ฟินนิค นอร์ตันอยากจะจัดการเรื่องนี้ทันที ยิ่งเขาเตะถ่วงออกไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้บริษัทของเขาเกิดความเสียหายมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ฟินนิคก็สังเกตเห็นบรรดาผู้ถือหุ้นที่กำลังชุมนุมกันอยู่ตรงทางเข้าฟินเนอร์กรุ๊ป เพราะพวกเขาต้องการเงินคืน
บางคนถึงกับถือป้ายเอาไว้ในมือเสียด้วยซ้ำไป
“ฟินเนอร์กรุ๊ปเป็นพวกต้มตุ๋น! พวกเราต้องการเงินคืน!”
“ฟินเนอร์กรุ๊ปเป็นไอ้พวกหลอกลวง!”
“ฟินเนอร์กรุ๊ป ปิดกิจการไปซะ!”
วิเวียน วิลเลี่ยมขมวดคิ้วเมื่อเห็นป้ายแสดงการดูหมิ่น
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ นักข่าวคงจะเป็นพวกถัดไปที่มาชุมนุมกันอยู่ตรงทางเข้าฟินเนอร์กรุ๊ป จนทำให้กลายเป็นพาดหัวข่าวขึ้นมาอีกครั้ง
คนขับจอดรถเอาไว้ในชั้นใต้ดิน ส่วนวิเวียน แลร์รี่ ฟินนิคและโนอาห์ต่างมุ่งหน้าเข้าไปในห้องทำงานผ่านทางเดินส่วนตัว
พวกเขารู้ว่าถ้าหากเข้าตามตรอกออกตามประตู ก็จะถูกผู้ถือหุ้นควบคุมตัวเอาไว้เป็นแน่
ถ้ามีแค่ตัวเขากับโนอาห์ ฟินนิคก็คงไม่สนใจนักหรอก แต่ยามนี้วิเวียนกับแลร์รี่ก็อยู่ตรงนั้นด้วย เขาต้องรับรองความปลอดภัยให้แก่ครอบครัวของตนเอง
ขณะที่ชายทั้งสองคนมัวแต่ทุ่มเถียงกันอยู่นั้น วิเวียนกับแลร์รี่ก็ตามหลังโนอาห์กับฟินนิคมาติดๆ
ถึงฟินนิคจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ แต่ชายหนุ่มก็ต้องโทรไปแก้ปัญหาอีรุงตุงนัง
โนอาห์โมโหจนควันออกหูพลางตำหนิว่า “บริษัทของพวกเราจะไม่คืนเงินให้พวกเขาหรอก พวกเราคงต้องเชิญให้พวกเขากลับไป”
ฟินนิคที่สับสนกับความคิดของบรรดาผู้ถือหุ้น รู้สึกขบขันกับคำพูดของโนอาห์
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแมลงเม่าพวกนี้เพียงแค่ซื้อหุ้นที่กำลังเป็นกระแสในท้องตลอด ตอนนี้พวกเขาได้รับความเสียหายเพราะความไม่รู้เรื่องรู้ราวของตัวเอง พวกเขากลับมาเรียกร้องให้พวกเรารับผิดชอบแทนงั้นรึ? ไร้สาระน่า
ฟินนิครู้ว่าจะโทษบรรดาผู้ถือหุ้นไปเสียทั้งหมดไม่ได้เช่นกัน แต่ยามนั้นเขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก
และทั้งหมดก็ล้วนเป็นเพราะเขาไม่สามารถระบุหาสาเหตุของเรื่องนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...