คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 81

สรุปบท บทที่ 81 ใครใช้ให้พูดมาก: คู่แฝดคู่ป่วน

อ่านสรุป บทที่ 81 ใครใช้ให้พูดมาก จาก คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

บทที่ บทที่ 81 ใครใช้ให้พูดมาก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

สองวันต่อมาตอนนี้ที่หมู่บ้านนอกเมืองแห่งนี้กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง ชาวบ้านทุกคนต่างได้รับการรักษาและหายป่วยกันหมดแล้ว วันนี้ชาวบ้านจัดงานเลี้ยงให้พรรคต่างๆที่มาช่วยและคนของทางราชสำนัก

งานเลี้ยงวันนี้จัดกันในช่วงบ่ายของวัน ชาวบ้านช่วยกันทำอาหารและนำเครื่องดื่มขึ้นชื่อที่ชาวบ้านเป็นผู้คิดปรุงขึ้นมานั่นคือสุราข้าว อาหารก็มีหลายอย่างแต่ที่นำเสนอคือพวกชาวบ้านถึงกับเชือดหมูแล้วย่างกันเลยทีเดียว

เย่วซินนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับพี่เย่วเทียน องค์ชายหยางปิง ประมุขจ้าวไท่เหว่ย และลู่ซือ พี่เย่วเทียนดูไม่ชอบหน้าประมุขจ้าวเท่าใดนัก และดูเหมือนประมุขจ้าวเองก็เช่นกันที่ไม่ชอบหน้าพี่เย่วเทียน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงดูอึมครึมยิ่งนักเพราะทั้งคู่นั่งใบหน้าบอกบุญไม่รับเช่นนั้น

จ้าวไท่เหว่ยมองดูสตรีร่างเล็กที่ตอนนี้นางทาใบหน้าปิดบังรอยแดงบนใบหน้าเอาไว้ นับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางยอมเปิดผ้าปิดบังใบหน้าออก และนั่นก็เป็นเหตุทำให้หลายคน ทั้งคนในหมู่บ้าน ทั้งพรรคต่างๆที่มาช่วยเหลือไม่เว้นแม้แต่คนของทางราชสำนัก ต่างพากันจับจ้องมองสตรีร่างเล็กอย่างไม่วางตา จ้าวไท่เหว่ยมองแล้วพาให้หงุดหงิดยิ่งนัก

เย่วเทียนไม่ชอบสายตาของคนที่มองน้องสาวของเขาในยามนี้ นางไม่น่าเปิดผ้าคลุมหน้าออกเลยจริงๆ เขาไม่ชอบหน้าประมุขจ้าวก็ส่วนหนึ่งเพราะวันนั้นเขาเห็นประมุขจ้าวจุมพิตน้องสาวแต่เขาก็จะพยายามเข้าใจว่านั่นคือการช่วยเหลือชีวิตและจะไม่ติดใจเอาความ แต่ยามนี้เย่วเทียนได้แต่นั่งหน้าบึ้งตึงเพราะความหวงน้องสาวจากผู้คนทั้งหลายในงานเลี้ยงเพียงเท่านั้น

“เย่วซินเจ้าจะเดินทางกลับพรรคอินทรีย์พร้อมกับท่านประมุขจ้าวเลยใช่หรือไม่” หยางปิงเอ่ยถามเพื่อผ่อนทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหาร แต่ไม่ทันได้คิดว่าคำถามนั้นมันช่างไม่สมควรถามอย่างยิ่ง

เย่วซินถลึงตาใส่องค์ชายลั้นลาตรงหน้าที่ถามไม่คิด ตนไม่อยากให้ลู่ซือรู้ว่าทุกวันนี้ตนเองได้อาศัยอยู่กินกับท่านประมุขอยู่ที่พรรคอินทรีย์ เพราะไม่อยากให้นางเข้าผิดและคิดมาก หลายวันมานี้ลู่ซือดูเต็มที่กับการจุดถ่านไปเก่าเสียเหลือเกิน แต่เย่วซินไม่แน่ใจว่าถ่านในใจของท่านประมุขมอดไหม้ไปหมดหรือยังเพราะคาดเดาเขาไม่ออกจริงๆ

“เย่วซินเจ้าจะไปที่พรรคอินทรีย์?” ลู่ซือเอ่ยถามทันทีที่ได้ยินองค์ชายหยางปิงเอ่ย ทำไมเย่วซินต้องเดินทางไปที่พรรคอินทรีย์ด้วย ลู่ซือถึงแม้จะไม่ได้มีอคติกับเย่วซินแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตนเองจะไว้ใจ เย่วซินงดงามเกินไป...

“นางพักอยู่กับข้าที่พรรคอินทรีย์” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตอบเสียงเรียบแทนคนร่างเล็กที่ทำหน้าอึกอักไม่ยอมตอบ

“หมายว่าอย่างไรกัน” ลู่ซือตกใจกับคำตอบที่อดีตคนรักเอ่ย เย่วซินอยู่กับเขาหรือ?เหตุใดต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย

“เอ่อ..ข้าไปรักษาอาการป่วยให้คนที่พรรคน่ะ” เย่วซินเอ่ยบอกลู่ซือที่ยามนี้ใบหน้าดูไม่สู้ดีนัก นางคงหึงหวงคนรักของนางซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ถ้าเป็นตนเองมีสตรีมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับคนรักแล้วละก็ได้เห็นดีกันแน่

“นางอยู่อีกไม่กี่วันเท่านั้น” เย่วเทียนเอ่ยมาเพียงเท่านั้น เขาพูดเรื่องจริงเมื่อพาจิวอิงและเสี่ยวชิงมา ซินเอ๋อร์ก็ต้องออกไปตามหาสมุนไพรมารักษาหน้าของนางแล้ว และเมื่อบิดาของนางหายดีแล้วก็คงต้องหาที่อยู่ที่อื่นกัน จะมารบกวนประมุขจ้าวอยู่เช่นนี้ไม่ได้

“อื้มๆ...ใช่ๆ” เย่วซินรีบเออออรับคำของพี่ชายเพื่อให้ลู่ซือได้สบายใจ และเพื่อตนเองด้วยตอนนี้เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายไปตนไม่อยากก่อศัตรูเพิ่มมาอีกขออยู่อย่างสงบบ้างจะเป็นไรไปพระเจ้า…

“เย่วซินลองชิมสุรานี้ดูเจ้าต้องชอบแน่ๆ” หยางปิงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มไม่สู้ดี ปากเขาไวกว่าความคิดไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง จากนั้นเขาก็ดื่มสุราทำตัวไม่รู้ร้อนและสุราของที่นี่ก็ช่างหอมอร่อยยิ่งนัก

“เจ้าให้นางดื่มสุราได้อย่างไรกันองค์ชาย!” เย่วเทียนเอ่ยเสียงเข้มบอกสหายรุ่นน้องที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มขึ้นสี คงเพราะฤทธิ์ของสุรา

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะพี่เย่วเทียนนางน่ะตัวชอบเลยนะ” หยางปิงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมึนเมาจึงเอ่ยไปเรื่อยเปื่อยตามความคิดของตนที่ได้รับรู้มา

“องค์ชายท่านเมาแล้ว..” เย่วซินกัดฟันเอ่ยปรามองค์ชายขี้เหล้าตรงหน้า

“พี่เย่วข้าจะบอกความลับให้ นางน่ะปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปดื่มเหล้าเคล้านารีที่หอ..”เสียงของหยางปิงหยุดเพียงเท่านั้น เหตุเพราะร่างเล็กของเย่วซินรีบลุกขึ้นแล้วยัดบางอย่างเข้าปากของตน จากนั้นเขาก็ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากอีกเลยแม้สักคำเดียว

“...” หยางปิงชี้มือมาทางเย่วซิน อ้าปากพูดเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบแต่ไม่มีเสียงออกมา เขาจะบอกนางว่าข้าขอโทษ...

เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางกลับ เย่วเทียนแม้จะเป็นห่วงน้องสาวมากเพียงใดแต่ก็ต้องยินยอมให้นางกลับไปกับประมุขจ้าว เพราะนางและเขาตกลงกันแล้วในเรื่องนี้ การเดินทางกลับเมืองหลวงนั้นเขาและองค์หยางปิงต้องคุมทหารและหมองหลวงกลับวังโดยปลอดภัย จึงจำต้องออกเดินทางพร้อมกัน

“พี่เย่วเทียนเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ แล้วเจอกันนะ” เย่วซินสวมกอดพี่ชายบุญธรรมอย่างรักใคร่ตามปกติที่เคยทำ

“เจ้าเองก็เช่นกัน” เย่วเทียนกอดตอบน้องสาวบุญธรรมและเอ่ยบอก นางกอดแบบนี้กับทุกคนในครอบครัวจนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว และเขาเองก็คิดว่าการทำเช่นนี้ยิ่งทำให้คนในครอบครัวสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

“องค์ชายโชคดีนะเพคะ” เย่วซินคลายอ้อมกอดจากพี่ชายบุญธรรมแล้วหันไปหาองค์ชายหยางปิงที่ยืนหน้าบึ้งตึงด้านข้าง เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมยกยิ้มหวานไปให้

“...” หยางปิงอยากจะเอ่ยแต่ไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ เขาเชิดหน้าไปทางอื่นคล้ายไม่ได้ยินที่สตรีตัวแสบพูด เขางอนนาง....

“ลู่ซือลาก่อนเจ้าค่ะ ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันอีก” เย่วซินหันไปเอ่ยบอกสตรีงดงามด้านหน้า

“เช่นกัน” ลู่ซือเอ่ยเสียงราบเรียบ เพราะในใจรู้สึกเศร้ายิ่งนักเมื่อรู้ว่าพี่ไท่เหว่ยของตนและเย่วซินจะเดินทางไปด้วยกัน และนางยังต้องพักอาศัยอยู่ที่พรรคอินทรีย์ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก ตนจะต้องหาทางแวะเวียนไปหาเขาที่บ้างพรรคอินทรีย์บ้างแล้ว ลู่ซือคิดในใจ

“ไปได้แล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยจบก็เดินมาหาร่างเล็ก แขนแกร่งตวัดรั้งเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็ก จากนั้นก็ดีดกายขึ้นแล้วหายลับไปจากสายตาของผู้คน ซานจิ่นและลูกพรรคเองก็เช่นกันตามติดผู้เป็นนายไปอย่างรวดเร็ว วิชาตัวเบาของพรรคอินทรีย์นั้นร้ายกาจนัก ฉะนั้นการเดินทางของคนในพรรคจึงไม่ยุ่งยากแถมยังรวดเร็วอีกต่างหาก

ลู่ซือมองภายนั้นด้วยสายตาละห้อยหลายวันมานี้ตนเองพยายามทำตัวติดกับพี่ไท่เหว่ยเพื่อหวังให้เขาใจอ่อน แม้เขาจะไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจแต่เขาก็ไม่แสดงออกว่าจะกลับไปเหมือนเดิม เป็นแบบนี้แล้วตนเองยังจะมีหวังอยู่หรือไม่หรือจะถอดใจดี ลู่ซือคิดไม่ตกจากนั้นก็เดินไปขึ้นม้าของทางพรรคและเดินทางจากไปเช่นกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน