จงจิ่งห้าวเชยตามองเธอ ความรู้สึกและความทุกข์ที่อธิบายไม่ได้กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
ตอนนี้ที่เธอต้องการความช่วยเหลือ เขากลับไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอ
เวลานั้น เธอคลอดพวกเขาคนเดียว ต้องลำบากมากแน่ๆ
มือที่กำไว้ของหลินลุ่ยซีค่อยๆ คลายออก
น้ำเสียงของหลินซินเหยียนอ่อนโยนกว่าเดิม “ต่อให้อนาคตหม่ามี๊มีทารกน้อยอีกมากมาย แต่ว่าเสี่ยวลุ่ยและเสี่ยวซี ไม่มีใครแทนที่ได้ พวกว่ามีพวกหนู ถึงจะมีฉันในตอนนี้”
เด็กผู้หญิงสะอึกแล้วหันไปมองเธอ
หลินซินเหยียนยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ นิ้วมือลูบใบหน้าของเธอเบาๆ “เสี่ยวลุ่ย เป็นลูกรักของหม่ามี๊ หม่ามี๊อยากให้เธอเติบโตอย่างมีคุณภาพ หม่ามี๊หวังให้เธอเป็นเด็กที่เข้มแข็ง กล้าหาญ เพราะว่าแด๊ดดี้และหม่ามี๊ไม่สามารถอยู่กับหนูตลอดไป โลกนี้วิเศษมาก และมีหลายทาง หนูต้องเดินด้วยตัวเอง หม่ามี๊รักหนู ดังนั้นจึงเข้มงวดกับหนู”
หลินลุ่ยซีปล่อยมือ ลูบท้องน้อยของเธอ เพราะเดือนยังน้อย แทบจะไม่รู้สึก เธอสูดจมูก “ในนี้มีทารกน้อยจริงๆ เหรอคะ?”
หลินซินเหยียนก้มหน้า สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เธอกอดลูกสาว “ใช่แล้ว เสี่ยวลุ่ยก็อยู่ในท้องของหม่ามี๊แบบนี้ ค่อยๆ โตทีละนิด”
เด็กผู้หญิงสงสัย ยื่นมือไปลูบ ยังคงไม่รู้สึก
“อนาคตเสี่ยวลุ่ยจะเป็นพี่สาวแล้ว ทารกน้อยจะเล็กมาก เสี่ยวลุ่ยต้องดูแลถุงจะเติบโต”
ใบหน้าของเด็กผู้หญิงแนบลงกับท้องน้อยของหลินซินเหยียน ถูไปมาโดยที่มีเสื้อกั้นอยู่ “หนูเป็นพี่สาว?”
“ใช่แล้ว หนูเป็นพี่สาว” หลินซินเหยียนยิ้มแล้วลูบผมของลูกสาว “เสี่ยวลุ่ยของฉันโตแล้ว จะขึ้นชั้นประถมแล้ว และจะเป็นพี่สาวแล้ว จำได้ว่าตอนที่เสี่ยวลุ่ยเพิ่งคลอด เหมือนหนูตัวเล็ก ค่อยๆ โต หม่ามี๊กลัวจะเลี้ยงไม่ได้”
เด็กผู้หญิงกอดเธอแน่น “หม่ามี๊”
“ยังจำได้หรือเปล่าว่าตอนเด็กๆ เธอกินอะไร?” หลินซินเหยียนกุมใบหน้าของลูกสาว มองเธอ “จำได้ไหม?”
เด็กผู้หญิงพยักหน้า “จำได้ค่ะ”
“แล้วรู้ไหมว่าพี่ชายกินอะไร?”
“รู้ค่ะ เสี่ยวลุ่ยรู้ หม่ามี๊กลัวเสี่ยวลุ่ยกินไม่อิ่ม เอานมให้เสี่ยวลุ่ยกิน พี่ได้กินแค่นมผง”
“งั้นหนูว่า หม่ามี๊รักหนูหรือไม่?”
เด็กผู้หญิงซุกอยู่ในอ้อมกอดของเธอไม่พูด สะอึกเบาๆ
“ขอโทษค่ะ……”
“เสี่ยวลุ่ยไม่ผิด ฉันรู้ว่าเสี่ยวลุ่ยห่วงอะไร ไม่ว่าจะเป็นหม่ามี๊หรือแด๊ดดี้ หนูล้วนเป็นลูกรักของพวกเรา ไม่มีใครแทนที่ได้”
เด็กผู้หญิงกอดแขนของหลินซินเหยียนแน่นกว่าเดิม
ก๊อกๆ ……
เฉิงยู่ซิ่วเคาะประตู เธอยืนอยู่หน้าประตู “อาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว ออกมากินข้าวเถอะ”
หลินซินเหยียนอุ้มลูกสาว “ได้แล้ว ห้ามร้องไห้อีกแล้ว เสี่ยวลุ่ยร้องไห้ขึ้นมาจะไม่สวยนะ”
หลินลุ่ยซีเช็ดหน้า “หม่ามี๊ปล่อยหนูลง หนูไม่อยากให้ทารกน้อยจากไป”
หลินซินเหยียนยิ้ม หอมแก้มลูกสาว “หม่ามี๊จะระวัง แต่ก็อยากอุ้มเสี่ยวลุ่ย เสี่ยวลุ่ยโตแล้ว ฉันเกือบอุ้มไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ยังอุ้มได้ ต้องอุ้มเยอะๆ”
เด็กผู้หญิงซบไหล่ของเธอ รู้สึกมีความสุขมาก หม่ามี๊รักเธอ
จงจิ่งห้าวโอบเอวของเธอ พูดกำชับ “เธอช้าๆ หน่อย”
หลินซินเหยียนอืมหนึ่งคำ
เฉิงยู่ซิ่วก็อกสั่นขวัญแขวน สัญญาณของการแท้งบุตรสามารถปรากฏขึ้นอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย ตามเธอ ก็เพราะกลัวเกิดอุบัติเหตุ
ระยะทางจากห้องหนังสือถึงห้องอาหารไม่ไกลมาก แต่หัวใจของจงจิ่งห้าวตระหนักอยู่ตลอดเวลา หมอสั่งไว้ว่าไม่ให้เธอลงพื้นแล้วเดิน แต่เธอกลับไม่ใช่แค่ลงมาเดิน ยังอุ้ม ‘เจ้าลูกชิ้น'อีก แม้หลินลุ่ยซีจะไม่อ้วนมาก แต่ก็หนักสิบกว่ากิโล”
ถึงห้องอาหาร จงจิ่งห้าวรับลูกสาว วางเธอลงบนเก้าอี้
หลินซีเฉินวางโน้ตเพลงลง เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง ถาม “เปียโนบ้านเราใครเป็นคนเล่นเหรอครับ?”
หลินซินเหยียนหันไป ตอบลูกชายด้วยรอยยิ้ม “เปียโนของฉันเอง”
“หม่ามี๊เล่นเปียโนเป็นด้วยเหรอครับ?” หลินซีเฉินเบิกตากว้าง
สายตาของหลินลุ่ยซีก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง เสียงยังคงแหบจากที่ร้องไห้ “หนูไม่เคยเห็นหม่ามี๊เล่นเปียโนเลย”
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ หม่ามี๊เล่นให้พวกหนูฟัง” หลินซินเหยียนไม่อยากให้ลูกทั้งสองคนคิดว่าพวกเขาถูกเมินเฉยเพราะตัวเองตั้งครรภ์
และตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็อยู่แต่ในบ้าน
“ว้าว ได้เห็นหม่ามี๊เล่นเปียโน” เด็กทั้งสองดีใจมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม