สีหน้าของเหอรุ่ยสิงยิ่งเย็นชากว่าเดิมและไม่ชอบที่เธอมีข้อแม้กับเขา “อย่าลืมล่ะ เรื่องนี้เธอเป็นคนก่อ เดิมเธอมีต้องรับผิดชอบในการแก้ไขมัน แล้วจู่ ๆ เธอก็หาเรื่องมาต่อรองกับพี่? ถ้าพ่อรู้เข้า พ่อจะต้องโมโหแน่”
เหอรุ่ยหลินหัวเราะออกมา “พี่ใหญ่ พี่กลัวว่าฉันจะแย่งผลงานพี่เหรอ?”
“ตลก” เหอรุ่ยสิงเบื่อที่จะสนใจเธอ “จงจิ่งห้าวมีจุดอ่อนที่จับง่ายขนาดนั้นเหรอ? ถ้าหากเธอมีจุดอ่อนของเขาจริง สู้เอาไปขู่เขาตรงๆ ให้เขามาขอเธอก็ได้ จะมาทำให้มากเรื่องไปทำไม? นอกจากเธอจะบ้า?”
เหอรุ่ยสิงใจเย็นลงแล้วในตอนนี้ แต่ไม่เชื่อว่าเหอรุ่ยหลินจะมีจุดอ่อนของจงจิ่งห้าวอยู่จริง
ถ้าหากมีก็เอาไปขู่เขาเลยตรงๆ แล้วจะยังถอนหมั้นแล้วทำเรื่องพวกนี้ทำไม
“พี่สิบ้า!” เหอรุ่ยหลินรู้สึกโกรธทันใด “เดิมทีฉันคิดจะช่วยพี่ แต่พี่ไม่ต้องการ งั้นก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
พูดจบเธอก็หันหลังเดินกลับขึ้นชั้นบน
เหอรุ่ยสิงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา “อยู่บ้านดีๆ ไปเถอะ อย่าทำให้พ่อโมโหอีกก็แล้วกัน”
เซี่ยเจินหยูออกมาจากห้องและได้ยินเหอรุ่ยสิงพูดเสียงดัง จึงตำหนิเบาๆ “สองวันนี้พ่อลูกอารมณ์ไม่ดี อย่าเอะอะโวยวายในบ้านกัน เขาจะได้ไม่โมโห”
ในที่สุดเธอก็สงบลงและเต็มใจที่จะพักผ่อนในห้อง
“อือ” เหอรุ่ยสิงเดินเข้าห้องไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาหยิบเสื้อออกมาแต่ไม่ได้เปลี่ยนมันในทันทีแต่กลับนั่งอยู่บนโซฟา หยิบโทรศัพท์ออกมาหาเบอร์ของกวนจิ้งและโทรออก
เขากระแอมในลำคอและคิดในใจว่าจะพูดอะไร การติดต่อเขาในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ชัดเจนว่าเพราะข่าวนั่น กวนจิ้งอาจจะไม่ยอมรับสายหรืออาจจะปฏิเสธเขาต่อหน้าก็ได้
โทรศัพท์ดังจนสุดท้ายก็ไม่มีใครรับสาย เหอรุ่ยสิงกำโทรศัพท์แน่นแต่ไม่ได้ท้อใจเพราะเหตุนี้ เขาวางโทรศัพท์กระดุมชุดสูทและเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไป
เหอรุ่ยหลินยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างชั้นสอง มือหนึ่งจับผ้าม่านมองดูเหอรุ่ยสิงขับรถออกจากประตูหลัง
ไม่ว่าจงจิ่งห้าวจะรักหรือไม่รักเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธออยู่กับเขามาเป็นเวลาไม่น้อย พอเข้าใจเขาอยู่บ้าง จงจิ่งห้าวไม่มีทางจะเจอเขาแน่
เธอยกมุมปาก “พี่ใหญ่ ฉันให้โอกาสพี่แล้วนะ พี่ไม่คว้าไว้เอง อย่าโทษฉันล่ะ”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรศัพท์มือถือของจงจิ่งห้าวและส่งอีเมลส่วนตัวด้วยเผื่อในกรณีที่เขามองไม่เห็น
วิลล่า
ป้าหยูทำอาหารเต็มโต๊ะประหนึ่งเหมือนกับงานปีใหม่
จวงจื่อจิ่นช่วยถือจานชาม หลินลุ่ยซีจึงเล่นคนเดียวในห้องนั่งเล่น หลินซีเฉินยังอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาบอกว่าหน้าตาน่าเกลียดเกินไปไม่อยากจะเจอใคร
มีไฟสีขาวเข้ามา และมีรถสีดำขับเข้ามา ในไม่ช้าหลินซินเหยียนและจงจิ่งห้าวก็ออกจากรถและเดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน
เมื่อประตูเปิด หลินลุ่ยซีได้ยินเสียงก็รีบชะโงกหน้าจากโซฟาหันไปมองที่ประตู เมื่อเห็นที่เข้ามาแววตาก็ส่องเป็นประกาย
พี่ชายบอกว่านี่คือคุณพ่อ
เธอเลื่อนลงจากโซฟาอย่างคล่องแคล่วและวิ่งไปที่ประตูด้วยขาสั้นของเธอ หลินซินเหยียนคิดว่าเธอมารับตนเอง เธอจึงนั่งลงและอ้าแขนทักทายเธอ “เสี่ยวลุ่ย”
หลินลุ่ยซีไม่ได้กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ แต่หยุดอยู่ตรงหน้าจงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้น กะพริบตาเป็นประกายและมองไปที่ชายร่างสูงคนนี้ เขาสูงและหล่อมาก
“แด๊ดดี้”
หลินซินเหยียน “...”
จงจิ่งห้าว “...”
“แด๊ดดี้” หลินลุ่ยซียื่นมือออกไปกอดขาจงจิ่งห้าว “แด๊ดดี้ อุ้มๆ”
หลินซินเหยียนเข้าไปปลอบเธอ “เสี่ยวลุ่ย เด็กดี มากับแม่นะ”
เธอส่ายหน้า “หนูจะให้แด๊ดดี้อุ้ม”
หลินซินเหยียนเกิดกระอักกระอ่วนใจขึ้นทันทีและรู้สึกปวดใจ เด็กคนนึ้ถึงแม้จะขาดความรักจากพ่อ แต่เธอก็ไม่เคยเรียกคนอื่นมั่วซั่วว่าพ่อ
“เสี่ยวลุ่ยลูกมากับหม่ามี๊ทางนี้ดีกว่านะ นี่...ไม่ใช่แด๊ดดี้นะจ๊ะ”
“หนูจะเอาแด๊ดดี้” หลินลุ่ยซีไม่รับฟังคำพูดของหลินซินเหยียนเลย มือทั้งสองข้างกอดแน่นขึ้น ใบหน้าเล็กๆ แนบติดกับขาของจงจิ่งห้าวและเงยหน้าขึ้นกะพริบตาแป๋วปริบๆ “คุณพ่อ อุ้มเสี่ยวลุ่ยได้ไหมคะ?”
จงจิ่งห้าวตัวแข็งทื่อไปแล้วในวินาทีที่ถูกเธอเข้ามากอดขา เขาก้มลงมองดวงตาคู่นั้นของเธอที่จ้องมองเขา ดูเหมือนน้ำในทะเลสาบที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหว ส่องแสงสว่างไสวและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เขาก้มลงไปอุ้มเธอขึ้นมา เธอบริสุทธิ์มาก อาจจะเป็นเพราะเธอตัวเบา จงจิ่งห้าวแทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย
เธอมองดูชายหนุ่มด้วยความใกล้ในระดับนี้ หลินลุ่ยซีมองเขาอย่างละเอียด คุณพ่อหล่อมากเลย!
เธอยื่นมือออกไปกอดคอเขาแน่นมาก ราวกับกลัวว่าเขาจะวางเธอลง หัวของเธอฝังเข้าไปตรงซอกแขนของเขา
หลินซินเหยียนอยากจะอุ้มเธอกลับมา “เสี่ยวลุ่ย...”
“หม่ามี๊คะ หนูอยากให้แด๊ดดี้อุ้ม” น้ำเสียงของเธอเหมือนจะร้องไห้ ในใจของเธอ เธอเฝ้าหวังว่าจะมีพ่อ เฝ้าหวังอยากจะให้พ่ออุ้มเธอ
เฝ้าหวังว่าจะมีคนให้เธอเรียกเขาว่าแด๊ดดี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม