คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 86

สรุปบท บทที่ 86 ความลับในใจที่อยากบอก: คู่แฝดคู่ป่วน

อ่านสรุป บทที่ 86 ความลับในใจที่อยากบอก จาก คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

บทที่ บทที่ 86 ความลับในใจที่อยากบอก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เมื่อได้ของที่ต้องใช้ครบถ้วนแล้วปีเตอร์และแจ๊คสันก็พาหนุ่มสาวทั้งสองคนมายังห้องหนึ่งที่เอาไว้สำหรับรับรองแขกที่มาเยี่ยมชมสินค้า จากนั้นก็ให้คนนำไวน์ชนิดต่างๆมาเตรียมเอาไว้ ไวน์ที่เขานำมาให้ลิ้มลองนั้นมีสองชนิดคือไวน์ขาว และไวน์แดงแต่ที่มีหลายขวดคือแต่ละขวดระยะเวลาการหมักนั้นไม่เท่ากันบางขวดไม่ยังไม่ถึงปี บางขวดสองปี สามปี และบางขวดสิบปีหรือยี่สิบปีก็มี

“ทำไมถึงเอามาให้ลองมากขนาดนี้คะ” เย่วซินเอ่ยถาม

“ผมอยากให้เพื่อนของคุณได้ลิ้มลองว่าระยะเวลาการเก็บไวน์นั้นรสชาติมันให้ความต่างกันอย่างไร” แจ๊คสันเป็นผู้เอ่ยบอก

“ก็จริงค่ะ ทั้งระยะเวลา ทั้งวิธีการเก็บรักษาล้วนต้องใส่ใจมากขอบคุณมากนะคะ” เย่วซินเอ่ยขอบคุณทั้งสองคนที่ไม่หวงแหนไวน์ราคาแพงพวกนี้ นำมาให้นางและประมุขจ้าวได้ลิ้มลอง

“ดูคุณก็เป็นกูรูเรื่องนี้นะครับ” ปีเตอร์เอ่ยแซวหญิงสาว หญิงสาวคนนี้ไม่เหมือนคนที่นี่แม้แต่น้อย ถ้าบอกว่าเธอมาจากดินแดนของเขาที่มีเทคโนโลยีล้ำกว่าที่นี่เขาย่อมเชื่ออย่างแน่นอน

“ฉันเคยศึกษามาบ้างค่ะแต่ยังไม่เคยลองทำสักครั้งเลย” เย่วซินเอ่ยบอกตามความจริง

จากนั้นทั้งปีเตอร์และแจ๊คสันก็สอนชายหนุ่มและหญิงสาวดื่มไวน์ว่าต้องดื่มอย่างไรถึงจะได้รสชาติที่ดี ไวน์ขาวและไวน์แดงนั้นมีวิธีการดื่มที่ต่างกันอยู่ การเก็บรักษาก็เช่นเดียวกัน

เย่วซินเมื่อฟังปีเตอร์และแจ๊คสันสอนเกี่ยวกับเรื่องไวน์นางก็จะต้องอธิบายให้ประมุขจ้าวฟังอย่างละเอียดและถ้าเขามีเรื่องสงสัยนางก็จะเป็นล่ามในการสนทนาด้วยความยินดี

จ้าวไท่เหว่ยเมื่อได้ชิมลิ้มรสเครื่องดื่มก็มีความสนใจไม่น้อย และยิ่งได้รับข้อมูลต่างๆก็ยิ่งให้ความสนใจมันช่างแปลกใหม่น่าทดลองยิ่งนัก เขาต้องขอบคุณร่างเล็กด้านข้างที่ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาครั้งนี้

นางทำให้เขาประหลาดใจในความสามารถของนางไม่น้อย บางครั้งนางก็เหมือนเด็กที่ชอบซุกซนเอาแต่ใจ บางครั้งนางก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวแต่เขาก็ไม่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดกับนางเลยสักครั้ง เวลาที่นางไม่อยู่เขากลับมองหาและรู้สึกว่าขาดบางอย่างในชีวิตไป นี่เขากำลังตกหลุมรักสตรีตัวแสบอยู่หรือ?

เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้เพราะว่าความรู้สึกเช่นนี้มันต่างจากที่เขามีให้ลู่ซือ สำหรับลู่ซือนั้นเขาและนางรู้จักกันมาตั้งแต่นางยังตัวเล็กๆที่คอยเดินตามเขาต้อยๆ จากนั้นก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นจนกลายเป็นความผูกพันธ์ เขาคิดว่านั้นคือความรักแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เขาเพิ่งจะมารู้ก็เมื่อไม่นานมานี้เอง

เขาไม่เคยใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้หรือเวลาจับกันกับลู่ซือ เขาไม่ได้อยากจะสัมผัสแบบชิดใกล้หรือจุมพิตกับลู่ซือเลยสักครั้ง แต่เขาล้วนรู้สึกเช่นนี้กับสตรีร่างเล็กด้านข้างนั่นจึงทำให้เขารู้ถึงความหมายของคำว่าความผูกพันธ์กับความรักมันต่างกันแค่ม่านบังตาเท่านั้นเอง

“ท่านประมุขเบาๆเจ้าค่ะดื่มหนักเช่นนี้ท่านอาจหัวทิ่มเอาได้” เย่วซินเอ่ยเตือนคนร่างสูงที่ยกแก้วดื่มทุกครั้งที่มีคนรินให้

“ข้าแค่อยากลองรสชาติหลายๆแบบ ขนาดไวน์ขวดเดียวกันต่างกันแค่วิธีดื่มรสชาติก็ต่างกันแล้วมันน่าสนใจยิ่งนัก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกร่างเล็ก เครื่องดื่มชนิดนี้ดื่มง่าย หอม หวาน รสชาติอร่อยไม่เหมือนสุราทั่วไปที่เขาเคยดื่มคงไม่เมาง่ายๆหรอก

“ข้าเตือนท่านแล้วนะเจ้าคะท่านประมุขจ้าว” เย่วซินคร้านจะเถียงเขาคงมีความสนใจมากจริงๆและบวกกับเขาเริ่มจะเมาแล้วด้วย สังเกตง่ายใบหน้าที่เคยขาวเนียนหล่อเหลาตอนนี้เริ่มขึ้นสีแล้ว

ผ่านไปสองชั่วยามตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้วด้านนอกฝนก็กำลังจะตกและดูเหมือนทุกคนก็เริ่มจะมึนๆกันแล้วเช่นกันแต่ที่จะหนักหน่อยก็คือประมุขจ้าวไท่เหว่ย ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ดูเผินๆก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่นางดูออกว่าถ้าเขาลุกจากเก้าอี้เมื่อไหร่เขาต้องเซเมื่อนั้นฟันธงได้เลย

“ปีเตอร์ แจ๊คสันขอบคุณมากสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม” เย่วซินเอ่ยบอก

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกผมเต็มใจ แล้วเพื่อนของคุณจะกลับไหวไหม” ปีเตอร์เอ่ยถามหญิงสาว และมองไปที่บุรุษด้านข้าง

เย่วซินยังไม่ตอบคำถามของปีเตอร์แต่หันมาถามคนร่างสูงด้านข้าง “ท่านประมุขท่านยืนไหวหรือเปล่าเจ้าค่ะ”

“ข้าไม่ได้เมาเสียหน่อยใยจึงจะยืนไม่ไหว” เอ่ยจบก็ลุกขึ้นยืนให้คนร่างเล็กได้เห็นว่าเขาไม่ได้เมาเพียงแค่มึนเท่านั้นเอง แต่พอยืนขึ้นพื้นมันทำไมถึงเอียงเช่นนี้หรือว่าคลื่นลมจะแรงเลยทำให้เรือโคลง จ้าวไท่เหว่ยยืนเอนไปเอนมาพลางเอ่ย

“สงสัยว่าพายุจะเข้าลมแรงจนทำให้เรือโคลง...”

“ต้องขออภัยแม่นางข้าเหลือว่างเพียงห้องเดียวเท่านั้น เจ้ายังต้องการหรือไม่” เถ้าแก่เอ่ยบอกสตรีตรงหน้าที่มากับบุรุษดูท่าทางเมามาย

เย่วซินยืนคิดเพียงครู่ตอนนี้ฝนก็ตกจะออกไปหาที่อื่นคงไม่สะดวก และไม่แน่ว่าที่อื่นก็จะว่างหรือไม่ได้ห้องเดียวก็ยังดีกว่านอนข้างถนน

“ห้องเดียวก็ได้เจ้าค่ะ” เย่วซินบอก จากนั้นก็จ่ายเงินแล้วเดินตามเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นไปด้านบนที่พักทันที ก่อนที่เสี่ยวเอ้อร์จะกลับเย่วซินสั่งข้าวต้มกับข้าวอีกสามอย่างและน้ำอุ่นสำหรับอาบให้เขานำขึ้นมาให้บนห้อง

เย่วซินประคองคนเมามานอนที่เตียง เตียงนอนที่นี่มีขนาดไม่ใหญ่มากแค่สองคนนอนเบียดกันเท่านั้น เย่วซินมองเตียงตาละห้อยนางเองก็อยากนอนเช่นกัน จู่ๆร่างของนางก็ถูกมือหนาฉุดรั้งลงไปกองอยู่บนตัวของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ว๊าย..ท่านประมุข” เย่วซินตกใจร้องเสียงดังแล้วเอ่ยเรียก

“เรียกพี่ได้ไหม” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกคนร่างเล็กเขาอยากให้นางเรียกขานอย่างครั้งที่เขาให้นางออดอ้อนตอนที่มาท่าเรือเป็นครั้งแรก

“ท่านเมามากแล้ว นอนพักสักหน่อยเถอะแล้วก็ปล่อยข้าลงก่อนท่านไม่หนักหรือ?” เย่วซินเอ่ยบอกคนเมาอย่างใจเย็น

“เจ้าตัวเบาราวกับขนนกข้าไม่หนักหรอก เจ้าเองก็ดื่มมานอนพักสักครู่หนึ่งเถิด” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วงเขาจะเอาเปรียบนางมานอนสบายบนเตียงได้อย่างไรกัน จ้าวไท่เหว่ยค่อยๆขยับร่างเล็กที่ทับตัวเขาอยู่ลงนอนข้างๆอย่างเบามือ

เย่วซินเห็นว่าเขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบหรือข่มเหงก็ยอมนอนข้างเขาอย่างว่าง่าย ตัวเองนั้นก็ดื่มไปไม่น้อยและก็มึนๆเช่นกันแต่ไม่หนักเท่ากับคนที่นอนด้านข้าง

“เย่วซินข้ารักเจ้า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยความในใจที่คล้ายจะละเมอออกมา เพราะตอนนี้ดวงตาเขาเริ่มหนักอึ้งใกล้จะปิดเต็มที แต่เขาก็อยากจะบอกความในใจให้คนตัวเล็กได้รับรู้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน