสัจจะอยู่บ้าง คืนมาเดี๋ยวนี้เลยเร็วๆ” เย่วซินแบมือเตรียมรอรับของสำคัญอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมเร่งเร้าให้เขารีบตัดสินใจ
จ้าวไท่เหว่ยไม่มีทางเลือกจึงตัดสินใจส่งปิ่นหยกคืนเจ้าของ เย่วซินรับปิ่นหยกมาก็รีบสำรวจพร้อมกอดแนบอกอย่างรักใคร่จากนั้นก็มองตาขวางใส่คนร่างสูงทันที
“มองข้าแบบนี้หมายความว่าอย่างไรหรือว่าจะเบี้ยว...” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเมื่อมองหน้าคนร่างเล็กที่จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง
“ใช่นะสิ.ง.” เย่วซินเอ่ยจบเตรียมก้าวเท้าเดินหนี แต่ก็ยังช้ากว่าคนร่างสูงที่เอื้อมมือมาฉุดรั้งแขนนางเอาไว้อย่างแรงจนร่างเซเข้าไปปะทะอกของเขาเต็มแรง
จ้าวไท่เหว่ยกอดรัดคนร่างเล็กเอาไว้แน่นไม่ให้นางหนีเขาไปได้ ยายตัวแสบจอมหลอกลวงคิดจะหนีเขาพ้นหรือ
“ปล่อยข้าก่อนข้าหายใจไม่ออก” เย่วซินดิ้นไปมาแต่แขนของเขาแข็งแรงเกินไปดิ้นเท่าไรก็ไม่ขยับเลยสักนิด
“เจ้าหลอกลวงข้าหรือ? ถ้าไม่ยอมช่วยเหลือข้าก็ไม่ปล่อยจะกอดเอาไว้อย่างนี้แหละ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยพร้อมกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก
“ยอมแล้วๆปล่อยๆข้าจะตายอยู่แล้ว” เย่วซินเอ่ยเสียงดัง เมื่อร่างกายถูกคลายจากความอึดอัดก็พลันโล่งใจรีบหายใจเข้าปอดรัวเร็ว
“ท่านไม่ชอบนางก็บอกไปตามตรงสิ เหตุใดต้องหาข้ออ้างมาหลอกนางด้วยเล่า” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ถ้าข้ายังไม่มีคนรักข้างกายนางคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆหรอกนางดื้อรั้นยิ่งนัก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย
“ดูท่าทางท่านจะรู้ใจนางมากเลยนะ” เย่วซินเอ่ยถามแต่ท่าทีของประมุขจ้าวไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าใดนักยืนนิ่งไม่ยอมตอบ “ถ้าท่านไม่เล่าให้ข้าฟังเช่นนั้นก็ตัวใครตัวมันละกัน”
“นางคือคนรักเก่าของข้า แต่เราเลิกรากันไปนานแล้ว...” จากนั้นจ้าวไท่เหว่ยก็เอ่ยเล่าเรื่องราวของตนกับลู่ซือให้เย่วซินรับรู้ไม่เช่นนั้นนางก็ไม่ยอมร่วมมือกับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...