สรุปเนื้อหา บทที่ 94 พระราชทานหมั้นหมาย – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่ 94 พระราชทานหมั้นหมาย ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
จิวอิงเดินมายังลานพิธีด้านหน้าพร้อมคุกเข่าลงเบื้องหน้าตรงที่ขันทียืนอยู่
“หมิงเย่วซิน รับราชโองการ เนื่องด้วยหมิงเย่วซินมีความดีความชอบในการช่วยเหลือราชสำนักทั้งยังช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านหลังเขาที่เกิดโรคภัยจนผู้คนล้มตายจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความสามารถรอบด้านด้วยศาตร์ทั้งสี่อันที่สตรีพึงมีข้าฮ่องเต้แห่งแคว้นหนิงขอมอบพระราชทานการหมั้นหมายระหว่างองค์รัชทายาทหนิงหยางหลงและหมิงเย่วซินแห่งจวนตระกูลหมิงจบราชโองการ...”
จิวอิงเมื่อฟังเช่นนั้นพลันดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที ไม่เพียงแต่จิงอิงเท่านั้นจูเซียนที่ยืนอยู่ด้านข้างบุตรสาวบุญธรรมยังทำตัวไม่ถูก เย่วเทียน เย่วฉี จิ้นฝานแม้แต่อวี้หลางผู้เป็นบิดาเองก็พลันทำหน้าเหมือนคนกินยาขม
ไม่ต้องเอ่ยถึงหยางหลงที่ตอนนี้เริ่มมีใบหน้ามืดครึ้มด้วยพระบิดาทำอันใดไม่เคยปรึกษาถามไถ่ตนแม้แต่นิด เขาเองก็รู้อยู่ว่าพระบิดาทรงรักใคร่ในตัวโอรสของตนมากแค่ไหนแต่ใยถึงไม่ถามกันสักนิดเล่าจะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่นเช่นนี้
เขาจะเอ่ยค้านก็ไม่เช่นเรื่องที่ดีสำหรับเย่วซินผู้คนจะครหานางเอาได้ว่าถูกเขาซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทปฏิเสธการหมั้นหมายแล้วเช่นนี้ต่อไปนางจะยังมีบุรุษที่ดีตระกูลใดให้เกียรตินางอีกเล่า เมื่อคิดรอบคอบแล้วหยางหลงจึงเดินไปยังด้านล่างลานพิธี
หยางลงนั่งคุกเข่าด้านข้างของสตรีที่เขารักจนหมดใจพลางยื่นมือใหญ่ของตนกอบกุมมือเรียวเล็กที่ตอนนี้เย็บเฉียบแถมยังมีเหงื่อชื้นเต็มมือบ่งบอกว่าคงประหม่าอยู่ไม่น้อย ร่างบางหันมาสบสายตาอย่างสับสน หยางหลงบีบมือบางเล็กน้อยพร้อมพยักหน้าให้นาง
“หนิงหยางหลงน้อมรับพระราชโองการพะย่ะค่ะ” หยางหลงเอ่ยพร้อมก้มศีรษะให้ผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
จิวอิงเมื่อเห็นบุรุษอันเป็นที่รักขานรับราชโองการนางจึงเอ่ยตามทันที “หมิงเย่วซินน้อมรับพระราชโองการเพคะ”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญมีอายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปีพะยะค่ะ/เพคะ” ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน แทนที่คู่รักจะมีใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขที่รับพระราชทานหมั้นหมายในครั้งนี้ แต่คนทั้งคู่กลับมีใบหน้าคล้ายกำลังเห็นภูตผีก็ไม่ปาน
ไม่ต่างจากคนในครอบครัวและคนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วองค์รัชทายาทชอบพอผู้ใดต่างก็มีสีหน้าย่ำแย่คล้ายปลาขาดน้ำเช่นเดียวกัน ต่างจากบุรุษสูงวัยสหายรักต่างศักดิ์ที่ยามนี้กำลังเดินหมากดื่มชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ได้รับรู้เรื่องภายนอกที่กำลังวุ่นวายเลยสักนิดเดียว
หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงองค์รัชทายาทหยางหลงมายืนส่งครอบครัวตระกูลหมิงด้วยพระองค์เอง ฮุ่ยฉินที่เพิ่งรับรู้เรื่องราววุ่นวายหลังจากที่ออกจากตำหนักของสหายสูงศักดิ์ก็พลันหัวเราะดังลั่นแทนที่จะมีใบหน้าเครียดขึงอย่างผู้อื่น
จะโทษว่าเป็นความผิดของผู้ปกครองแคว้นย่อมไม่ถูกเพราะพระองค์ไม่รู้เรื่องที่เย่วซินและจิวอิงเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน และพระองค์ยังโดนครอบครัวของตนหลอกลวงหลายต่อหลายครั้งโดยให้จิวอิงปลอมตัวเป็นเย่วซิน เหตุการณ์ครั้งนี้จะเรียกได้ว่าเวรกรรมตามทันก็ไม่ผิดนัก
“ท่านปู่มีแผนการเตรียมเอาไว้แล้วหรือขอรับ” เย่วฉีเอ่ยถามท่าปู่ของตนเมื่อเห็นว่าท่านดูไม่เดือดร้อนแถมยังดูอารมณ์ดีหัวเราะชอบใจไม่หยุด
“ไม่มี!!” ฮุ่ยฉินเอ่ยตอบหลานชายอย่างไม่ต้องคิด เรื่องนี้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายไปไกลโขเลยทีเทียว
“แล้วเหตุใดท่านปู่ถึงยังดูสำราญนักเล่าขอรับ” เย่วฉียังคงสงสัย
“ใยพวกเจ้าต้องกังวลกันด้วยเล่าพวกเจ้าก็ใช้ชีวิตแบบเดิมไปนั่นแหละ” อู่ยฉินเอ่ยบอกทุกคนที่ยืนอยู่
“จริงของท่านปู่ข้าเองก็คิดเช่นนั้นถึงได้ไม่เอ่ยขัดการหมั้นหมายของเสด็จพ่อ อีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนถ้าวู่วามเย่วซินจะเป็นฝ่ายเสียหาย ตอนนี้ก็ให้ผู้คนเข้าใจว่าข้าและนางแป็นคู่หมั้นกันไปก่อน” หยางหลงเอ่ยบอกท่านปู่ของสหาย
“พวกเราไม่น่าหลอกลวงเบื้องสูงกันตั้งแต่แรก” จูเซียนเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด
“เรื่องนี้ถึงจะว่นวายไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ไม่มีทางแก้ไขนะขอรับ” เย่วเทียนเอ่ยออกมาหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องการหมั้นหมาย หัวสมองของเขาก็เริ่มคิดหาทางออกในเรื่องนี้ทันที
“เจ้าคิดเอาแล้วเช่นนั้นหรืออาเทียน” อวี้หลางเอ่ยถามบุตรชาย แต่ตามจริงแล้วตัวของเขาเองนั้นก็พอจะมีแผนเอาไว้ในใจเช่นเดียวกันแต่ไม้รู้ว่าแผนการของบุตรชายเป็นเห็นพร้องต้องกันหรือไม่
“ขอรับ เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังวันนี้ดึกมากแล้วพวกเรารีบกลับจวนกันดีกว่า อีกอย่างพรุ่งนี้ข้าจะพาอิงเอ๋อร์ไปพรรคอินทรีย์” เย่วเทียนเอ่ยบอกทุกคน
“ข้าไม่ค่อยหิวพวกเจ้ากินกันเถิดข้าจะไปหาเย่วซิน” เอ่ยจบร่างสูงก็ลุกยืนขึ้นทันที
“พี่ใหญ่ท่านไปหานางทำไมหรือ?ข้าไปด้วยคนสิ” จ้าวไท่เฟยเอ่ยถามพี่ชาย ตนเองนั้นก็รู้สึกว่าไม่อยากกินอาหารเหมือนกันกับพี่ชาย เนื่องจากว่าเมื่อวานนี้ได้ลองลิ้มชิมรสอาหารของเย่วซินไปแล้วรู้สึกชอบเป็นอย่างมากพอมากินอาหารตรงหน้ารู้สึกว่ามันจืดชืดไปเสียหน่อย
“เจ้าจะไปหานางทำไมกันมีอะไรทำก็ทำไปเถิดอย่ามาก่อกวนก็พอ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย พลางนึกว่าถ้าน้องสาวกับกวนลู่ซือยังไม่ยอมกลับการใช้ชีวิตของเขาคงจะไม่ราบรื่นอีกต่อไปแน่
“พี่ใหญ่ข้าโตแล้วนะเจ้าคะไม่ใช่เด็กที่เอาแต่เที่ยวซุกซนเหมือนเมื่อก่อน” จ้าวไท่เฟยเอ่ยบอกพี่ชายเขาชอบว่านางซุกซนก่อกวนไปวันๆ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าทางครอบครัวไม่ยอมให้นางช่วยงานอะไรเลยสักอย่าง แล้วชีวิตน้อยๆของนางจะไม่น่าเบื่อได้อย่างไรกันจริงหรือไม่
“พี่ไปล่ะขี้เกียจคุยกับเจ้าแล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยจบก็เดินออกไปทันทีเพื่อตัดปัญหาเขาไม่อยากเถียงกับน้องสาวผู้นี้อีก
“พี่ลู่ซือท่านจะกลับพรรควันนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ” จ้าวไท่เฟยเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ข้าจะกลับพร้อมเจ้า ข้ารับปากกับท่านป้าเอาไว้แล้วจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่คนเดียวได้อย่างไรกัน” กวนลู่ซือเอ่ยบอก นางไปหาจ้าวไท่เฟยที่หุบเขาร้อยเล่ห์และชักชวนกันมาหาจ้าวไท่เหว่ยที่พรรคอินทรีย์แล้วนางจะยอมกลับไปง่ายๆได้อย่างไรกัน
“เช่นนั้นเราลงเขาไปเที่ยวตลาดใกล้ ๆ แถวนี้กันเถิด” จ้าวไท่เฟยเอ่ยชักชวน
“เจ้าไปคนเดียวเถิดข้าจะอยู่ที่นี่กับพี่ไท่เหว่ย” กวนลู่ซือเอ่ย นางจะไปได้อย่างไรกว่าจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดจ้าวไท่เหว่ยเช่นนี้หาได้ไม่ง่ายนัก
“ข้าไปคนเดียวก็ได้ เชิญตามทวงหัวใจให้สำเร็จนะเจ้าคะข้าจะเอาใจช่วย” จ้าวไท่เฟยเอ่ย แต่ถึงแม้ปากจะเอ่ยบอกไปเช่นนั้นแต่ใจของนางก็ไม่อยากให้พี่ชายหันไปรักสตรีอย่างกวนลู่ซือเท่าใดนัก สตรีจิตใจโลเลไม่คู่ควรกับพี่ชายของนางเลยสักนิดเดียว จากนั้นไท่เฟยก็ลงเขาไปผู้เดียวเพื่อเที่ยวชมตลาดเพียงผู้เดียว…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...