บทที่ 77 โดนรู้ทัน – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่แฝดคู่ป่วน
ตอนนี้ของ คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 77 โดนรู้ทัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“มันยังไม่ตายอีกหรือ? ทำไมช่างดวงแข็งเช่นนี้กัน” หานเฟิ่งฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวังเมื่อได้รับรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งกระทำลงไปผิดพลาด
หลังจากที่กวนลู่ซือและหมิงเย่วซินลงไปในน้ำ ตนก็สั่งให้เงาปล่อยอสรพิษตัวเขื่องที่สั่งให้คนไปจับมารอเอาไว้ หลังจากนั้นก็กลับมารอฟังข่าวดีถ้าพวกนางไม่จมน้ำตายก็คงถูกอสรพิษกัดตาย แต่ไม่คิดว่าพวกมันยังมีชีวิตรอดกลับมาน่าเจ็บใจนัก
“ใจเย็นๆเถิดตอนนี้เจ้าต้องรีบไปเยี่ยมอาการพวกนางสักหน่อยนะจะได้ไม่เป็นที่สงสัย” หานเฟิ่งอวี่เอ่ยบอกน้องสาว
“เสด็จพี่ก็ไปกับน้องด้วยนะเพคะ” หานเฟิ่งฮวาเอ่ยชวนพี่ชาย
“ย่อมได้พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปเยี่ยมนางกัน” หานเฟิ่งอวี่เอ่ยบอกน้องสาว
เช้าวันรุ่งขึ้นกวนลู่ซือมายังกระโจมของเย่วซินด้วยรู้สึกเสียใจที่ตนเป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด แม้ว่าพี่ไท่เหว่ยจะไม่เอ่ยถามสิ่งใดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตนเองรู้ดีว่าในใจเขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
เช่นเดียวกับซานจิ่นที่ตอนแรกก็รู้สึกไม่พอใจแม่นางกวนลู่ซืออยู่บ้าง แต่นางช่วยชีวิตคุณหนูเย่วซินเอาไว้และยังช่วยดูแลจนดึกดื่น ซานจิ่นจึงลดกำแพงความไม่พอใจลงมาหลายส่วนและยินยอมให้นางเข้าออกที่พักของคุณหนูเย่วซินได้ตามสะดวก
กวนลู่ซือเข้ามายังด้านในที่พักแล้วจัดการหยิบผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดเช็ดหน้าตาและเนื้อตัวของเย่วซินทันที เมื่อเห็นว่านางตัวร้อนขึ้นมาอีกเล็กน้อย เมื่อคืนนี้นางก็มีไข้ท่านหมอหลวงมาตรวจดูอาการและให้ยามาทานแล้วนางก็เริ่มดีขึ้น
ลู่ซือเมื่อได้เช็ดหน้าให้เย่วซินเมื่อคืน จึงรู้ว่าใบหน้าของนางมีริ้วรอยแดงที่บริเวณแก้มซ้าย ที่ตนรู้ก็เพราะมีคราบเปื้อนติดมากับผ้าที่ใช้เช็ดหน้า ตนจึงใช้บริเวณที่เปื้อนออกและเห็นริ้วรอยของนาง
“เย่วซินเจ้าฟื้นแล้วหรือ?รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่” กวนลู่ซือเอ่ยถามทันทีที่ร่างเล็กรู้สึกตัว และลืมตาตื่นขึ้นมา
“ลู่ซือ?” เย่วซินเอ่ยเพียงเท่านั้น แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองอยู่ที่แห่งหนใดใช่บนสวรรค์หรือไม่!
“ข้ายังไม่ตายหรอกหรือ?” เย่วซินเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อรับรู้ว่าอยู่ในกระโจมที่พักของตนเองแล้วค่อยๆขยับกายลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บตัว ถ้าข้าไม่ดึงดันให้เจ้าลงน้ำเจ้าคงไม่ต้องเป็นแบบนี้” ลู่ซือเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เพราะความอยากรู้อยากเห็นของตนแท้ๆจนเกือบทำให้นางต้องสิ้นชีวิตลง
“เจ้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย” เย่วซินเอ่ย ถ้าลู่ซือไม่เป็นตะคริวนางคงไม่เรียกตนลงน้ำหรอกมันเป็นอุบัตติเหตุพอเข้าใจได้ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอกเย่วซินคิในใจเช่นนั้น
“ไม่ใช่! ข้าตั้งใจ..” ลู่ซือเอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจสารภาพผิดเรื่องที่ตนเองได้ก่อเอาไว้ ตนเองจะไม่ยอมให้เรื่องราวครั้งนี้เป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิตเป็นแน่
“หมายความว่าอย่างไร?” เย่วซินขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจในคำพูดของคนตรงหน้า
จากนั้นลู่ซือก็เล่าเรื่องราวตามความเป็นจริงทั้งหมดให้เย่วซินฟังอย่างละเอียด นางจะให้อภัยหรือไม่เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ตนเป็นคนก่อเรื่องกล้าทำย่อมกล้ารับ
เย่วซินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็พลันเลือดขึ้นหน้า ยกมือขึ้นฟาดแรงๆไปยังร่างของกวนลู่ซือสองสามทีเพื่อเป็นการลงโทษ ถึงแม้จะบอกว่าฟาดแรงๆแต่เรี่ยวแรงของตนยามนี้นับว่าน้อยนิดยิ่งนัก
“นี่แน่ะ..นี่แน่ะ..นี่แน่ะ..ข้าจะตีเจ้าให้สาสมกับที่ทำให้ข้าเกือบตาย ถ้าเจ้าอยากเห็นใบหน้าของข้าเพียงเอ่ยปากข้าก็ยอมเปิดให้เจ้าได้ยลโฉมแล้วไม่เห็นต้องคิดแผนการณ์พิเรนท์เช่นนี้เลย”
“ข้าผิดข้าถึงมาขอโทษเจ้านี่ไง เจ้าตีข้าข้าก็ไม่โกรธเจ้าหรอก” ลู่ซือเอ่ย
“เจ้าไม่ผิดหรอก ข้ายกโทษให้” เย่วซินเอ่ย เมื่อคิดทบทวนดูแล้วคนที่ผิดจริงๆก็คือองค์หญิงชั่วร้ายผู้นั้นต่างหาก ลู่ซือเป็นเพียงหมากของนางที่ใช้แล้วทิ้งเพียงเท่านั้น
“โอ๊ย..” เย่วซินร้องขึ้นด้วยความเจ็บที่โดนพี่ชายดีดหน้าผาก ยกมือเรียวขึ้นลูบหน้าผากตัวเองไปมารัวๆ
“โทษฐานที่เจ้าโกหก!!” เย่วเทียนเอ่ย
“ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่า..พี่ชาย...” เย่วซินยกมือประกบกันในท่าพนมอ้อนวอนพี่คนหน้านิ่งสุดฤทธิ์ นางพูดเช่นนั้นเป็นเรื่องจริงและไม่รู้ว่าเขาทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่เรื่องที่คิดถึงเขานั้นเป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหก
ทางด้านจ้าวไท่เหว่ยกำลังนั่งจิบชาอยู่ในที่พักของตนอง และกำลังฟังรายงานถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากคนสนิทอย่างละเอียด และรวมไปถึงเรื่องที่ซานจิ่นเองก็เพิ่งได้รับรู้เช่นกัน
“สรุปว่านางคือคนที่เจ้าตามหามานานเช่นนั้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถาม
“มิเชิงขอรับ ข้าน้อยไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่านายหญิงคลอดบุตรฝาแฝด ที่ข้าน้อยติดตามคือฝาแฝดคนพี่และสาวใช้และทั้งสองคนนั้นข้าน้อยยังไม่เคยพบเจอเลยขอรับ” ซานจิ่นเอ่ยตามความเป็นจริง
“ชีวิตของนางคงยากที่จะสงบสุข ขนาดตอนนี้ยังไม่มีใครทราบฐานะที่แท้จริงยังเกิดเรื่องจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าคนพวกนั้นทราบเรื่องแล้วละก็...” จ้าวไท่เหว่ยหยุดเอ่ยเพียงเท่านั้นแต่ซานจิ่นรู้ในความหมายต่อจากนั้นเป็นอย่างดี
“เจ้าไม่ต้องติดตามข้าแล้ว ข้าอนุญาตให้เจ้าคอยติดตามคุ้มกันนางและบิดาของนาง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยสั่งซานจิ่น เขาเองก็มีซานจงคอยติดตามรับใช้อยู่แล้วไม่มีซานจิ่นก็ไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก
“ขอบคุณขอรับท่านประมุข ข้าน้อยจะทำตามคำสั่งอย่างดีที่สุด” ซานจิ่นเอ่ยเสียงหนักแน่นรับคำประมุขหนุ่มของตน ซานจิ่นทราบดีว่าแท้จริงแล้วท่านประมุขคิดเช่นไรกับคุณหนูของตนเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ยอมรับออกมาเพียงเท่านั้น
การที่คนเราจะรักหรือชอบใครนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่สำหรับคนที่เคยผิดหวังมาแล้วนั้นย่อมคิดต่าง เขาจะมีกำแพงสูงปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปได้โดยง่าย และจะไม่ยอมเผยความรู้สึกของตนออกมาง่ายๆเช่นกัน ซานจิ่นได้แต่หวังว่าประมุขของตนจะผ่านพ้นมันไปได้และเจอคนที่จะมาทำลายกำแพงนั้นเสียที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...