เย่วซินหลังจากเสร็จงานที่โรงหมักก็รีบกลับเรือนพักของบิดาทันที วันนี้เย่วซินตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะรักษาเส้นพลังปราณของบิดาที่เสียหายจากการโดนพิษ จ้าวไท่เหว่ยเองก็เป็นหนึ่งในการช่วยการรักษาในครั้งนี้จึงต้องติดตามมาด้วย ส่วนลู่ซือนั้นนางไม่มีส่วนร่วมอันใดเพียงแต่ตามติดจ้าวไท่เหว่ยไม่ยอมห่างเท่านั้นเอง
“ลู่ซือเจ้ารอด้านก่อนข้าต้องการสมาธิในการรักษาคนป่วย” เย่วซินเมื่อมาถึงเรือนพักก็เอ่ยบอกกวนลู่ซือ ตนเองก็ชักเริ่มรำคาญสตรีผู้นี้แล้วเช่นกันประมุขจ้าวบอกไปแล้วว่าไม่รักไม่ชอบยังจะตามตื้ออยู่ได้หรือว่าตนจะทำให้นางเดินไม่สักสามสี่วันดีนะจะได้ไม่ต้องตามติดเป็นเห็บหมาเช่นนี้
“พี่ไท่เหว่ยเหตุใดจึงเข้าไปได้เล่า” กวนลู่ซือเอ่ยถาม จ้าวไท่เหว่ยยังเข้าไปได้แล้วทำไมนางถึงเข้าไม่ได้กันสตรีผู้นี้กลั่นแกล้งนางหรือ?
“ท่านประมุขจ้าวเป็นเจ้าของที่นี่ข้ามิบังอาจห้ามเขาหรอก เข้าไปด้านในกันเถิดเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยบอกกวนลู่ซือแล้วหันไปเอ่ยกับคนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่เพียงเอ่ยชักชวนแต่เย่วซินยื่นมือเล็กเรียวจับมือใหญ่ของประมุขจ้าวแล้วจูงเดินเข้าไปด้านในห้องด้วยกันการกระทำเช่นนี้ก็เพื่อให้กวนลู่ซือได้เห็นเผื่อนางจะได้ตัดใจเสียที
จ้าวไท่เหว่ยปล่อยให้ร่างเล็กจับจูงอย่างว่าง่ายพลางอมยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจในการกระทำของนาง เขาเองก็แปลกใจที่จู่ ๆ นางกระทำเช่นนี้กับเขาแต่นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย
เย่วซินเมื่อรอดพ้นสายของคนด้านนอกก็ปล่อยมือใหญ่ที่ตนจับจูงอยู่แล้วหันไปเอ่ย “ท่านไม่ต้องทำหน้าชื่นหมื้นเช่นนั้นเลยที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อไถ่โทษท่านเท่านั้น”
“ไถ่โทษเรื่องอันใดหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถาม ไม่ว่านางจะทำเพื่อเหตุผลใดก็ตามเขาก็ยินดีทั้งนั้นขอเพียงให้นางได้ใกล้ชิดกับเขาบ้างก็เพียงพอ
“เรื่องที่ข้าบอกลู่ซือว่าข้ากับท่านไม่ใช่คนรักกันอย่างไรเล่าถ้าข้ารู้ว่านางจะดื้อด้านตามตื้อท่านขนาดนี้ข้าคงไม่บอกนางหรอก” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยความรู้สึกผิด
“เจ้าก็เลยจะแสดงงิ้วให้นางดูว่าเป็นคนรักของข้าเช่นนั้นหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามร่างเล็กตรงหน้า เขาไม่ได้โกรธนางเลยสักนิดแต่นึกพอใจกับการกระทำของนางเสียอีก นางเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาชอบก็บอกว่าชอบไม่ชอบก็รีบปฏิเสธไม่คิดซับซ้อนเหมือนสตรีทั่วไป
“เป็นเช่นนั้น”
“เจ้าหึงหวงข้าใช่หรือไม่ที่ลู่ซือคอยตามติดข้าตลอดเวลาเช่นนั้น” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยเย้า
“แล้วแต่ท่านจะคิดเถิดเจ้าค่ะข้าห้ามความคิดของท่านไม่ได้” เย่วซินเอ่ยจบก็สะบัดหน้าหนีเดินไปหาบิดาด้านในห้องนอนทันที
“ท่านพ่อเจ้าขาบุตรสาวของท่านมาแล้วเจ้าค่า...” เย่วซินก็ยังคงเป็นเย่วซินที่ใช้เสียงมาก่อนตัวเสมอ หานเสวี่ยถังเงยหน้าจากตำราที่ตนหยิบเอามาอ่านแล้วมองไปทางประตูห้องนอนไม่นานร่างเล็กของบุตรสาวก็โผล่พ้นออกมาหานเสวี่ยถังส่ายหน้าเล็กน้อยพลางคิดว่ายังโชคดีของนางแล้วที่ยังพอมีบุรุษมาชมชอบกิริยาเช่นนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาบิดาอย่างตนแล้ว
“ท่านพ่อทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามต่อ
“อ่านตำราไปเรื่อยเปื่อยแก้เบื่อ” หานเสวี่ยถังเอ่ยตอบ
“ประเดี๋ยวข้าจะรักษาเส้นพลังปราณให้ท่านพ่อต่อไปท่านก็ฝึกฝนวิชาจะได้ไม่น่าเบื่ออีกแล้วเจ้าค่ะ”
“นับว่าดียิ่งนัก” หานเสวี่ยถังเอ่ยพร้อมยกยิ้มอย่างมีความหวัง
“เช่นนั้นเราเริ่มกันเลยนะเจ้าคะก่อนอื่นท่านพ่อกินโอถสรักษาเส้นพลังก่อนเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยพลางหยิบโอสถออกมาจากแหวนมิติของตนส่งให้ผู้เป็นบิดา
ในแหวนมิติของเย่วซินนั้นมีโอสถมากมายไม่ว่าจะเป็นโอสถรักษาทั่วไปหรือว่าจะเป็นโอสถที่ใช้ถอนพิษและยังมียาพิษอีกนับไม่ถ้วน โอสถรักษาส่วนมากจะเป็นท่านปู่และอาฉีที่มอบเอาไว้ให้ ส่วนของทั้งสองคนเองก็มีทั้งโอสถถอนพิษและยาพิษอีกมากมายที่เธอมอบเอาไว้ให้เช่นเดียวกัน
หานเสวี่ยถังรับโอสถมาจากมือเล็กของบุตรสาวแล้วส่งเข้าปากทันทีอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ไปนั่งเดินที่เตียงนั่งขัดสมาธิตามที่บุตรสาวเคยบอกตนไว้ก่อนแล้ว
จ้าวไท่เหว่ยเองก็รู้หน้าที่ของตนเมื่อคนป่วยนั่งลงทำสมาธิเขาก็รีบนั่งด้านหลังแล้วส่งพลังปราณของตัวเองไปให้คนป่วยทันที เย่วซินหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังลงตามจุดเส้นพลังที่ติดขัดของร่างกาย การใช้พลังปราณของประมุขจ้าวเข้าช่วยนั้นจะช่วยให้เส้นพลังที่ปิดกั้นเปิดรับปราณได้ดียิ่งขึ้น
แน่นอนว่าการรักษาเช่นนี้ย่อมสร้างความเจ็บปวดให้แก่คนป่วยอยู่ไม่น้อยแต่เย่วซินเชื่อว่าบิดาของตนจะผ่านพ้นมันไปได้ มือเรียวเล็กยังคงตั้งใจปักเข็มเงินลงบนร่างกายของบิดาด้วยความระมัดระวังเพราะถ้าพลาดแม้แต่เล็กน้อยอาจทำให้เส้นพลังแตกอวัยวะภายในอาจเสียหายได้
เย่วซินเหลือบสายตามองบิดาด้วยความสงสารจับใจ ประมุขจ้าวเองก็เริ่มมีเหงื่อผุดพรายขึ้นมาตามกรอบหน้าแล้วเช่นกัน การส่งพลังปราณนั้นต้องควบคุมปราณของตนให้ดีถ้ามากไปน้อยไปอาจทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกและเกิดอันตรายได้กับทั้งสองฝ่ายนับว่าการรักษาครั้งนี้ไม่ง่ายดายนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...