บทที่ 87 บรรยากาศพาไป – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่แฝดคู่ป่วน
ตอนนี้ของ คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 87 บรรยากาศพาไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เย่วซินตาสว่างวาบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคนร่างสูงด้านข้างเอ่ยเช่นนั้น แล้วรีบหันหน้าไปมองแต่ตอนนี้เขาหลับไปแล้ว หรือว่าตนจะหูฝาดกันนะแต่ไม่น่าใช่เมื่อครู่นางได้ยินชัดเจนไม่ผิดแน่เย่วซินเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ
มองใบหน้าหล่อเหลาที่ยามนี้หลับใหลไม่ได้สติ อันที่จริงเขาเป็นบุรุษที่รูปงามมากเพียงแต่ไม่ค่อยพูดหรืออาจเข้ากับผู้อื่นไม่ค่อยเก่งจึงทำให้เขาดูเข้าถึงยากและไม่ค่อยมีใครคบ ถ้าเขาเป็นคนเฟรนลี่หน่อยเรื่องสาวๆคงไม่ต้องให้เอ่ยหัวบันไดไม่แห้งแน่นอน
“เมื่อครู่ท่านพูดจริงหรือ?” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับใช้นิ้วชี้ของตนเองเขี่ยไปที่จมูกโด่งคมสันของคนที่นอนหลับไปมาอย่างหยอกล้อ ตอนนี้เขาหลับและก็เมาด้วยถ้านางจะละลาบละล้วงบ้างคงไม่ว่ากันหรอกใช่ไหม
“อืม...” จ้าวไท่เหว่ยครางในลำคอ เขาได้ยินในสิ่งที่ร่างเล็กเอ่ยถามเขาไม่ได้หลับลึกถึงขนาดไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก เพียงแต่ตอนนี้เขามึนหัวมากจึงหลับตาพักสักครู่เพียงเท่านั้น
เย่วซินที่ได้ยินคนหลับเอ่ยตอบก็ตกใจชักมือกลับทันที นี่เขารู้หรือว่าละเมอกันนะแต่เมื่อมองเขาอีกครั้งก็เห็นว่าหลับนิ่งอยู่สงสัยเขาละเมอแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่วซินยกมือเรียวขึ้นไปแนบแก้มขาวของคนเมาแล้วบีบเบาๆด้วยความเข่นเขี้ยว
“ขนาดหลับท่านยังจะแกล้งข้าได้อีกหรือ?อย่างนี้ต้องเอาคืนเสียหน่อย” เอ่ยไปก็บีบแก้มคนเมาไปอย่างเข่นเขี้ยว
จ้าวไท่เหว่ยรู้สึกว่าคนตัวเล็กช่างซุกซนยิ่งนักแอบทำร้ายเขาตอนหลับอีกต่างหากอย่างนี้เขาต้องทำให้นางหยุดก่อกวนเสียที คิดได้เช่นนั้นมือใหญ่ของตนจึงเอื้อมคว้าเอวคอดของคนร่างเล็กแล้วกระชับกอดให้แนบชิดกับตัวเขา ใบหน้าของนางและเขาตอนนี้คงใกล้กันมากที่เขารู้เพราะลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา
จ้าวไท่เหว่ยยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วก้มจูบปากอิ่มทันทีทั้งที่ตนเองยังหลับตาอยู่ คนตัวเล็กขยับดิ้นหนีแต่แขนแกร่งของเขากลับกระชับตัวนางให้แน่นขึ้น แล้วละเลียดชิมกลีบปากหวานอย่างนุ่มนวล
เย่วซินตกใจที่จู่ๆคนร่างสูงก็รั้งตัวไปกอดแถมยังจูบปากของนางได้อย่างแม่นยำทั้งที่ยังหลับตาอีก นางดิ้นไปมาหวังให้เขาปล่อยอ้อมแขนที่รัดเอาไว้ แต่แค่เพียงครู่เท่านั้นเพราะตอนนี้นางโดนความละมุนในรสจูบของเขาเล่นงานอยู่จนแทบละลายกลายเป็นน้ำ
กลิ่นไวน์หอมหวานคละคลุ้งอยู่บนกลีบปากและลมหายใจที่เป่ารดออกมาพาให้ลุ่มหลงจนยากจะถอน ลิ้นอุ่นหนาไล่เลียกลีบปากจนพอใจแล้วซุกไซร้ล่วงล้ำชิมน้ำหวานภายใน ลิ้นหนาไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อพร้อมดูดดึงดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า
ก๊อกๆๆ...เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงสติของทั้งคู่ให้กลับคืน เย่วซินผละออกจากคนร่างสูงแล้วเด้งตัวขึ้นนั่งทันที่พร้อมพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อหันไปมองคนด้านข้างพบว่าเขายังนอนหลับตานิ่ง เย่วซินยกกำปั้นขึ้นพร้อมเอ่ย
“ร้ายนักนะ น่าจะโดนทุบสักทีดีไหมเนี่ย” แม้จะทำท่าทางเช่นนั้นแต่เย่วซินก็ไม่ได้ทำจริงๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู เสี่ยวเอ้อร์นำของที่สั่งเข้ามาภายในห้องเมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปทันที
เย่วซินเข้าไปอาบน้ำด้านหลังฉากกั้นทันทีเพราะน้ำกำลังอุ่นสบาย โชคดีที่ยุคสมัยนี้มีแหวนมิติที่สามารถยัดสิ่งของต่างๆลงไปในนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของใช้ต่างๆทำให้สะดวกสบายยิ่ง อาบน้ำเสร็จก็หยิบชุดใหม่ที่อยู่ในแหวนมิติออกมาสวมใส่ทันทีแล้วเดินออกมาด้านนอก
เย่วซินหยิบผ้ามาชุบน้ำเพื่อเอาไปเช็ดตัวให้คนเมาเพื่อให้เขาสบายตัวตัวขึ้น เย่วซินเช็ดที่ใบหน้า ลำคอและมือเพียงเท่านั้นไม่อยากละลาบละล้วงเขาอีกกลัวจะโดนเอาคืนอย่างเมื่อสักครู่นี้ เว้นระยะห่างเอาไว้ก่อนย่อมปลอดภัย เมื่อครู่บรรยากาศพาไปเลยทำให้ใจเตลิดตาม
เช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยเย่วซินก็มานั่งกินอาหารบนโต๊ะโดยไม่ได้เรียกคนที่นอนอยู่ให้ลุกมากิน เพราะรู้ว่าตอนนี้เขาคงไม่ได้อยากกินคงอยากนอนพักมากกว่า กินอิ่มก็นั่งมองดูฝนพรำอยู่ข้างหน้าต่างห้องเพื่อให้อาหารย่อย พลางหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ บรรยากาศตอนฝนตกมันช่างเงียบเหงาดียิ่งนัก
เย่วซินนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้มีผ้าคลุมผืนใหญ่มาห่มกายที่เริ่มหนาวเย็นเอาไว้ เมื่อหันหลังไปมองพบว่าเป็นประมุขจ้าว
“ท่านตื่นแล้วหรือ? หายมึนหัวหรือยังเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“อื้ม..หายแล้ว เจ้ามานั่งทำอะไรตรงนี้ใยไม่ไปนอนนี่ก็ดึกมากแล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถาม ตอนนี้เขาหายมึนหัวแล้ว น่าแปลกที่ร่างกายฟื้นตัวไวมากและไม่มีอาการอ่อนเพลียใดๆเลย หรืออาจจะเป็นเพราะโสมพันปีที่นางให้ดื่มเมื่อเช้าก็เป็นได้
“ข้ายังไม่ง่วงเลยมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” เย่วซินเอ่ยตอบ พลางคิดในใจว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ แต่ดูเขาก็ปกติหรือว่าเขาจะจำไม่ได้กัน
“คิดเรื่องเมื่อครู่อยู่หรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย
จริงแล้วนางเองก็ยังไม่เคยคิดจะรักใครในตอนนี้ด้วยเพราะอายุเพียงแค่สิบห้าย่างสิบหกปีเท่านั้น ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ำจะให้คิดเรื่องแต่งงานได้อย่างไร ความชอบบุรุษของตนเองในยามนี้มันเป็นเพียงความปลื้มของเด็กสาวที่เห็นคนหล่อเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว แต่ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าถ้าเขายังมั่นคงในคำที่เอ่ยออกมานางก็อาจจะยอมรับความรักของเขาก็เป็นได้
“เจ้าคอยดูก็แล้วกัน” จ้าวไท่เหว่ยเข้าใจในสิ่งที่คนร่างเล็กเอ่ย เขาจะยอมถอยออกมาไม่เร่งรัดนางจนเกินไปและจะพยายามพิสูจน์ให้นางยอมเชื่อมั่นในตัวของเขาให้ได้
“ตกลงเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยพร้อมยกยิ้มหวานไปให้ เมื่อทุกอย่างตกลงกันได้ด้วยดีทั้งสองฝ่าย นางเองแม้จิตใจจะเติบโตเต็มที่แล้ว แต่ร่างกายตอนนี้ยังไม่พร้อมมีสามีจริงๆถ้าจะแต่งงานมีครอบครัวต้องรอให้อายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดเสียก่อนนั่นคือเป้าหมายชีวิตที่ตั้งเอาไว้ ตอนนี้ก็ดูใจกันไปก่อนก็แล้วกัน
“เจ้าไปนอนบนเตียงเถิด ข้าจะนอนข้างล่างเอง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกคนร่างเล็ก
“พื้นด้านล่างเย็นจะตายท่านจะนอนได้อย่างไร นอนด้วยกันบนเตียงนั่นแหละ” เย่วซินเอ่ยบอก นางมั่นใจว่าประมุขจ้าวเขาไม่คิดล่วงเกินอย่างแน่นอน ยกเว้นเมื่อครู่ที่อารมณ์และบรรยากาศมันพาไปแต่ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไม่ขัดขืนเขาเอง
“เจ้ายินยอมเองนะ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยด้วยใบหน้าหยอกเย้ากลั่นแกล้งคนร่างเล็ก
“เจ้าค่ะ ข้าให้ท่านนอนหลับแต่ถ้าไม่หลับข้าย่อมมีวิธี” เย่วซินเอ่ยพร้อมหยิบผงสีขาวออกมาจากสาบเสื้อแล้วชูขึ้นอวดคนร่างสูง
“ยายตัวแสบ!!” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยจบก็รีบเดินขึ้นเตียงแล้วนอนตะแคงโดยเว้นที่ด้านในติดฝาผนังเอาไว้ให้ร่างเล็กได้นอน เย่วซินรีบเคลานขึ้นเตียงตามไปเช่นกัน เห็นร่างสูงนอนหันหลังเงียบอยู่นานก็เบาใจจึงปิดเปลือกตาลงแล้วหลับใหลไปในที่สุด
จ้าวไท่เหว่ยรับรู้ว่าร่างเล็กหลับสนิทไปแล้วเขาค่อยๆหันหลังกลับมาแล้วพลิกตะแคงตัวไปทางคนร่างเล็ก แขนแกร่งค่อยๆสอดเข้าไปใต้ซอกคอระหงเพื่อให้นางได้นอนหนุน มือหนายกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่หล่นมาปกคลุมใบหน้างามอย่างเบามือเพราะกลัวว่าร่างเล็กจะตื่น จากนั้นเขาก็หลับไปพร้อมกับนาง…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...