เด็กสองคนนี้แซ่หลินอย่างนั้นเหรอ?
ใช้แซ่ตามใครกัน?
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” น้ำเสียงของเหวินชิงจริงจังขึ้นมาทันที
ลูกใช้แซ่เดียวกับพ่อ ประเพณีแบบนี้เหมือนมันจะซึมซับเข้าไปในกระดูกแล้ว โดยเฉพาะคนรุ่นก่อนๆ จะยิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
ทันใดนั้น หลินซินเหยียนก็ยกซุปเข้ามา เธอยังไม่ทันได้วางลง เหวินชิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบถามไป “เด็กๆ ใช้แซ่ตามเธอเหรอ?”
เรื่องงานแต่งของจงจิ่งห้าวเขาเคยได้ยินมานิดหน่อย เนื่องจากตอนนั้นจงจิ่งห้าวไม่ยอมรับ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เล่าเรื่องของหลินซินเหยียนให้เขาฟัง ตอนนั้นเขาเองก็ยุ่งมาก จึงไม่ค่อยรู้เรื่องตัวตนและภูมิหลังของหลินซินเหยียนมากนัก
หลินซินเหยียนชะงักและงงไปแปบหนึ่ง คำถามของเหวินชิงนั้นมาได้กะทันหันเกินไป
“เรื่องนี้พูดแล้วมันยาวครับ ถ้าต้องไล่เรียงขึ้นมา ผมนั่นแหละที่ทำผิดต่อพวกเธอ ส่วนเรื่องที่ใช้แซ่ตามใครนั้น ผมกลับรู้สึกว่า เธอเป็นคนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดู ใช้แซ่ตามเธอก็ดีเหมือนกันครับ” จงจิ่งห้าวต้องมองออกอยู่แล้วว่าเหวินชิงค่อนข้างติดใจเรื่องนี้ จนถึงขั้นไม่ค่อยชอบใจด้วยซ้ำ
เขาจับมือของหลินซินเหยียนต่อหน้าเหวินชิง ดึงเธอมานั่งข้างๆ
“ตอนที่หย่ากันตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องอยู่ ต่อมาพอได้รู้……” เหตุการณ์ระหว่างนั้นเขาไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เป็นการแสดงออกว่าเรื่องนี้มันเป็นความผิดของเขา แซ่ที่ลูกๆ ใช้ตอนนี้ เขาก็จะไม่ไปเปลี่ยนมัน
ถ้าหากว่า จะต้องมีใครสักคนที่ใช้แซ่เดียวกับเขา งันก็ต้องมีอีกคน ยังไงหลินซินเหยียนก็รับปากเขาแล้ว
ส่วนเรื่องการแต่งงานและหย่าร้างของจงจิ่งห้าวนั้น เขาก็พอได้รู้เรื่องมาบ้าง แต่งงานกันได้ไม่นานก็หย่ากันแล้ว
ดูจากอายุของลูกๆ แล้วมันก็ดูจะเป็นแบบนั้น
“ความอกตัญญูนั้นมีสามอย่าง แต่การไม่มีทายาทถือเป็นเรื่องใหญ่สุด ถึงแม้ในตัวของเสี่ยวเฉินจะมีเลือดของแกไหลเวียนอยู่ แต่ว่า การที่ไม่ได้ใช้แซ่เดียวกับแก ต่อไปจะทำยังไงกับฐานะของเขา? เป็นของตระกูลจงหรือเป็นของตระกูลหลิน?” เหวินชิงยังคงรู้สึกว่าเด็กทั้งสองควรเปลี่ยนแซ่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเรื่องที่ลูกๆจะใช้แซ่เดียวกับแม่ได้
จงจิ่งห้าวกุมมือของหลินซินเหยียนแน่นขึ้นกว่าเดิม ปลายนิ้วถูกไถอยู่ที่หลังมือของเธอ จนหลินซินเหยียนต้องหันมามองเขา
เขาไม่ได้มองเธอ ให้เธอมองเห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้างเปี่ยมด้วยความมั่นใจของเขาเท่านั้น เมื่อมองจากมุมนี้ขนตาของเขานั้นช่างเด่นชัดเหลือเกิน
เสียงของเขาแผ่วเบา แต่กลับให้ความรู้สึกที่หนักแน่น “เราสองคนเป็นสามีภรรยากัน เป็นดั่งคนคนเดียวกันครับ”
เหวินชิงรู้สึกห่อเหี่ยว “พ่อ……”
“พ่อของแกว่ายังไงบ้าง?” เรื่องนี้จงฉีเฟิงยังต้องพูดอะไรบ้าง
จงฉีเฟิงรู้รายละเอียดความเป็นไปเป็นมาของเรื่องนี้มากกว่าเหวินชิง ดังนั้น จึงไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องแซ่ที่เด็กๆ ใช้
ยังไงหลายปีมานี้ เป็นหลินซินเหยียนที่เลี้ยงพวกเขามาตัวคนเดียว ต่อไปถ้าหลินซินเหยียนจะเปลี่ยนแซ่ให้พวกเขาเขาก็จะดีใจมาก แต่ถ้าไม่อยากเขาก็จะไม่บังคับ
“เขาแก่หงำเหงือกแล้ว ถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกจนแยกแยะอะไรไม่ได้” พอพูดถึงจงฉีเฟิงเหวินชิงก็โมโหขึ้นมา เหวินชิงยังคงฝังใจกับเรื่องที่เหวินเสียนตายไปไม่นานเขาก็ไปแต่งงานกับเฉิงยู่ซิ่วไม่ยอมหาย
ร่างกายของหลินซินเหยียนเกิดเกร็งขึ้นมา เธอเข้าใจดีว่าผู้หญิงที่เหวินชิงพูดถึงนั้นคือใคร
จงจิ่งห้าวรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเธอ ในใจพอจะรู้อยู่ว่าทำไมเธอถึงมีการตอบสนองแบบนี้
ความสัมพันธ์ของเธอกับยู่ซิ่วดีถึงขนาดนี้แล้วเหรอ?
แค่ได้ยินคนพูดถึงก็ยังตื่นเต้นขึ้นมาได้?
“เรื่องมันก็หลายปีมาแล้ว ฉันก็ไม่อยากพูดถึงมันมาก ฉันรู้ว่าแกเองก็ไม่อยากยอมรับ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันจำเป็นต้องบอกแก” เหวินชิงทำสีหน้าจริงจัง “ตอนที่พ่อของแกแต่งงานกับเธอ เขาเคยรับปากฉันไว้เรื่องหนึ่ง แต่ ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะทำสัญญานั้นไปแล้ว……”
“กินข้าวกันก่อนค่ะ มีอะไรไว้ค่อยคุยกันหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ อยู่ดีๆ จะพูดถึงอดีตทำไมคะ?” หลี่จิ้งวางเหล้าไว้หน้าเขา
เหวินชิงคิดไปครู่หนึ่ง จงจิ่งห้าวก็ไม่ได้มาบ่อยๆ ถ้าพูดไป เดี๋ยวจะหมดอารมณ์กินข้าวกันพอดี เขาจึงพูดกับหลี่จิ้งไปว่า “ตามที่คุณว่า เทเหล้าให้ผมหน่อย”
หลี่จิ้งยิ้มออกมา รินเหล้าให้เขาแก้วหนึ่ง จากนั้นก็หันมารินให้จงจิ่งห้าวจนเต็มแก้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม