คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 84

จ้าวไท่เหว่ยชะงักเท้าของตนทันทีที่ได้ยินคำถามของคนตัวเล็กด้านหลัง แต่เขาคงหยุดเท้ากะทันหันเกินไปทำให้ร่างเล็กด้านหลังไม่ทันได้ระวังตัวจึงชนเข้าแผ่นกับหลังของเขาเต็มๆ จ้าวไท่เหว่ยหมุนตัวหันหลังกลับไปประคองร่างเล็กไม่ให้หงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น

มือข้างหนึ่งฉุดรั้งเอวคอดเอาไว้ อีกข้างหนึ่งประคองแผ่นหลังบาง จ้าวไท่เหว่ยสบสายตากับดวงตาคู่สวยที่พราวระยับราวกับมวลหมู่ดาราส่องประกายอยู่ในนั้น เลื่อนลงมาเป็นริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อที่เขาเคยสัมผัสมันมาแล้วครั้งหนึ่งและเขาก็ยังอยากจะสัมผัสมันอีก จ้าวไท่เหว่ยจมอยู่กับความคิดหลงไหลตรงหน้าอย่างยากหักห้ามใจ…

เย่วซินเองก็เช่นกันที่กำลังถูกใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเซียนของประมุขจ้าวล่อลวงอยู่จนไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของเขา ใบหน้าของเขาขยับเข้ามาใกล้...ใกล้จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงมาที่ใบหน้า เย่วซินเมื่อได้สติก็ตกใจมือเท้าขยับไปโดยอัตโนมัติ

เย่วซินยกเท้าของตัวเองกระทืบลงบนเท้าใหญ่ แต่เขาไม่สะทกสะท้านสักนิด เย่วซินจึงยกเท้ากะว่าจะเหยียบอีกข้างแต่คนร่างสูงรู้ทันรีบยกเท้าหนี จ้าวไท่เหว่ยเมื่อคนตัวเล็กแผลงฤทธิ์จึงคิดกลั่นแกล้ง เขาละมือทั้งสองข้างที่โอบประคองร่างเล็กเอาไว้

เย่วซินเมื่อโดนปล่อยมือกลางอากาศร่างของตนก็เสียหลักหงายหลังมือเรียวไขว่คว้าแขนของคนร่างสูงเอาไว้ได้แล้วดึงให้ล้มตามกันไป เย่วซินหงายหลังล้มลงกับผืนหญ้าสีเขียวต้นเล็กๆราวกับว่ามันเป็นเสื่อปูรองนอน บนร่างของตนเองนั้นมีบุรุษร่างยักษ์ทาบทับลงมาในท่าที่มันล่อแหลมยิ่งนัก

จ้าวไท่เหว่ยยันมือทั้งสองข้างเอาไว้กับพื้นดินเพื่อไม่ให้ตนเองทิ้งน้ำหนักตัวทับคนร่างเล็กจนได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาและนางมันอยู่แนบชิดติดกันจนเกือบ...

“ท่านประมุขอยากจูบปากข้าหรือ?” เย่วซินเอ่ยถามอย่างไม่อายปาก คงไม่มีสตรีในเมืองนี้เอ่ยถามบุรุษเช่นนี้เป็นแน่ แต่ไม่ใช่สำหรับเย่วซิน นางสังเกตเขาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วที่จับจ้องริมฝีปากไม่ลดละและยังจะตอนนี้อีก เป็นไงเป็นกันถ้าเขาอยากจูบนางก็จะยอมเสียจูบแรกให้เขาก็ได้ หล่อๆอย่างนี้กำไรชีวิตทั้งนั้น เย่วซินคิดในใจ

“ใครอยากจูบปากเจ้ากัน” ถึงแม้จะเอ่ยเช่นนั้นแต่ตาก็จ้องมองปากอิ่มที่ขยับพูดอย่างไม่อาจละสายตา มันช่างเย้ายวนชวนเข้าใกล้ยิ่งนัก

“ข้าจะยอมเสียจูบแรกให้ท่านก็ได้นะ ถ้าท่านต้องการ” เย่วซินเอ่ยบอกอย่างหน้าไม่อาย

“ไม่ใช่จูบแรกของเจ้าเสียหน่อย..อย่ามาแอบอ้าง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกคนร่างเล็กด้านล่าง เขาเคยจุมพิตนางมาแล้วถึงแม้จะเป็นการช่วยชีวิตก็เถอะ

“ท่านรู้ได้อย่างไรข้าไม่เคยจูบปากกับบุรุษที่ไหนมาก่อน” เย่วซินเอ่ยเถียงเขาจะมารู้ดีกว่านางได้อย่างกัน เรื่องแบบนี้จะมาพูดมั่วซั่วไม่ได้นางเป็นสตรีนะมันจะเสียหายเอาได้ เย่วซินคิดในใจโดยที่ไม่ทันคิดว่าที่ตนเองยินยอมจะให้บุรุษจูบปากนั้นมันเกินคำนั้นมามากโข

“จูบกับข้าไงตอนที่ข้าช่วยเจ้าตอนจมน้ำ ข้าจูบปากเจ้าตอนนั้น” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกร่างเล็กด้วยใบหน้าจริงจัง

“ท่านจูบข้าหรือ? ครั้งนั้นข้าไม่รู้สึกตัวไม่เอาไม่นับสิ...” เย่วซินเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ครั้งนั้นเขาช่วยชีวิตมันคือการผายปอดไม่ใช่จูบเสียหน่อย

“รู้สึกตัวหรือไม่เจ้าก็โดนข้าจูบปากไปแล้วมันคือเรื่องจริง” จ้าวไท่เหว่ยพลางยกยิ้มมุมปากแล้วพลิกตัวออกจากร่างเล็กมานั่งอยู่ด้านข้างแทน

“ไม่เอา...ไม่นับ...ข้าไม่ยอม...” เย่วซินเอามืออุดหูไม่ยอมฟังคำพูดของคนร่างสูง ไหนจะหน้าตากวนประสาทนั่นอีกมันน่าชกสักหมัดสองหมัดจริงๆ

จากนั้นทั้งสองร่างก็เถียงกันเรื่องจุมพิตที่ปากกันอย่างน่าไม่อายราวกับว่าพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป และเป็นเย่วซินที่แพ้ให้คนร่างสูงอย่างราบคาบแถมจูบครั้งใหม่ก็ไม่ได้มันน่าเจ็บใจเสียจริงๆ…

กลางยามซวี(19.00-20.59) เย่วซินเดินมายังเรือนที่พักของบิดาพร้อมข้าวต้มปลาและมันต้มน้ำขิงร้อนๆ เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในก็เห็นท่านกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่โต๊ะกลมกลางห้อง

“ท่านพ่อตื่นนานหรือยังเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามพร้อมวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ

“เพิ่งตื่นมาเมื่อครู่นี้เอง ดึกดื่นป่านนี้แล้วใยเจ้ายังไม่เข้านอนอีก” หานเสวี่ยถังเอ่ยถามร่างเล็กด้วยความเป็นห่วง

“ข้ายังไม่ง่วงเจ้าค่ะ แล้วก็มาทานมื้อดึกกับท่านพ่อด้วย” เย่วซินเอ่ยพร้อมยิ้มสดใส

“กลิ่นหอมยิ่งนัก” หานเสวี่ยถังสูดดมอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล

“ข้าทำเองเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่อลองชิมดู” เย่วซินตักข้าวต้มปลาขึ้นมาเป่าสองสามทีแล้วให้คลายความร้อนลง แล้วยื่นช้อนไปยังปากของบิดา

หานเสวี่ยถังยอมอ้าปากกินอาหารที่ร่างเล็กประเคนป้อนเพราะไม่อยากให้นางเสียน้ำใจ “อร่อยมาก เจ้าเองก็กินเสีย ข้าตักกินเองได้” เอ่ยพร้อมหยิบช้อนมาจากมือเล็กเขาไม่ได้ป่วยหนักถึงขนาดต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ นางจะห่วงเขาเกินไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน