สรุปเนื้อหา บทที่ 79 อสรพิษร้าย – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่ 79 อสรพิษร้าย ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“เจ้าทำงานได้ดีมากซานจง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย เมื่อรับรู้ข่าวว่าองค์หญิงแคว้นหานถูกงูพิษกัดอาการหนัก จะไม่ให้หนักได้อย่างไรก็เขาสั่งให้ซานจงไปจับงูพิษพวกนี้มาจากป่าหมอกมายา ป่าที่มีทั้งสัตว์อสูรและสัตว์มีพิษมากมาย
ป่าหมอกมายาเป็นป่าขนาดใหญ่และมีภูเขาที่ยอดเขาสูงเฉียดฟ้า มีกลุ่มเมฆลอยบดบังอยู่บนยอดเขาตลอดเวลายิ่งทำให้ป่าหมอกมายาดูลึกลับน่ากลัวยิ่งขึ้น
“ขอรับ” ซานจงรับคำชมด้วยสีหน้านิ่งเฉย จะไม่ดีได้อย่างไรถ้าตนไม่ได้ฝึกวิชาขั้นสุดยอดของพรรคอินทรีย์แล้วและก็เกรงว่าคงเหลือแต่ชื่อ
“ท่านประมุขไม่ไปเยี่ยมคุณหนูเย่วซินบ้างหรือขอรับ” ซานจงเอ่ยถามอย่างสงสัย ถ้าท่านประมุขห่วงนางขนาดนั้นเหตุใดจึงไม่ไปเยี่ยมอาการป่วยบ้างเลย
“ข้าไม่อยากเจอหน้าพี่ชายของนาง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงเข้ม นึกถึงวันที่ปะทะกันพลังปราณของอีกฝ่ายแข็งแกร่งไม่เบาและดูเหมือนว่าตนเองจะทำให้พี่ชายของนางไม่ชอบหน้าเข้าให้แล้ว
“เจ้าไปได้แล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยคนของตนเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมอ้าปากซักถามต่อ เขาไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกแล้ว คิดแล้วก็ทำให้หงุดหงิดขึ้นมาเมื่อย้อนถึงเหตุการณ์ที่ช่วยชีวิตเย่วซินใต้น้ำ
“ขอรับ” ซานจงรับคำแล้วเร้นกายหายวับไปทันที
ทางด้านเย่วซินก็ตื่นขึ้นมากลางดึกที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเช่นกัน และได้รับรู้หลังจากที่พี่เย่วเทียนและองค์องชายหยางปิงเดินมาหายังที่พัก
“มันจะบังเอิญได้ขนาดนี้จริงๆหรือเจ้าคะพี่เย่วเทียน” เย่วซินเอ่ยถามอย่างสงสัย พลางเหล่ตามองอย่างไม่ไว้วางใจคนหน้านิ่งว่าจะใช่ฝีมือของเขาหรือไม่
“เรื่องบังเอิญหรือไม่พี่ไม่รู้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของพี่” เย่วเทียนเห็นสายตาเช่นนั้นก็รับรู้จึงเอ่ยออกไป
“จะว่าไปนางก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะข้าไม่น่าไปแช่งชักนางเลย” เย่วซินเอ่ย แม้องค์หญิงผู้นั้นจะร้ายกาจเพียงใดเย่วซินก็ไม่คิดถึงขั้นฆ่าแกงได้ลงคอ อย่างมากก็แค่สั่งสอนให้หลาบจำตามระดับความผิดที่นางกระทำ
อย่างตอนที่นางกลั่นแกล้งแพ้อาหารที่โรงเตี๊ยมตนก็ลงโทษกลับไปโดยใช้พิษเสียงล่องหนพูดไม่ได้ไปสามวัน คราวนี้ถ้าจะแก้แค้นจริงๆตนคงใช้สัตว์มีพิษไปใส่ในกระโจมที่พักนั่นแหละ แต่ไม่ใช่อสรพิษที่ร้ายกาจเช่นนนี้
“นางคิดจะฆ่าเจ้านะยังจะไปสงสารนางอีกทำไม” หยางปิงเอ่ยอย่างไม่พอใจที่เย่วซินใจอ่อนเช่นนี้สักวันจะพลาดพลั้งให้กับศัตรูไม่รู้ตัว
“หูยย..โหดเหมือนกันนะเนี่ย..องค์ชาย” เย่วซินได้ฟังคำขององค์ชายลั้นลาก็อดที่จะหยอกล้อไม่ได้
“เพิ่งรู้หรือ?” หยางปิงเอ่ยด้วยใบหน้าไม่จริงจังเท่าใดนักหยอกล้อกับไป
“พี่เย่วเทียนช่วยนำยาเม็ดนี้ไปให้ลู่ซือหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินหยิบขวดยาที่บรรจุยาเอาไว้หนึ่งเม็ดส่งให้พี่ชาย
“ยาอะไรหรือ?” เย่วเทียนเอ่ยถามพร้อมยื่นมือไปรับขวดยาจากมือเรียว
“เป็นยาระงับพิษชั่วคราว สามารถยื้อชีวิตขององค์หญิงเอาไว้ได้อย่างน้อยคงพอที่ประมุขพรรคอสรพิษจะเดินทางมาถึง” เย่วซินเอ่ย พรรคอสรพิษเชี่ยวชาญด้านพิษอย่างไรเสียพวกเขาคงถอนพิษออกจากตัวนางได้แน่นอน เย่วซินไม่คิดอาสาช่วยเหลือโดยการถอนพิษให้นางช่วยได้เพียงเท่านี้จริงๆองค์หญิงผู้นั้นไม่ได้เป็นคนดีถึงขนาดที่นางจะยอมลำบากรักษาให้
“พี่เข้าใจแล้ว เจ้าพักผ่อนต่อเถิด” เย่วเทียนเอ่ยบอกร่างเล็ก เขานึกอยู่แล้วว่าอย่างไรนางต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน นี่แหละนิสัยของนางถ้าใครมีเรื่องเดือดร้อนจริงๆก็อดช่วยไม่ได้
เย่วเทียนและหยางปิงเดินออกมาด้านนอกกระโจมมีทหารองครักษ์คอยเฝ้ายามหนาแน่นและอีกคนหนึ่งคือคนของประมุขพรรคอินทรีย์ที่เย่วเทียนเคยพูดคุยด้วย
“ฝากดูแลนางด้วย” เย่วเทียนเอ่ยกำชับซานจิ่น ตั้งแต่ที่ตนมายังหมู่บ้านแห่งนี้องครักษ์ผู้นี้ก็เฝ้าน้องสาวของตนไม่ห่างและดูไว้ใจได้
“ขอรับคุณชายข้าน้อยจะดูแลคุณหนูอย่างดีที่สุด” ซานจิ่นรับคำหนักแน่น คุณหนูเย่วซินคือบุคคลสำคัญที่ซานจิ่นต้องปกป้องเท่าชีวิตไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายแน่นอน
เย่วเทียนเดินมาหากวนลู่ซือที่กระโจมผู้ป่วยที่ตอนนี้เหลือผู่ป่วยที่นอนพักอยู่ไม่กี่คน เพราะคนป่วยที่อาการดีขึ้นท่านหมอให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านของพวกเขาได้แล้ว
ซานจิ่นเมื่อได้ยินคุณหนูเอ่ยชื่อของเสี่ยวชิงก็ทำให้ตนนึกถึงใบหน้าละอ่อนของสาวใช้ตัวน้อยที่คอยพูดเจื้อยแจ้วกับผู้เป็นนายทั้งวัน ฟังแล้วให้รู้สึกเพลิดเพลินดีนัก
“ฮั่นแน่...เงียบแบบนี้คิดถึงพี่เสี่ยวชิงอยู่แน่ๆเลยใช่ไหมเจ้าคะท่านซานจิ่น...” เย่วซินเอ่ยแซวอีกครั้งอย่างตั้งใจ
ซานจิ่นเก้อเขินขึ้นมาทันทีเมื่อถูกจับได้ คุณหนูของตนจะเก่งมากเกินไปแล้วสามารถอ่านใจของเขาได้อย่างไรกัน
“คุณหนู..ท่านรู้ได้อย่างไรอุ๊บ..” ซานจิ่นรีบปิดปากตัวเองทันทีเพราะเผลอเอ่ยความในใจออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาจะเอ่ยว่าคุณหนูเลิกพูดเล่นได้แล้วขอรับต่างหากเล่าโธ่...
“แปะ..แปะ..แปะ..มันต้องอย่างนี้สิลูกผู้ชายกล้าทำย่อมกล้ารับเอาใจข้าไปเลยเจ้าค่า...” เย่วซินเอ่ยพร้อมปรบมือรัวๆอย่างชอบอกชอบใจจากนั้นก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
เย่วซินเดินมาดูอาการป่วยของชาวบ้านในกระโจมของหมอหลวงกู้ ตอนนี้อาการของชาวบ้านอยู่ในระยนที่ปลอดภัยแล้ว เย่วซินถอดสายน้ำเกลือออกเมื่อเห็นว่าชาวบ้านเริ่มมีเรี่ยวแรงและกินอารหารอ่อนๆได้แล้ว
“อีกสองวันพวกท่านก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้วนะเจ้าคะ ตอนนี้อาการของทุกคนดีขึ้นมาก พิษในร่างกายก็ถูกขจัดออกมาหมดแล้ว” เย่วซินเอ่ยบอกชาวบ้านทุกคนที่มารักษาตัวอยุ่ในกระโจมแห่งนี้
ชาวบ้านที่มารักษาเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจจนยิ้มออกมา บ้างก็ยกมือคำนับเอ่ยขอบคุณไม่หยุด พวกเขาดีใจและอยากกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวจะแย่อยู่แล้ว พวกเขามารักษาอยู่ที่นี่คนในครอบครัวจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ส่วนบางคนที่สูญเสียคนในครอบครัวไปก็ทำหน้าเศร้าสลดน้ำตาเอ่อคลอ
“เกิด แก่ เจ็บ ตายทุกคนล้วนต้องเผชิญเพียงแต่จะไวหรือช้าก็เท่านั้น คนที่ยังอยู่ต้องดูแลและรักษาตัวเองให้ดีใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุดนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยด้วยถ้อยคำที่ให้ชาวบ้านได้คิด ความเสียใจทุกคนย่อมมี เสียใจได้แต่อย่าเสียยติคิดทำร้ายตัวเองเป็นอันขาด..
“ขอบคุณท่านหมอหญิงที่ช่วยชี้แนะ” เสียงชาวบ้านเอ่ยขึ้น เย่วซินยิ้มรับกับพวกเขา จากนั้นก็พูดคุยกับท่านหมอหลวงกู้ครู่หนึ่งก็เดินออกมา
“ท่านซานจิ่นท่านประมุขจ้าวไปไหนหรือ?ข้าไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่วันนั้น” เย่วซินเอ่ยถามซานจิ่น เพราะไม่เห็นเขามาหลายวัน นางอยากจะขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ในวันนั้น..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...