“ข้าไม่ได้ทิ้งเจ้าข้าเพียงต้องขึ้นมาเอาอาวุธ” เอ่ยจบลู่ซือก็ดีดกายขึ้นอีกครั้งก็มาถึงฝั่งแล้วรีบหยิบกระบี่อ่อนของตนเองที่วางกองไว้ข้างอาภรณ์ จากนั้นก็รีบดีดตัวมาช่วยเย่วซินทันที
กวนลู่ซือดีดกายมายืนที่ก้อนหินก้อนเดิม จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาเหยียบลงบนผืนน้ำพร้อมตวัดกระบี่อ่อนใส่เข้ากลางลำตัวของอสรพิษจนขาดออกเป็นสองท่อน
ส่วนหางของอสรพิษกระเด็นออกมาอีกทาง ส่วนหัวของอสรพิษก็กระเด็นไปอีกทาง แต่..มันไปทางที่เย่วซินยืนอยู่พอดิบพอดี
“ว๊ายยย!!...” เย่วซินตกใจสุดขีดร้องออกมาเสียงดังลั่น แล้วล้มหงายหลังจมลงน้ำทันที
กวนลู่ซือเห็นว่าน้ำนั้นไม่ลึกมากเย่วซินคงไม่เป็นอันตรายใดๆประเดี๋ยวนางก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำได้เอง คิดได้เช่นนั้นก็รีบจัดการเจ้าอสรพิษส่วนหัวที่มันยังไม่สิ้นฤทธิ์ให้เสร็จเรียบร้อยไปจะได้ไม่สร้างความตื่นกลัวอีก กวนลู่ซือลงกระบี่ใส่เจ้างูตัวเขื่องอย่างไม่มีปราณีจนมันแน่นิ่งไปแล้วมาหยุดยืนที่โขดหินก้อนเดิม
“แม่นางเย่วซิน!!..” กวนลู่ซือร้องเรียกด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างเล็กผุดขึ้นจากน้ำแล้วจมลงไปอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาเหยียบบนผืนน้ำอีกคราเพื่อจะดึงร่างเล็กขึ้นมาแต่ก็ไม่เป็นผลสักนิด
“น้ำใต้ล่างมันดูดข้าช่วยด้วย!!” เย่วซินกลัวน้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จึงทำให้ตื่นตระหนกมากขึ้นด้วยความกลัว
กวนลู่ซือไม่รู้จะทำเช่นไรดีกับเหตุการณ์ในครั้งนี้รู้สึกผิดต่อร่างเล็กที่พยายามหลอกล่อให้นางลงมาในน้ำทั้งที่นางพยายามบ่ายเบี่ยงแล้ว กวนลู่ซือตัดสินใจกระโดดลงน้ำเพื่อช่วยเหลือ
“ตู้ม..ตู้ม..” เสียงดังที่เกิดขึ้นไม่ใช่ของกวนลู่ซือแต่เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยจ้าวไท่เหว่ย และบุรุษอีกคนหนึ่งที่กวนลู่ซือไม่เคยพบหน้ามาก่อน
จ้าวไท่เหว่ยเดินมาล้างเนื้อล้างตัวที่ลำธารอีกด้านหนึ่งของน้ำตกพร้อมกับเหล่าลูกพรรค เขาสังเกตเห็นผ้าผืนบางสีฟ้าอ่อนลอยมาตามธารน้ำพลันรู้สึกคุ้นตาจึงเก็บขึ้นมา เมื่อพินิจมองอย่างถ้วนถี่ก็รู้ทันทีว่าเป็นของผู้ใด ลายปักที่เป็นรูปดวงจันทร์สีเหลืองนวลบนผืนผ้านั้นไม่ผิดแน่ของเย่วซิน
จ้าวไท่เหว่ยรีบเดินเลาะริมธารน้ำขึ้นมาทางเหนือด้วยรู้สึกเป็นห่วงสตรีตัวเล็กกลัวว่านางจะได้รับอันตราย เมื่อเดินเข้ามาใกล้สองเท้าก็ชะงักงันเพราะได้ยินเสียงร้องของสตรีดังแว่วมาแต่ไกล หลังจากนั้นจ้าวไท่เหว่ยก็ใช้วิชาตัวเบาเร่งกายให้เร็วขึ้นเพราะเสียงนั้นเขาจำได้ดี
ครั้นมาถึงก็เห็นร่างเล็กกำลังจมลงใต้ผืนน้ำพอดีเขาจึงรีบกระโดดลงมาช่วยเหลือ ตนนั้นย่อมทราบดีว่าน้ำบริเวณนั้นเป็นเช่นไร ถ้าคนว่ายน้ำไม่แข็งก็อาจตกตายได้เพราะน้ำเบื้องล่างตรงบริเวณนี้เป็นแอ่งน้ำวนและลึกพอสมควรยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นมีแต่เอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่าๆ
จ้าวไท่เหว่ยดำดิ่งลงน้ำตามร่างเล็กอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าร่างนางเอาไว้ตอนนี้นางไม่ได้สติแล้วจ้าวไท่เหว่ยจับบ่าร่างเล็กแล้วเขย่าเบาๆเพื่อให้นางมีสติแต่ไม่ผล จึงตัดสินใจถ่ายลมหายใจของตนเองปากหยักได้รูปประกบเข้ากับกลีบปากบางอย่างไม่ลังเล ถ้าไม่กระทำเช่นนี้นางอาจจะไม่รอด
ร่างใหญ่ของจ้าวไท่เหว่ยถูกกระแทกอย่างแรงขณะที่กำลังถ่ายลมหายใจของตนเข้าสู่ร่างเล็กจนกระเด็นออกห่างโดยไม่ทันตั้งตัว
เย่วเทียนที่เดินทางมาถึงหมู่บ้านนอกเขตเมืองก็ถามหาน้องสาวบุญธรรมทันที จนได้รับรู้ว่านางออกมาเล่นน้ำด้านหลังหมู่บ้านที่มีน้ำตกและมีดอกไม้สวยสะพรั่ง ในใจของเย่วเทียนรับรู้ได้ว่าอย่างไรเสียไม่มีทางที่น้องสาวของตนจะลงเล่นน้ำตกเป็นแน่
เมื่อเดินมาตามทางที่ชาวบ้านบอกก็ได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง หลังจากที่ได้พูดคุยกันจึงทราบว่าเขาเป็นคนของประมุขจ้าวไท่เหว่ยและคอยตามคุ้มครองซินเอ๋อร์ไม่ให้เกิดอันตราย แต่สาเหตุที่เขามายืนอยู่ตรงปากทางเดินเข้าน้ำตกนั้น เป็นเพราะน้องสาวของตนและแม่นางอีกผู้หนึ่งต้องการเล่นน้ำกัน บุรุษไม่ควรเข้าไปชิดใกล้
พูดคุยกันไม่ทันจบก็พลันได้ยินเสียงกรีดร้องของสตรี สำหรับผู้ที่ฝึกวรยุทธ์อย่างกล้าแกร่งนั้นน่อมได้ยินชัดเจน และนั่นเป็นเสียงของคนที่พวกตนกำลังเอ่ยถึง
ทั้งเย่วเทียนและซานจิ่นรีบใช้วิชาตัวเบาเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น เมื่อมาถึงก็เห็นร่างเล็กของน้องสาวกำลังจมน้ำ หัวใจของเย่วเทียนกระตุกวูบด้วยรู้ว่าน้องสาวผู้นี้ว่ายน้ำไม่เป็นและนางกลัวน้ำลึกที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...