คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 95

เย่วซินเช้าวันนี้ตนเองและบิดาไม่ได้ไปกินข้าวที่เรือนใหญ่เหตุเพราะท่านประมุขจ้าวมีแขกคนสำคัญนั่นคือน้องสาวและคนรักเก่าที่กำลังจะกลับมาเป็นคนรักใหม่อีกครั้งหรือเปล่าก็ยังไม่อาจรู้

เย่วซินกำลังนั่งกินมื้อเช้าอยู่กับบิดามื้อเช้าวันนี้เป็นไข่เจียวฟูร้อนๆกินกับแกงส้มผักรวมและซี่โครงหมูทอดหมักซอสอาหารที่ทำกินในวันนี้เย่วซินมาทำที่เรือนพักของบิดาโดยมีท่านซานจิ่นจัดหาวัตถุดิบเตรียมเอาไว้ให้ เพราะห้องครัวบนเรือนใหญ่กวนลู่ซือเป็นคนลงมือจัดแจงมื้อเช้าให้ท่านประมุขจ้าวได้กิน เย่วซินไม่อยากรอใช้ห้องครัวต่อจากกวนลู่ซือเพราะกลัวจะสายบิดาของตนจะหิว

มื้อเช้าวันนี้ไม่ได้มีเพียงตนและบิดายังมีท่านเกาซูหลางและท่านซานจิ่นรวมกินมื้อเช้ากันด้วย คราแรกพวกเขาทั้งสองไม่ยอมนั่งร่วมโต๊ะด้วย เพราะไม่อยากตีตนเสมอนายมันไม่เหมาะสมให้เหตุผลมาสารพัด แต่เพียงบิดาของตนบอกว่านี่คือคำสั่ง เพียงเท่านั้นทั้งสองก็แทบกระโดดเข้ามานั่งด้วยแทบไม่ทัน

ขณะกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่นั้นแขกไม่ได้รับเชิญอีกคนหนึ่งก็เข้ามาโดยไม่บอกกล่าวและมาขอร่วมโต๊ะด้วยอีกคน คราวนี้ยิ่งทำให้เกาซูหลางและซานจิ่นที่นั่งกินข้าวตัวเกร็งอยู่เป็นทุนเดิมถึงกับนั่งตัวแบนลีบไม่พูดไม่จาช่างเป็นมื้อที่อร่อยและทรมานสำหรับพวกเขาเสียจริงๆ

“ท่านอาแข็งแรงดีแล้วใช่หรือไม่ขอรับ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามบุรุษที่สูงวัยกว่าด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

“ใช่แล้วหลานชายอาแข็งแรงขึ้นมาก วันนี้ซินเอ๋อร์นางจะให้โอสถรักษาเส้นพลังปราณไม่แน่อาอาจกลับมาใช้วรยุทธได้อีกครั้ง” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกประมุขหนุ่มผู้มีพระคุณของตนอีกหนึ่งคน

“ดีขอรับ ถ้าซินเอ๋อร์รักษาให้ท่านอากลับมาใช้วรยุทธได้ข้าจะให้ซานจิ่นช่วยสอนเคล็ดลับวิชาตัวเบาของพรรคอินทรีย์ให้กับท่าน” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยไหลลื่นโดยใช้คำเรียกขานที่เป็นกันเองอย่างไม่ละอายปาก ถ้าไม่เริ่มวันนี้แล้วจะเริ่มเมื่อไรกันจริงหรือไม่

“แค่กๆๆ” เย่วซินที่ได้ยินคำเรียกขานนามของตัวเองถึงกับสำลักน้ำแกงจนซานจิ่นต้องรีบส่งน้ำชาให้ดื่ม อย่าว่าแต่เย่วซินที่สำลักเลยแม้แต่ซานจิ่นเองก็ยังเกือบจะสำลักเหมือนกันแต่เขาเองรีบเก็บกลั้นกลืนลงท้องไปเพราะกลัวไม่เหมาะสม

“ค่อยๆกินก็ได้ไม่ต้องรีบหรอกซินเอ๋อร์ งานของเราที่ต้องไปทำข้าไม่ได้เร่งรัดเจ้าเสียหน่อย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกร่างเล็กที่นั่งหน้าแดงคงไม่ใช่เพราะเขินอายแต่เป็นที่นางสำลักน้ำแกงมากกว่า

“ท่านประมุขจ้าวอย่าเข้าใจผิดข้าไม่ได้รีบร้อนกินเสียหน่อยข้าเพียงไม่ชินกับคำที่ท่านเรียกขานนามของข้าเพียงเท่านั้น” เย่วซินเอ่ยบอกไปตามตรงโดยไม่คิดปิดบังเพราะนางไม่ชินจริงๆและก็ไม่ได้อายอีกด้วย

“เช่นนั้นข้าจะเรียกบ่อยๆดีหรือไม่เจ้าจะได้ชิน…ซินเอ๋อร์” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มอย่างล้อเลียนดูช่างอารมณ์ดีจนซานจิ่นและเกาซูหลางที่นั่งดูและนั่งฟังอยู่ถึงกับตะลึงเหมือนคนเห็นผีกลางวันแสกๆ

“ใช่แล้วซินเอ๋อร์ให้ประมุขจ้าวเรียกขานบ่อยๆประเดี๋ยวก็ชินไปเอง ว่าแต่หลานชายเจ้ากำลังตามเกี้ยวบุตรสาวของข้าอยู่หรือ?” ประโยคหลังหานเสวี่ยถังหันไปเอ่ยถามประมุขจ้าวด้วยคำถามที่ตนเองสงสัยและสังเกตมานานแล้ว

“แค่กๆๆๆ” เย่วซินสำลักกับคำถามของบิดาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เพียงคนเดียวยังมีซานจิ่นและเกาซูหลางที่สำลักอาหารด้วยเช่นกัน

จ้าวไท่เหว่ยไม่สนใจอาการของคนรอบข้างเมื่อถามตรงเขาย่อมตอบตรงโดยไม่คิดปิดบังเช่นกันเมื่อคิดเช่นนั้นก็เอ่ยออกไป “ใช่ขอรับข้ากำลังตามเกี้ยวนางอยู่แต่นางใจแข็งยังไม่สำเร็จเลยขอรับ”

“ฮ่าๆๆดีตอบตรงดีพยายามเข้าก็แล้วกันบิดาผู้นี้ไม่อาจบังคับจิตใจของบุตรสาวได้” หานเสวี่ยถังเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ

“ข้าจะพยายามขอรับท่านอา” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เย่วซินเหวี่ยงสายตาจิกกัดไปให้ประมุขจ้าวที่มาสารภาพต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ช่างไม่อายปากเลยจริงๆ หลังมื้ออาหารเรียบร้อยแล้วเย่วซินและประมุขจ้าวก็เดินออกจากเรือนพักเพื่อที่จะไปยังโรงหมักเหล้าองุ่นเพราะวันนี้ครบกำหนดทีต้องเริ่มขั้นตอนต่อไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน