แค่การวู่วามเพียงชั่วครู่ จนทำตัวเองซวย
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ว่าจองหองโอ้อวดเกินไปเหรอ แค่ใส่เสื้อผ้าตัวพันกว่าเท่านั้นเอง ก็รู้สึกว่าดูสูงส่งแล้วเหรอ
นี่มันทำตัวเองซวยชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?
จงจิ่งห้าวไม่ล้มเลิกในสิ่งที่พูดไป
ผู้หญิงหวาดกลัวมาก ไม่มีมือ ชีวิตนี้ก็จบเห่กันแล้วเหรอ?
ไม่ ไม่ ไม่ ...เธอไม่อาจที่จะไม่มีมือได้
แต่ว่าคนพวกนี้ดูแล้วก็น่าหวาดกลัวมาก
แต่ทว่ามันช่างน่าหวาดกลัวมาก ผู้หญิงพลันใช้พละกำลังในตัวที่มี เธอสะบัดหลุดจากบอดี้การ์ด การกระทำของเธอช่างรวดเร็วมาก จนขนาดบอดี้การ์ดยังตั้งตัวไม่ทัน
ผู้หญิงหลุกจากบอดี้การ์ดมาก็กระโจนเข้าหาหลินซินเหยียน
จงจิ่งห้าวคิดว่าผู้หญิงจะมาทำร้ายหลินซินเหยียน พลันสาวเท้าข้ามมา จากนั้นก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเตะเธอไปทางด้านข้าง ร่างกายของผู้หญิงลอยออกไปติดอยู่บนต้นไม้แห้งในสระน้ำสีเขียวมรกต จนกิ่งมันสั่นไหวอยู่ตลอด
จงจิ่งห้าวโกรธจัดจนตาแดงแปร๊ด พร้อมทั้งสบถด่าอบรมบอดี้การ์ดไปด้วย “พวกนายทำอะไรกันอยู่ แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมจับไว้ไม่ได้?”
ผู้หญิงเอามือกุมหน้าอกพร้อมทั้งเปล่งเสียงกระแอมออกมา เพราะมันยากนักที่จะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ “ฉันจะไปกล้าคิดแบบนั้น ยิ่งไม่กล้าที่จะทำร้ายเธอ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองหลินซินเหยียน “ฉันรู้สึกว่าคุณเองก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน ฉันอยากจะขอร้องให้คุณช่วยขอร้องให้ฉันด้วย”
ท่าทางของหลินซินเหยียนเย็นชามาก ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนใจแข็งอะไร แต่คือ ผู้หญิงคนนี้กล้าเข้ามาล้ำเส้นของเธอ
ความเป็นแม่เธอไม่ได้ปกป้องลูกของตนเองให้ดี เธอย่อมโทษตัวเอง แต่คนที่มาทำร้ายลูกของตนเอง เธอก็ไม่สามารถปล่อยวางได้
เธอไม่ได้เป็นคนยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เธอก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป เป็นแม่ธรรมดาคนหนึ่ง
“ลูกสาวฉันเพิ่งจะห้าขวบเอง โตขนาดนี้แล้ว อย่าพูดว่าตบเลย ขนาดฉันพูดแรงๆ ใส่ฉันยังไม่เคยพูดเลย แล้วคุณมีสิทธิ์อะไร?” หลินซินเหยียนดวงตาแดงฉาน “แม้ว่าคุณมีความผิด แต่ก็ไม่ถึงกับตัดมือทิ้ง แต่การอบรมสั่งสอนยังไงก็ต้องมี”
ผู้หญิงอ้าปากอยู่นานแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลินซินเหยียนกอดหลินลุ่ยซีอยู่ ไม่อย่าให้เธอเห็นภาพเหตุการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ เธอกระซิบพูด “ฉันขอขึ้นรถก่อน”
จงจิ่งห้าวพยักหน้า
“เดี๋ยวสิ”
หลินซินเหยียนก้าวเท้าเดินออกไปหนึ่งก้าว สาวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเธอ ก็ผงกหัวขึ้นมา และมองหลินซินเหยียน “หม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่ใช่สอนหนูให้เป็นคนมีน้ำใจเผื่อแผ่กับคนอื่นเหรอ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย ใช่ คำพูดนี้เธอเป็นคนพูดให้ลูกสาวฟังเอง
อย่าได้เป็นคนไม่มีเหตุผล ต้องเป็นคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้คนอื่น
แต่ว่าเรื่องนี้ตัวเธอเองทำไม่ได้
เธอ เป็นแม่คนหนึ่ง เมื่อเห็นลูกสาวของตนเองถูกตบหน้า ในใจก็รู้สึกตำหนิตนเอง ด้วยความโกรธเคือง
หลินลุ่ยซีหันศีรษะไปมองผู้หญิงที่นั่งกองอยู่ที่พื้นด้วยความอาย พร้อมทั้งพูดเสียบแหบพร่า “คุณรู้ว่าทำผิดแล้วใช่ไหม?”
ผู้หญิงนัยน์ตาหม่นหมอง ได้แต่หัวเราะเยาะให้ตัวเอง “ทำผิดครั้งเดียว ถึงได้มองเห็นจิตใจของคนใกล้ตัวชัดมากขึ้น”
ปกติสามีของเธอเป็นคนช่างเอาอกเอาใจ แต่ครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีอำนาจ พลันตัดขาดทันที ไม่เพียงแต่ทิ้งเธอเอาไว้ ยังรังเกียจที่เธอเสียหน้า
หลินลุ่ยซีถอนหายใจออก พลันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักมาก “หม่ามี๊” จากนั้นก็หันไปหาจงจิ่งห้าว “แด๊ดดี้คะ ปล่อยเธอไปเถอะ หน้าหนูไม่เจ็บแล้วนะ”
จงจิ่งห้าวอุ้มตัวลูกสาวมา ผิวพรรณของเธออ่อนนุ่ม แต่ยังคงแดงอยู่ในเวลานี้ จนเห็นรอยนิ้วห้านิ้วอยู่ เขายื่นมือออกไป อยากจะสัมผัสกับใบหน้าของเธอ แต่ก็กลัวว่าเธอจะเจ็บ ปลายนิ้วลูบบริเวณหน้าผากของเธอ ลูกสาวของเขาเป็นคนที่จิตใจดีมาก
แต่ บนโลกใบนี้มีความโหดร้ายอยู่อีกด้านเสมอ
“หนูมั่นใจใช่ไหม?” เขาถามลูกสาวอย่างอ่อนโยน
หลินลุ่ยซีพยักหน้า “หนูมั่นใจ หม่ามี๊ก็เคยพูดอยู่ จงให้อภัยกันได้ก็ให้อภัยกันไป การให้อภัยกับคนอื่นตนเองย่อมมีความสุข”
จงจิ่งห้าวเลิกคิ้ว “หม่ามี๊ของหนูยังสอนหนูอะไรอีก?”
“คนที่เขาไม่ได้ทำผิดกับเรา เราก็ไม่ต้องไปทำผิดกับเขา ถ้าใครทำผิดกับเรา เราก็จะกลับคืนเป็นสองเท่า!” หลินซีเฉินพูดแทรกแทน
หลินลุ่ยซีจ้องมองพี่ชาย “คำพูดนี้หม่ามี๊สอนพี่ ไม่ได้พูดกับหนู”
สำหรับเด็กสองคน การอบรมของหลินซินเหยียนไม่เหมือนกัน ผู้หญิงเธอพยายามปกป้องสุดกำลัง หวังว่าพอโตขึ้นเธอจะเป็นคนที่สามารถควบคุมตนเองได้ดี มีความคิด เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีตามนิสัยของผู้หญิง
ซึ่งไม่เหมือนกับผู้ชาย ผู้ชายต้องมีความเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยว ไม่กลัวความทุกข์ยาก ไม่กลัวอนาคตที่จะเกิดขึ้น จนเติบโตเป็นผู้ชายเต็มตัวที่แข็งแกร่งดั่งหินผาคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม