เย่วซินวางถาดอาหารลงบนโต๊ะตรงหน้าประมุขจ้าว แล้วตนเองก็นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ย “เชิญกินให้อร่อยนะเจ้าคะนายท่าน” เสียงอ่อนหวานที่เอ่ยนั้นแฝงความประชดเอาไว้นิดหน่อย
“เจ้ากินแล้วหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถาม
“ข้ากินกับท่านพ่อมาแล้ว อ้อ...ต่อไปข้าไม่กินอาหารกับท่านแล้วนะเจ้าคะ ข้าจะไปกินกับท่านพ่อที่เรือนพัก” เย่วซินเอ่ยบอก เพราะทุกวันนี้นางต้องนั่งกินข้าวกับเขาด้วยทุกมื้อแต่หลังจากนี้นางอยากมีเวลาให้ท่านพ่อมากหน่อยจะได้สนิทสนมกันให้มากกว่านี้
“ต่อไปนี้ให้บิดาของเจ้ามากินอาหารที่โถงอาหารบนเรือนใหญ่กับข้า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยสั่งคนตัวเล็ก
“เจ้าค่ะ” เย่วซินรับคำอย่างว่าง่าย ด้วยรู้นิสัยของประมุขจ้าวเป็นอย่างดีแล้วถ้าเขาเอ่ยเช่นนี้แสดงว่ามันคือคำสั่งห้ามปฏิเสธเด็ดขาด
“ดึกแล้วเจ้าไปพักผ่อนเถอะ” จ้าวไท่เหว่ยเห็นร่างเล็กนั่งหาวอยู่หลายครั้งแล้วก็อดสงสารไม่ได้ พลางคิดในใจเขาใช้งานนางหนักไปหรือไม่
เย่วซินไม่คิดปฏิเสธเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้วและก็ง่วงนอนมากด้วย เมื่อได้ยินคำสั่งก็เด้งตัวลุกจากเก้าอี้ทันทีพร้อมเอ่ย “ฝันดีเจ้าค่ะ” จากนั้นก็เดินออกไป และเมื่อถึงห้องนอนของตัวเองเย่วซินก็ล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลียและหลับไปในทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่วซินตื่นมาเข้าครัวแต่เช้าเพราะวันนี้ท่านพ่อจะมาร่วมโต๊ะอาหารกับท่านประมุขด้วย เย่วซินทำอาหารโดยมีพ่อครัวคนเดิมเป็นลูกมือช่วย และเขาก็จดสูตรอาหารที่ทำกันวันนี้อีกเช่นเดิมแม้หน้าตาของเขาวันนี้จะดูพิลึกนักก็ตาม ที่หน้าตาของพ่อครัวดูพิลึกนั้นก็เพราะว่าเห็นโสมพันปีที่คุณหนูเย่วซินนำมาปรุงอาหารนั่นเอง
เย่วซินสั่งให้ท่านซานจิ่นไปแจ้งท่านพ่อให้ทราบล่วงหน้าแล้ว อาหารวันนี้มีสี่อย่างคือปลานึ่งมะนาวพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดของเย่วซิน หมูสามชั้นผัดเปรี้ยวหวาน ผัดผักกุ้งสดและสุดท้ายคือไก่ตุ๋นโสมพันปี
โสมพันปีที่นำมาใช้ปรุงอาหารนี้เหลือมาจากการปรุงยาถอนพิษให้ฮองเฮาเมื่อครั้งที่แล้ว โสมที่เย่วซินรีดไถมาจากองค์ฮ่องเต้นั่นเอง ท่านพ่อของนางจะต้องได้รับอาหารที่ดีที่สุดเพื่อจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง และสามารถกลับฝึกพลังปราณได้อีกครั้ง
โสมพันปีของสมุนไพรล้ำค่าหายากสรรพคุณนั้นมากมายนัก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความสดชื่นกระปี้กระเปร่า เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ลดควาดเครียด ชะลอความชราและอีกหลายๆโรค แต่ที่สำคัญคือโรคทางระบบประสาทซึ่งข้อนี้สำคัญมันอาจช่วยให้ท่านพ่อฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้เร็วขึ้น
บนโต๊ะอาหารตอนนี้ท่านพ่อและท่านประมุขจ้าวนั่งรออยู่เรียบร้อยแล้วทั้งสองคุยกันดูสนิทสนมยิ่งนักราวกับว่ารู้จักกันมาแรมปี
“คุยอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะท่านพ่อดูอารมณ์ดีเชียว” เย่วซินเอ่ยถามบิดาของตนทันทีที่เดินเข้ามา
“ก็คุยเรื่องเกี่ยวกับเจ้านั่นแหละ” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกร่างเล็กด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พวกท่านแอบชมข้าลับหลังกันหรือเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยเสียงใสถามกลับไป
“ฮ่า ฮ่า นินทาต่างหากเล่า” หานเสวี่ยถังเอ่ยพร้อมหัวเราะชอบใจ
“ถ้านินทาข้าแล้วท่านมีความสุขข้าก็ยอมเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยอย่างไม่ยี่หระที่ตนเองโดนนินทา เพราะว่ารู้พฤติกรรมของตัวเองดีว่าเป็นเช่นไร พวกเขาจะนินทาก็ไม่แปลกอะไรเพราะนางเองก็โดนท่านแม่จูเซียนบ่นอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
เย่วซินเทน้ำแกงที่ตุ๋นเอาใส่ถ้วยส่งให้บุรุษทั้งสองคนและของตัวเองด้วยเช่นกันพร้อมเอ่ยบอก “ดื่มน้ำแกงก่อนเจ้าค่ะ ข้าใช้โสมพันปีผสมลงไปด้วยดื่มก่อนกินอาหารร่างกายของเราจะได้ดูดซับได้ดียิ่งขึ้น” ตอนนี้กระเพาะยังว่างอยู่เมื่อดื่มโสมพันปีเข้าไปร่างกายย่อมดูดซับได้อย่างดีเยี่ยมและเห็นผลมากที่สุด
จ้าวไท่เหว่ยยกถ้วยขึ้นดื่มพลางเอ่ย “ถ้ารู้ว่าอาหารจะดีเยี่ยงนี้ข้าคงให้ท่านอาถังมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยนานแล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเย้าคนร่างเล็ก
เย่วซินย่นหน้าใส่คนร่างสูงที่ชอบจิกกัดสงสัยเมื่อชาติก่อนคงเกิดเป็นนกกระมัง ทั้งสามคนนั่งกินอาหารพร้อมพูดคุยกันบ้างเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูเงียบเหงาจนเกินไป
“ท่านประมุขข้าสงสัยว่าทำไมที่พรรคของท่านถึงได้มีองุ่นขาวและองุ่นแดงไว้กินมากมายนัก” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตนเองสังเกตมาสักพักหนึ่งแล้วผลไม้อย่างอื่นก็พอมีบ้างแต่องุ่นขาวและองุ่นแดงนี่มันเยอะมากแถมยังลูกใหญ่มากเช่นกัน
“นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าพรรคอินทรีย์ปลูกองุ่นส่งขาย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามกลับเขาคิดว่านางรู้แล้วเสียอีก
“ข้าเพิ่งทราบจากท่านนี่แหละเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ย
“องุ่นของเจ้าหวาน กรอบ อร่อยมากหลานชาย คงทำรายได้ให้เจ้ามากมายนัก” หานเสวี่ยถังเอ่ยชม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...