เมื่อได้ของที่ต้องใช้ครบถ้วนแล้วปีเตอร์และแจ๊คสันก็พาหนุ่มสาวทั้งสองคนมายังห้องหนึ่งที่เอาไว้สำหรับรับรองแขกที่มาเยี่ยมชมสินค้า จากนั้นก็ให้คนนำไวน์ชนิดต่างๆมาเตรียมเอาไว้ ไวน์ที่เขานำมาให้ลิ้มลองนั้นมีสองชนิดคือไวน์ขาว และไวน์แดงแต่ที่มีหลายขวดคือแต่ละขวดระยะเวลาการหมักนั้นไม่เท่ากันบางขวดไม่ยังไม่ถึงปี บางขวดสองปี สามปี และบางขวดสิบปีหรือยี่สิบปีก็มี
“ทำไมถึงเอามาให้ลองมากขนาดนี้คะ” เย่วซินเอ่ยถาม
“ผมอยากให้เพื่อนของคุณได้ลิ้มลองว่าระยะเวลาการเก็บไวน์นั้นรสชาติมันให้ความต่างกันอย่างไร” แจ๊คสันเป็นผู้เอ่ยบอก
“ก็จริงค่ะ ทั้งระยะเวลา ทั้งวิธีการเก็บรักษาล้วนต้องใส่ใจมากขอบคุณมากนะคะ” เย่วซินเอ่ยขอบคุณทั้งสองคนที่ไม่หวงแหนไวน์ราคาแพงพวกนี้ นำมาให้นางและประมุขจ้าวได้ลิ้มลอง
“ดูคุณก็เป็นกูรูเรื่องนี้นะครับ” ปีเตอร์เอ่ยแซวหญิงสาว หญิงสาวคนนี้ไม่เหมือนคนที่นี่แม้แต่น้อย ถ้าบอกว่าเธอมาจากดินแดนของเขาที่มีเทคโนโลยีล้ำกว่าที่นี่เขาย่อมเชื่ออย่างแน่นอน
“ฉันเคยศึกษามาบ้างค่ะแต่ยังไม่เคยลองทำสักครั้งเลย” เย่วซินเอ่ยบอกตามความจริง
จากนั้นทั้งปีเตอร์และแจ๊คสันก็สอนชายหนุ่มและหญิงสาวดื่มไวน์ว่าต้องดื่มอย่างไรถึงจะได้รสชาติที่ดี ไวน์ขาวและไวน์แดงนั้นมีวิธีการดื่มที่ต่างกันอยู่ การเก็บรักษาก็เช่นเดียวกัน
เย่วซินเมื่อฟังปีเตอร์และแจ๊คสันสอนเกี่ยวกับเรื่องไวน์นางก็จะต้องอธิบายให้ประมุขจ้าวฟังอย่างละเอียดและถ้าเขามีเรื่องสงสัยนางก็จะเป็นล่ามในการสนทนาด้วยความยินดี
จ้าวไท่เหว่ยเมื่อได้ชิมลิ้มรสเครื่องดื่มก็มีความสนใจไม่น้อย และยิ่งได้รับข้อมูลต่างๆก็ยิ่งให้ความสนใจมันช่างแปลกใหม่น่าทดลองยิ่งนัก เขาต้องขอบคุณร่างเล็กด้านข้างที่ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาครั้งนี้
นางทำให้เขาประหลาดใจในความสามารถของนางไม่น้อย บางครั้งนางก็เหมือนเด็กที่ชอบซุกซนเอาแต่ใจ บางครั้งนางก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวแต่เขาก็ไม่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดกับนางเลยสักครั้ง เวลาที่นางไม่อยู่เขากลับมองหาและรู้สึกว่าขาดบางอย่างในชีวิตไป นี่เขากำลังตกหลุมรักสตรีตัวแสบอยู่หรือ?
เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้เพราะว่าความรู้สึกเช่นนี้มันต่างจากที่เขามีให้ลู่ซือ สำหรับลู่ซือนั้นเขาและนางรู้จักกันมาตั้งแต่นางยังตัวเล็กๆที่คอยเดินตามเขาต้อยๆ จากนั้นก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นจนกลายเป็นความผูกพันธ์ เขาคิดว่านั้นคือความรักแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เขาเพิ่งจะมารู้ก็เมื่อไม่นานมานี้เอง
เขาไม่เคยใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้หรือเวลาจับกันกับลู่ซือ เขาไม่ได้อยากจะสัมผัสแบบชิดใกล้หรือจุมพิตกับลู่ซือเลยสักครั้ง แต่เขาล้วนรู้สึกเช่นนี้กับสตรีร่างเล็กด้านข้างนั่นจึงทำให้เขารู้ถึงความหมายของคำว่าความผูกพันธ์กับความรักมันต่างกันแค่ม่านบังตาเท่านั้นเอง
“ท่านประมุขเบาๆเจ้าค่ะดื่มหนักเช่นนี้ท่านอาจหัวทิ่มเอาได้” เย่วซินเอ่ยเตือนคนร่างสูงที่ยกแก้วดื่มทุกครั้งที่มีคนรินให้
“ข้าแค่อยากลองรสชาติหลายๆแบบ ขนาดไวน์ขวดเดียวกันต่างกันแค่วิธีดื่มรสชาติก็ต่างกันแล้วมันน่าสนใจยิ่งนัก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกร่างเล็ก เครื่องดื่มชนิดนี้ดื่มง่าย หอม หวาน รสชาติอร่อยไม่เหมือนสุราทั่วไปที่เขาเคยดื่มคงไม่เมาง่ายๆหรอก
“ข้าเตือนท่านแล้วนะเจ้าคะท่านประมุขจ้าว” เย่วซินคร้านจะเถียงเขาคงมีความสนใจมากจริงๆและบวกกับเขาเริ่มจะเมาแล้วด้วย สังเกตง่ายใบหน้าที่เคยขาวเนียนหล่อเหลาตอนนี้เริ่มขึ้นสีแล้ว
ผ่านไปสองชั่วยามตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้วด้านนอกฝนก็กำลังจะตกและดูเหมือนทุกคนก็เริ่มจะมึนๆกันแล้วเช่นกันแต่ที่จะหนักหน่อยก็คือประมุขจ้าวไท่เหว่ย ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ดูเผินๆก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่นางดูออกว่าถ้าเขาลุกจากเก้าอี้เมื่อไหร่เขาต้องเซเมื่อนั้นฟันธงได้เลย
“ปีเตอร์ แจ๊คสันขอบคุณมากสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม” เย่วซินเอ่ยบอก
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกผมเต็มใจ แล้วเพื่อนของคุณจะกลับไหวไหม” ปีเตอร์เอ่ยถามหญิงสาว และมองไปที่บุรุษด้านข้าง
เย่วซินยังไม่ตอบคำถามของปีเตอร์แต่หันมาถามคนร่างสูงด้านข้าง “ท่านประมุขท่านยืนไหวหรือเปล่าเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ได้เมาเสียหน่อยใยจึงจะยืนไม่ไหว” เอ่ยจบก็ลุกขึ้นยืนให้คนร่างเล็กได้เห็นว่าเขาไม่ได้เมาเพียงแค่มึนเท่านั้นเอง แต่พอยืนขึ้นพื้นมันทำไมถึงเอียงเช่นนี้หรือว่าคลื่นลมจะแรงเลยทำให้เรือโคลง จ้าวไท่เหว่ยยืนเอนไปเอนมาพลางเอ่ย
“สงสัยว่าพายุจะเข้าลมแรงจนทำให้เรือโคลง...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...