“เจ้าทำงานได้ดีมากซานจง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย เมื่อรับรู้ข่าวว่าองค์หญิงแคว้นหานถูกงูพิษกัดอาการหนัก จะไม่ให้หนักได้อย่างไรก็เขาสั่งให้ซานจงไปจับงูพิษพวกนี้มาจากป่าหมอกมายา ป่าที่มีทั้งสัตว์อสูรและสัตว์มีพิษมากมาย
ป่าหมอกมายาเป็นป่าขนาดใหญ่และมีภูเขาที่ยอดเขาสูงเฉียดฟ้า มีกลุ่มเมฆลอยบดบังอยู่บนยอดเขาตลอดเวลายิ่งทำให้ป่าหมอกมายาดูลึกลับน่ากลัวยิ่งขึ้น
“ขอรับ” ซานจงรับคำชมด้วยสีหน้านิ่งเฉย จะไม่ดีได้อย่างไรถ้าตนไม่ได้ฝึกวิชาขั้นสุดยอดของพรรคอินทรีย์แล้วและก็เกรงว่าคงเหลือแต่ชื่อ
“ท่านประมุขไม่ไปเยี่ยมคุณหนูเย่วซินบ้างหรือขอรับ” ซานจงเอ่ยถามอย่างสงสัย ถ้าท่านประมุขห่วงนางขนาดนั้นเหตุใดจึงไม่ไปเยี่ยมอาการป่วยบ้างเลย
“ข้าไม่อยากเจอหน้าพี่ชายของนาง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงเข้ม นึกถึงวันที่ปะทะกันพลังปราณของอีกฝ่ายแข็งแกร่งไม่เบาและดูเหมือนว่าตนเองจะทำให้พี่ชายของนางไม่ชอบหน้าเข้าให้แล้ว
“เจ้าไปได้แล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยคนของตนเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมอ้าปากซักถามต่อ เขาไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกแล้ว คิดแล้วก็ทำให้หงุดหงิดขึ้นมาเมื่อย้อนถึงเหตุการณ์ที่ช่วยชีวิตเย่วซินใต้น้ำ
“ขอรับ” ซานจงรับคำแล้วเร้นกายหายวับไปทันที
ทางด้านเย่วซินก็ตื่นขึ้นมากลางดึกที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเช่นกัน และได้รับรู้หลังจากที่พี่เย่วเทียนและองค์องชายหยางปิงเดินมาหายังที่พัก
“มันจะบังเอิญได้ขนาดนี้จริงๆหรือเจ้าคะพี่เย่วเทียน” เย่วซินเอ่ยถามอย่างสงสัย พลางเหล่ตามองอย่างไม่ไว้วางใจคนหน้านิ่งว่าจะใช่ฝีมือของเขาหรือไม่
“เรื่องบังเอิญหรือไม่พี่ไม่รู้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของพี่” เย่วเทียนเห็นสายตาเช่นนั้นก็รับรู้จึงเอ่ยออกไป
“จะว่าไปนางก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะข้าไม่น่าไปแช่งชักนางเลย” เย่วซินเอ่ย แม้องค์หญิงผู้นั้นจะร้ายกาจเพียงใดเย่วซินก็ไม่คิดถึงขั้นฆ่าแกงได้ลงคอ อย่างมากก็แค่สั่งสอนให้หลาบจำตามระดับความผิดที่นางกระทำ
อย่างตอนที่นางกลั่นแกล้งแพ้อาหารที่โรงเตี๊ยมตนก็ลงโทษกลับไปโดยใช้พิษเสียงล่องหนพูดไม่ได้ไปสามวัน คราวนี้ถ้าจะแก้แค้นจริงๆตนคงใช้สัตว์มีพิษไปใส่ในกระโจมที่พักนั่นแหละ แต่ไม่ใช่อสรพิษที่ร้ายกาจเช่นนนี้
“นางคิดจะฆ่าเจ้านะยังจะไปสงสารนางอีกทำไม” หยางปิงเอ่ยอย่างไม่พอใจที่เย่วซินใจอ่อนเช่นนี้สักวันจะพลาดพลั้งให้กับศัตรูไม่รู้ตัว
“หูยย..โหดเหมือนกันนะเนี่ย..องค์ชาย” เย่วซินได้ฟังคำขององค์ชายลั้นลาก็อดที่จะหยอกล้อไม่ได้
“เพิ่งรู้หรือ?” หยางปิงเอ่ยด้วยใบหน้าไม่จริงจังเท่าใดนักหยอกล้อกับไป
“พี่เย่วเทียนช่วยนำยาเม็ดนี้ไปให้ลู่ซือหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินหยิบขวดยาที่บรรจุยาเอาไว้หนึ่งเม็ดส่งให้พี่ชาย
“ยาอะไรหรือ?” เย่วเทียนเอ่ยถามพร้อมยื่นมือไปรับขวดยาจากมือเรียว
“เป็นยาระงับพิษชั่วคราว สามารถยื้อชีวิตขององค์หญิงเอาไว้ได้อย่างน้อยคงพอที่ประมุขพรรคอสรพิษจะเดินทางมาถึง” เย่วซินเอ่ย พรรคอสรพิษเชี่ยวชาญด้านพิษอย่างไรเสียพวกเขาคงถอนพิษออกจากตัวนางได้แน่นอน เย่วซินไม่คิดอาสาช่วยเหลือโดยการถอนพิษให้นางช่วยได้เพียงเท่านี้จริงๆองค์หญิงผู้นั้นไม่ได้เป็นคนดีถึงขนาดที่นางจะยอมลำบากรักษาให้
“พี่เข้าใจแล้ว เจ้าพักผ่อนต่อเถิด” เย่วเทียนเอ่ยบอกร่างเล็ก เขานึกอยู่แล้วว่าอย่างไรนางต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน นี่แหละนิสัยของนางถ้าใครมีเรื่องเดือดร้อนจริงๆก็อดช่วยไม่ได้
เย่วเทียนและหยางปิงเดินออกมาด้านนอกกระโจมมีทหารองครักษ์คอยเฝ้ายามหนาแน่นและอีกคนหนึ่งคือคนของประมุขพรรคอินทรีย์ที่เย่วเทียนเคยพูดคุยด้วย
“ฝากดูแลนางด้วย” เย่วเทียนเอ่ยกำชับซานจิ่น ตั้งแต่ที่ตนมายังหมู่บ้านแห่งนี้องครักษ์ผู้นี้ก็เฝ้าน้องสาวของตนไม่ห่างและดูไว้ใจได้
“ขอรับคุณชายข้าน้อยจะดูแลคุณหนูอย่างดีที่สุด” ซานจิ่นรับคำหนักแน่น คุณหนูเย่วซินคือบุคคลสำคัญที่ซานจิ่นต้องปกป้องเท่าชีวิตไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายแน่นอน
เย่วเทียนเดินมาหากวนลู่ซือที่กระโจมผู้ป่วยที่ตอนนี้เหลือผู่ป่วยที่นอนพักอยู่ไม่กี่คน เพราะคนป่วยที่อาการดีขึ้นท่านหมอให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านของพวกเขาได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...