สองวันต่อมาตอนนี้ที่หมู่บ้านนอกเมืองแห่งนี้กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง ชาวบ้านทุกคนต่างได้รับการรักษาและหายป่วยกันหมดแล้ว วันนี้ชาวบ้านจัดงานเลี้ยงให้พรรคต่างๆที่มาช่วยและคนของทางราชสำนัก
งานเลี้ยงวันนี้จัดกันในช่วงบ่ายของวัน ชาวบ้านช่วยกันทำอาหารและนำเครื่องดื่มขึ้นชื่อที่ชาวบ้านเป็นผู้คิดปรุงขึ้นมานั่นคือสุราข้าว อาหารก็มีหลายอย่างแต่ที่นำเสนอคือพวกชาวบ้านถึงกับเชือดหมูแล้วย่างกันเลยทีเดียว
เย่วซินนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับพี่เย่วเทียน องค์ชายหยางปิง ประมุขจ้าวไท่เหว่ย และลู่ซือ พี่เย่วเทียนดูไม่ชอบหน้าประมุขจ้าวเท่าใดนัก และดูเหมือนประมุขจ้าวเองก็เช่นกันที่ไม่ชอบหน้าพี่เย่วเทียน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงดูอึมครึมยิ่งนักเพราะทั้งคู่นั่งใบหน้าบอกบุญไม่รับเช่นนั้น
จ้าวไท่เหว่ยมองดูสตรีร่างเล็กที่ตอนนี้นางทาใบหน้าปิดบังรอยแดงบนใบหน้าเอาไว้ นับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางยอมเปิดผ้าปิดบังใบหน้าออก และนั่นก็เป็นเหตุทำให้หลายคน ทั้งคนในหมู่บ้าน ทั้งพรรคต่างๆที่มาช่วยเหลือไม่เว้นแม้แต่คนของทางราชสำนัก ต่างพากันจับจ้องมองสตรีร่างเล็กอย่างไม่วางตา จ้าวไท่เหว่ยมองแล้วพาให้หงุดหงิดยิ่งนัก
เย่วเทียนไม่ชอบสายตาของคนที่มองน้องสาวของเขาในยามนี้ นางไม่น่าเปิดผ้าคลุมหน้าออกเลยจริงๆ เขาไม่ชอบหน้าประมุขจ้าวก็ส่วนหนึ่งเพราะวันนั้นเขาเห็นประมุขจ้าวจุมพิตน้องสาวแต่เขาก็จะพยายามเข้าใจว่านั่นคือการช่วยเหลือชีวิตและจะไม่ติดใจเอาความ แต่ยามนี้เย่วเทียนได้แต่นั่งหน้าบึ้งตึงเพราะความหวงน้องสาวจากผู้คนทั้งหลายในงานเลี้ยงเพียงเท่านั้น
“เย่วซินเจ้าจะเดินทางกลับพรรคอินทรีย์พร้อมกับท่านประมุขจ้าวเลยใช่หรือไม่” หยางปิงเอ่ยถามเพื่อผ่อนทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหาร แต่ไม่ทันได้คิดว่าคำถามนั้นมันช่างไม่สมควรถามอย่างยิ่ง
เย่วซินถลึงตาใส่องค์ชายลั้นลาตรงหน้าที่ถามไม่คิด ตนไม่อยากให้ลู่ซือรู้ว่าทุกวันนี้ตนเองได้อาศัยอยู่กินกับท่านประมุขอยู่ที่พรรคอินทรีย์ เพราะไม่อยากให้นางเข้าผิดและคิดมาก หลายวันมานี้ลู่ซือดูเต็มที่กับการจุดถ่านไปเก่าเสียเหลือเกิน แต่เย่วซินไม่แน่ใจว่าถ่านในใจของท่านประมุขมอดไหม้ไปหมดหรือยังเพราะคาดเดาเขาไม่ออกจริงๆ
“เย่วซินเจ้าจะไปที่พรรคอินทรีย์?” ลู่ซือเอ่ยถามทันทีที่ได้ยินองค์ชายหยางปิงเอ่ย ทำไมเย่วซินต้องเดินทางไปที่พรรคอินทรีย์ด้วย ลู่ซือถึงแม้จะไม่ได้มีอคติกับเย่วซินแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตนเองจะไว้ใจ เย่วซินงดงามเกินไป...
“นางพักอยู่กับข้าที่พรรคอินทรีย์” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตอบเสียงเรียบแทนคนร่างเล็กที่ทำหน้าอึกอักไม่ยอมตอบ
“หมายว่าอย่างไรกัน” ลู่ซือตกใจกับคำตอบที่อดีตคนรักเอ่ย เย่วซินอยู่กับเขาหรือ?เหตุใดต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย
“เอ่อ..ข้าไปรักษาอาการป่วยให้คนที่พรรคน่ะ” เย่วซินเอ่ยบอกลู่ซือที่ยามนี้ใบหน้าดูไม่สู้ดีนัก นางคงหึงหวงคนรักของนางซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ถ้าเป็นตนเองมีสตรีมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับคนรักแล้วละก็ได้เห็นดีกันแน่
“นางอยู่อีกไม่กี่วันเท่านั้น” เย่วเทียนเอ่ยมาเพียงเท่านั้น เขาพูดเรื่องจริงเมื่อพาจิวอิงและเสี่ยวชิงมา ซินเอ๋อร์ก็ต้องออกไปตามหาสมุนไพรมารักษาหน้าของนางแล้ว และเมื่อบิดาของนางหายดีแล้วก็คงต้องหาที่อยู่ที่อื่นกัน จะมารบกวนประมุขจ้าวอยู่เช่นนี้ไม่ได้
“อื้มๆ...ใช่ๆ” เย่วซินรีบเออออรับคำของพี่ชายเพื่อให้ลู่ซือได้สบายใจ และเพื่อตนเองด้วยตอนนี้เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายไปตนไม่อยากก่อศัตรูเพิ่มมาอีกขออยู่อย่างสงบบ้างจะเป็นไรไปพระเจ้า…
“เย่วซินลองชิมสุรานี้ดูเจ้าต้องชอบแน่ๆ” หยางปิงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มไม่สู้ดี ปากเขาไวกว่าความคิดไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง จากนั้นเขาก็ดื่มสุราทำตัวไม่รู้ร้อนและสุราของที่นี่ก็ช่างหอมอร่อยยิ่งนัก
“เจ้าให้นางดื่มสุราได้อย่างไรกันองค์ชาย!” เย่วเทียนเอ่ยเสียงเข้มบอกสหายรุ่นน้องที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มขึ้นสี คงเพราะฤทธิ์ของสุรา
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะพี่เย่วเทียนนางน่ะตัวชอบเลยนะ” หยางปิงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมึนเมาจึงเอ่ยไปเรื่อยเปื่อยตามความคิดของตนที่ได้รับรู้มา
“องค์ชายท่านเมาแล้ว..” เย่วซินกัดฟันเอ่ยปรามองค์ชายขี้เหล้าตรงหน้า
“พี่เย่วข้าจะบอกความลับให้ นางน่ะปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปดื่มเหล้าเคล้านารีที่หอ..”เสียงของหยางปิงหยุดเพียงเท่านั้น เหตุเพราะร่างเล็กของเย่วซินรีบลุกขึ้นแล้วยัดบางอย่างเข้าปากของตน จากนั้นเขาก็ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากอีกเลยแม้สักคำเดียว
“...” หยางปิงชี้มือมาทางเย่วซิน อ้าปากพูดเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบแต่ไม่มีเสียงออกมา เขาจะบอกนางว่าข้าขอโทษ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...