เสิ่นเผยซวนรู้สึกเอือมระอาเป็นอย่างมาก “ตอนนี้ คุณคิดว่าผมอยากถอยก็ถอยหรอ? ถึงผมจะถอย ก็ต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน”
ซูจ้านตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วกว่านี้? คุณยังจะมาที่นี่อีก ไม่กลัวว่าจะนำอันตรายมาให้ลูกสาวกับลูกเขยหรือไง?”
“เห้อ” เสิ่นเผยซวนถอนหายใจ ถ้าเขาไม่มาก็กลัวว่าเสิ่นซินเหยาจะคิดฟุ้งซ่าน เพราะการแต่งงานของเธอนั้นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน มีเพียงครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้น ถ้าพลาดครั้งนี้ก็คงไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว อีกอย่าง เขาก็มีลูกสาวแค่คนเดียว เขาอยากจะย่นมือลูกสาวให้กับจวงเจียเหวินด้วยตัวเขาเอง
“ความเห็นของผม เรื่องนี้ยังคงต้องระวังมากๆนะ พวกคุณยังไม่เจอหนอนบ่อนไส้เลยด้วยซ้ำ ไม่แน่ว่า เรื่องที่คุณมาเมืองC อาจจะรั่วไหลออกไปนานแล้ว” ในใจของซูจ้านอยากพูดแค่ว่า ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงแค่ไหนก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น
จงจิ่งห้าวเห็นด้วยกับความเห็นของซูจ้าน “ช่วงนี้ก็ระวังตัวหน่อยนะ”
“ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องบอกเจียเหวิน กันไว้ดีกว่าแก้ ไม่งั้นถ้าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาคงรับมือไม่ทันแน่ๆ” ซูจ้านดื่มเหล้าลงคอหมดหนึ่งแก้ว
เสิ่นเผยซวนรู้สึกขอโทษจวงเจียเหวินเป็นอย่างมาก “พอเถอะคุณ เรื่องนี้ผมจะคุยกับเขาเอง”
“ผมไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยหรอ?” เสิ่นเผยซวนหยิบแก้วเหล้ามาจากเขา “อายุเยอะแล้ว ดื่มน้อยๆหน่อยสุขภาพถึงจะแข็งแรง ลูกเขยของผม จำเป็นต้องให้คุณไปคุยแทนผม? ”
“คำพูดของคุณนี่มัน ถึงเขาจะเป็นลูกเขยคุณ แต่เขาใช้เวลากับพวกผมมากกว่าไม่ใช่หรอครับ?” ซูจ้านไม่ยอมแพ้ “แกล้งผมใช่ไหมครับ?”
เสิ่นเผยซวนเงียบลงทันที และไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ว่าซูจ้านกำลังสื่อถึงอะไร เดี๋ยวก็จะพูดว่า แกล้งผมที่ไม่มีลูกใช่ไหม?
เขากลัวที่จะต้องคุยเรื่องนี้กับซูจ้าน จึงหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเสียดีกว่า
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นเผยซวนได้เรียกจวงเจียเหวินมาหาที่ห้องของตัวเอง เพื่อบอกสถานการณ์ของเขาเป็นการส่วนตัว
“คุณพ่อก็นะ มีเรื่องอะไรต้องปิดบังฉันด้วย ถึงได้เรียกเจียเหวินไปคุยเป็นการส่วนตัว ไม่ให้ฉันอยู่ฟังอีกด้วย ฉันเป็นลูกสาวเขา หรือเจียเหวินเป็นลูกสาวเขากันแน่?” เสิ่นซินเหยาที่ถูกพ่อแม่ไล่ให้ออกจากห้อง รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ได้แต่บ่นให้จงเหยียนซีฟัง
จงเหยียนซีหัวเราะ “เจียเหวินไม่ใช่ลูกสาวของพวกเขาหรอก อย่างมากก็เป็นได้แค่ลูกชาย”
เสิ่นซินเหยาหัวเราะ เดินมาหยุดข้างรถ แล้วถามขึ้นว่า “พี่ พี่ขับหรือฉันขับคะ? ”
จงเหยียนซีเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วนั่งลง พร้อมพูดว่า “น้องขับเถอะ”
พวกเธอจะไปที่บ้านใหม่ มีขนบธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือห้ามเจ้าสาวและเจ้าบ่าวเจอกันก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน เพื่อทำตามขนบธรรมเนียมนี้เสิ่นซินเหยาในตอนนี้ควรจะอยู่ที่บ้านของตัวเอง แต่บ้านของเธอไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ อยู่ไกลกว่าเมืองBอีกนิด มันจะไกลเกินไป จึงตัดสินใจว่าคนหนึ่งอยู่บ้านใหม่ อีกคนอยู่วิลล่าเก่า
บ้านใหม่อยู่ห่างจากวิลล่าเก่าไกลพอสมควร เสิ่นซินเหยาบอกว่าเธอรู้สึกกลัวที่ต้องอยู่ที่นั้นคนเดียว ดังนั้นจงเหยียนซีจึงไปกับเธอ เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธอหนึ่งคืน หลังจากงานแต่ง เธอกับจวงเจียเหวินก็จะอาศัยอยู่ในบ้านใหม่
เธอกับจวงเจียเหวินยังวัยรุ่น ทุกคนเห็นดีกันว่าควรให้ทั้งสองได้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พวกเขาเพิ่งแต่งงานกันแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่ยิ่งยอมให้พวกเขาอาศัยในบ้านเก่าต่อ
“จะแต่งงานแล้ว จะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับหรือเปล่า?” จงเหยียนซีพูดแซว
ใบหน้าของเสิ่นซินเหยาแปดเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับความเขินอายเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักเขาสักหน่อย ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย?”
“หืม จริงไหมเนี่ย?” จงเหยียนซียื่นหน้ามา “บอกพี่มานะ เธอกับลูกน้อยเคยนอนด้วยกันแล้วหรือยัง?”
เสิ่นซินเหยาหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ยังคงทำสีหน้านิ่ง “พี่อ่ะ น่ารำคาญจริงๆเลย”
จงเหยียนซีหัวเราะ
พอถึงที่พักพวกเธอก็เดินลงจากรถ ไม่ว่าจะห้องนอนหรือของใช้ประจำวันได้ถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แม้กระทั่งห้องหอก็ถูกตกแต่งเอาไว้หมดแล้ว
“เรานอนห้องนอนแขกกัน” จงเหยียนซีกล่าว “วันนี้ต้องรีบเข้านอนด้วย เพราะพรุ่งนี้เธอต้องตื่นไปแต่งหน้าแต่เช้าเลย”
เสิ่นซินเหยาถาม “เราจะนอนด้วยกัน หรือนอนแยกห้องกัน?”
จงเหยียนซีถามอย่างตลก “เธออยากนอนกับพี่หรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม