สำหรับลูกศิษย์ทั่วไปมันเป็นสถานที่อัปมงคล เฉวียนเหยี่ยที่ฝึกฝนวิชากลั่นร่าง นี่กลับกลายเป็นสถานที่ฝึกฝนที่ยอดเยี่ยม เพียงแต่จะต้องทนกับความลำบากอยู่บ้าง
นี่คือการลงโทษหลังจากที่เซียนชิงเหยี่ยนได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
เพื่อปลอบโยนผู้เสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เซียนชิงเหยี่ยนได้มอบยาฟื้นฟูพลังวิญญาณระดับสี่ให้อวี๋จาว ช่วยนางสร้างรากฐานปราณใหม่อีกครั้ง
บรรดาศิษย์พี่ซึ่งนำโดยฟางเฉิงหล่าง รวมถึงเย่ฉงซิน ก็ได้ส่งยาบำรุงร่าง และหินวิญญาณมาให้จำนวนมาก
อวี๋จาวไม่ปฏิเสธ นางรับเอาไว้ทั้งหมด แล้วหันกลับไปปิดผนึกประตูถ้ำ และเริ่มต้นการปิดด่านบำเพ็ญเพียรอันยาวนาน
สามปีต่อมา
"ศิษย์พี่ใหญ่"
เสียงของดรุณีนั้นใสกระจ่างและอ่อนโยน ทำให้ฟางเฉิงหล่างตื่นตัวขึ้นมาทันที
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นเย่ฉงซินที่กระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงเหมือนกวางน้อย กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา
ดวงตาของฟางเฉิงหล่างฉายแววผิดหวังวูบหนึ่ง แต่ใบหน้าก็ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ศิษย์น้องเล็ก"
เย่ฉงซินเหมือนไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเขา นางเดินเข้ามาพร้อมดึงแขนเสื้อของฟางเฉิงหล่าง พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน "ศิษย์พี่ใหญ่ การเดินทางไปยังหุบเขามังกรคำรามในอีกสามวันข้างหน้า ท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ข้ารับรองว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายและไม่เป็นภาระแน่นอน"
เย่ฉงซินกะพริบตาเบา ๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
ฟางเฉิงหล่างขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วแดนบำเพ็ญเพียร ว่ามีคนเห็นกวางเจ็ดสีซึ่งเป็นสัตว์อสูรระดับสามที่ยังไม่เติบโตเต็มวัยในหุบเขามังกรคำรามกับตาตนเอง
ที่สำคัญคือ มันเป็นกวางตัวผู้
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ส่วนที่มีค่ามากที่สุดบนร่างของสัตว์อสูรประเภทกวางก็คือเขา รองลงมาคือเอ็น และสุดท้ายคือเลือด
แต่ไม่ใช่ว่ากวางอสูรจะมีเขาทุกตัว มีเพียงเขาอ่อนของกวางตัวผู้ที่ยังไม่โตเต็มวัย ซึ่งยังไม่มีกระดูกและมีขนอ่อนปกคลุมเท่านั้น ถึงจะเรียกว่าเขากวาง
และกวางเจ็ดสี ยังเป็นกวางอสูรที่หายากที่สุดในบรรดากวางอสูรทั้งหลาย เขาและเลือดของมันเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับกลั่นหลอมยา ส่วนเอ็นในกระดูกของมันสามารถนำมาหลอมอาวุธ กล่าวได้ว่าทั้งร่างของมันล้วนเป็นของล้ำค่า
ดังนั้นเมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป จึงดึงดูดผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากให้มุ่งหน้าไปยังหุบเขามังกรคำราม
นิกายเต๋าทั้งห้าผู้มั่งคั่ง ย่อมไม่ให้ความสำคัญอะไรมากมายกับกวางเจ็ดสีตัวเดียวอยู่แล้ว
สาเหตุที่พวกเขาส่งคนไปยังที่นั่น หนึ่งคือเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีโอกาสฝึกฝนตนเอง สองคือต้องการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนิกายเต๋าทั้งห้า
ในฐานะที่นิกายเต๋าทั้งห้าเป็นผู้นำของนิกายสำนักในแดนบำเพ็ญเพียร จะเก็บตัวเกินไปก็ไม่ได้ ควรประกาศศักดา แสดงความน่าเกรงขามออกมาเป็นบางครั้ง
หลังจากศิษย์น้องเล็กเข้ามาเป็นศิษย์ในยอดเขาตู๋เยว่ ก็ไม่เคยออกไปจากนิกายเต๋าทั้งห้าเลย การเดินทางครั้งนี้ต้องข้ามภูเขาผ่านแม่น้ำ เส้นทางยาวไกล เขาไม่สามารถวางใจได้เลยจริง ๆ
เย่ฉงซินยังคงกล่าวออดอ้อนอย่างแผ่วเบา "ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าอยากไปจริง ๆ นะ ข้าไม่เคยไปที่ไหนนอกจากนิกายเต๋าทั้งห้าเลย ท่านทนเห็นข้าถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดได้หรือ"
เย่ฉงซินยิ่งกล่าวก็ยิ่งห้ามเอาอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ สุดท้ายก็เริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมา
"ข้า...ข้าอยากไปเห็นโลกภายนอกจริง ๆ นะ ข้าไม่อยากถูกขังอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ นี้ไปจนตาย ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าขอร้องท่านล่ะ"
หยดน้ำตาของเย่ฉงซิน สุดท้ายก็ทำให้ฟางเฉิงหล่างใจอ่อน
เขากล่าวอย่างยอมอ่อนข้อ "หากอาจารย์อนุญาต ข้าก็จะพาเจ้าไปด้วย"
"ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะไปขออนุญาตอาจารย์ตอนนี้เลย ท่านต้องตกลงอย่างแน่นอน"
เย่ฉงซินยิ้มทั้งน้ำตา หลังจากรีบแสดงความเคารพอย่างทนรอไม่ไหว ก็หันหลังวิ่งมุ่งหน้าไปยังที่พักของเซียนชิงเหยี่ยนบนยอดเขาตู๋เยว่
เมื่อออกมาห่างจากฟางเฉิงหล่างมากพอ
รอยยิ้มในดวงตาของเย่ฉงซินกลับกลายเป็นเงามืด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...