จ้าวไท่เหว่ยพาคนตัวเล็กเดินมาทางด้านหลังของพรรคอินทรีย์ พื้นที่บริเวณด้านหลังนั้นกว้างขวางหลายสิบไร่เป็นที่ราบสูงเชิงเขาติดกับพรรค พรรคอินทรีย์ตั้งอยู่บนภูเขาสูงดังนั้นอากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งเข้าหน้าหนาวถึงแม้จะไม่มีหิมะตกแต่ก็หนาวเย็นจนน้ำค้างแข็งเลยทีเดียว
คนตัวเล็กด้านข้างดูตื่นเต้นดีใจที่ได้เดินชมสวนองุ่น เขาเองก็พลอยเพลิดเพลินกับนางไปด้วยเช่นกัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการมาเดินชมสวนองุ่นกับสตรีทำให้รู้สึกดีไม่น้อย ปกติแล้วเขาเข้ามาที่นี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเพลิดเพลินตรงไหนเลย
“ท่านประมุข..สวนองุ่นของท่านสวยงามมากเลยเจ้าค่ะ ข้าชอบมันที่สุดเลย” เย่วซินเอ่ยพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้คนร่างสูงที่เดินอยู่ทางด้านหลัง องุ่นที่นี่ลูกใหญ่มากแถมยังออกผลผลิตเยอะมากอีกด้วย เย่วซินรู้สึกตื่นเต้นวิ่งไปจับพวงนั้นทีพวงนี้ทีอย่างเพลิดเพลินใจ
“ข้าเชื่อว่าเจ้าชอบมันมาก..” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเสียงนุ่มน่าฟัง พร้อมรอยยิ้มละมุนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เย่วซินเห็นรอยยิ้มของคนร่างสูงที่เขาไม่เคยยิ้มเช่นนี้มาก่อน ปกติก็แค่ยกยิ้มมุมปากแต่นั่นกลับทำให้เขาดูร้ายกาจ ไม่เหมือนตอนนี้ที่รอยยิ้มของเขาสามารถละลายคนได้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก เย่วซินจึงเอ่ยบอกคนร่างสูง “เวลาท่านยิ้มแล้วดูดีไม่น้อย”
“เจ้าชอบเวลาข้ายิ้มหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถาม เขาก็พอจะรู้ว่าเวลาเขายิ้มแล้วดูดีแค่ไหน เพราะมารดากับน้องสาวของเขาก็เคยเอ่ยเช่นนี้
“เปล่า...ข้าแค่บอกเพียงเท่านั้น” เย่วซินเอ่ยเสียงสูงเล็กน้อย
“แล้วเหตุใดหน้าเจ้าต้องแดงด้วย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเย้า
“ข้าร้อน...” เย่วซินเอ่ยบ่ายเบี่ยงพลางเปลี่ยนเรื่องคุยคนผู้นี้ชอบไล่ต้อนให้ต้องจนมุมทุกครั้งเลยจริงๆจึงรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“เราเก็บองุ่นที่สุกกำลังดีไปลองหมักได้หรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินเอ่ย เพราะว่ายังไม่กล้าเด็ดสุ่มสี่สุ่มห้าเขาเคยบอกว่าองุ่นพวกนี้มีคนสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ข้าจะแบ่งองุ่นส่วนหนึ่งลองหมักเครื่องดื่มดู แต่อาจจะยังไม่มากเท่าใดนักเพราะองุ่นพวกนี้ต้องส่งให้พ่อค้าพวกเขาสั่งจองล่วงหน้าเอาไว้แล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย
“ครั้งนี้เราแค่ลองทำกันดูก่อนเท่านั้นใช้องุ่นนิดหน่อยก็พอเจ้าค่ะ ข้าเองก็ยังไม่เคยทำไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าเกิดเสียหายขึ้นมาข้าชดใช้ให้ท่านไม่ไหวแน่” เย่วซินเอ่ยบอก ตนเองก็แค่ศึกษาแต่ในตำรายังไม่เคยลงมือทำสักครั้งต้องค่อยเป็นค่อยไปก่อน ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมามันจะเสียหายเอาได้
“จะยากอะไรข้าก็แค่ให้เจ้าทำงานที่สวนนี้เพื่อเป็นการชดใช้อย่างไรเล่า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเย้าคนร่างเล็ก
“ข้าจะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ เพราะข้าไม่อยากเป็นชาวสวนตากแดดหน้าดำ” เย่วซินเอ่ยพร้อมย่นหน้าใส่คนด้านข้าง
“เจ้าไม่ต้องเก็บองุ่นเองหรอกประเดี๋ยวให้คนงานเก็บเอาไว้ให้” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอก เขาไม่อยากให้นางต้องแบกตะกร้าหนักๆตัวเล็กแค่นี้ไม่น่าจะทำไหว
“เช่นนั้นเราไปเตรียมของกันดีกว่า แล้วสถานที่ที่จะใช้เก็บไวน์ท่านเตรียมเอาไว้ด้วยนะเจ้าคะห้องที่แสงแดดลอดเข้าไปไม่ได้” เย่วซินเอ่ยบอกเพื่อให้เขาได้จัดเตรียมเอาไว้ ในห้องนั้นต้องสะอาดไม่มีกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์ไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลกระทบได้
“ข้ามีห้องใต้ดินแต่ไม่ได้เข้าไปดูนานแล้วประเดี๋ยวจะสั่งให้คนเข้าไปทำความสะอาด” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอก
“เช่นนั้นเรากลับกันเถิดเจ้าค่ะ ท่านพ่อคงใกล้จะตื่นแล้วข้าจะได้ตรวจดูอาการของท่านเสียหน่อยแล้วเราค่อยลงมือหมักองุ่นกัน” เย่วซินเอ่ย ไม่ต้องเก็บองุ่นก็ดีเหมือนกันจะได้มีเวลาไปดูแลท่านพ่อ อีกอย่างยังต้องเตรียมของและสถานที่ที่จะทำไวน์ด้วย
เย่วซินเดินกลับมายังที่พักเจอกับท่านซานจิ่นที่กำลังจะเดินไปตามอยู่พอดีเพราะตอนนี้ท่านพ่อตื่นแล้ว จึงให้ท่านซานจิ่นคอยดุท่านพ่อเอาไว้ก่อนส่วนตนเองก็เข้าครัวทำข้าวผัดกุ้งและทำแกงจืดผสมสมุนไพรให้ท่านพ่อกินบำรุงร่างกาย ส่วนประมุขจ้าวไปจัดหาสถานที่ที่จะทำการหมักองุ่นเอาไว้รอ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ยกอาหารมายังห้องพักของบิดาทันที “ท่านพ่อข้าทำอาหารอร่อยๆมาให้เจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยเสียงใส
หานเสวี่ยถังมองร่างเล็กของบุตรสาวนางช่างเหมือนกับเหม่ยเอ๋อร์ยิ่งนัก ทั้งใบหน้า คิ้ว จมูก ปากมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เหมือนกันตน ยิ่งมองที่พาให้คิดถึงสตรีอันเป็นที่รักแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของบุตรสาวเมื่อครู่ก็ทำให้ตนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เหม่ยเอ๋อร์มอบสิ่งล้ำค่าเอาไว้ให้เขาคอยดูแลปกป้องแทนนางเขาจะทำให้นางผิดหวังไม่ได้อีกเป็นอันขาด คิดได้เช่นนั้นหานเสวี่ยถังจึงเอ่ยขึ้น
“เจ้าทำสิ่งใดมาหรือ?หอมเชียว” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มละมุนส่งให้บุตรสาว
เย่วซินเห็นบิดายิ้มได้ก็พลันดีใจแม้ใบหน้าของท่านยามนี้จะอิดโรยมากก็ตาม แต่นั้นหมายถึงท่านไม่ยอมสิ้นหวังอีกต่อไป เย่วซินวางถาดอาหารพร้อมเอ่ยตอบ “ข้าทำข้าวผัดกุ้งกับน้ำแกงจืดใส่สมุนไพรหอมๆท่านพ่อกินเข้าไปแล้วจะได้สดชื่นเจ้าค่ะ”
“อาหารพวกนี้ดูดีไม่น้อย เจ้าช่างเก่งยิ่งนัก” หานเสวี่ยถังเมื่อเห็นอาหารทีที่มีสีสันสวยงามตรงหน้าก็เอ่ยชมบุตรสาวของตน
“ข้าเก่งสู้พี่สาวไม่ได้เลยเจ้าค่ะ รายนั้นชอบงานบ้านงานเรือนฝีมือนั้นยอดเยี่ยมกว่าข้ามากนักท่านพ่อเจอนางจะต้องชอบมากเป็นแน่ แล้วอย่าลืมบุตรสาวคนนี้เชียวนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถึงจิวอิงที่เก่งเรื่องนี้มากและมารยาทก็อ่อนหวานอีกด้วยใครเห็นใครก็รัก
“ใครจะไปลืมเจ้ากันพ่อก็รักพวกเจ้าเหมือนกันนั่นแหละ” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอก เขายังไม่เคยพบบุตรสาวคนโตเลยอยากเห็นเหมือนกันว่านางจะน่ารักขนาดไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...