เหวิงชิงดึงหลี่จิ้งเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึง นี่ถ้าไม่ใช่เพราะข้างนอกคนเยอะเขาคงตะโกนด่าไปแล้ว เขาร้องหึออกมาอย่างไม่พอใจ “ที่เขาไม่มามันก็ถูกแล้ว เพราะเหวินเสียนต่างหากที่เป็นแม่ของเขา ฉะนั้นจะมาไว้ทุกข์ให้กับผู้หญิงคนนี้ทำไม?”
หลินซีเฉินกะพริบตาปริบๆมองไปยังคุณปู่เล็กที่เมื่อก่อนดูน่ารักเป็นกันเอง ทว่าตอนนี้กลับดูโหดร้ายมาก เขาเลยเดินไปยืนอยู่ข้างหลินซินเหยียนโดยสัญชาตญาณทันที
เฉิงยู่เวินเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาระงับความโกรธไว้ไม่ได้ หลินซินเหยียนจึงคว้าตัวเขาไว้แล้วพูดขึ้นเบาๆ“ไม่ว่าจะเรื่องบุญคุณหรือความแค้นอะไรก็ตาม ทุกอย่างล้วนไม่ควรพูดในเวลานี้ ให้เธอได้จากไปอย่างสงบนะ”
เฉิงยู่เวินกำหมัดแน่น ในใจรู้สึกโกรธมาก โกรธที่จงจิ่งห้าวไม่มาร่วมงาน
วันนี้เป็นช่วงสุดท้ายในชีวิตของเฉิงยู่ซิ่ว ในฐานะลูกชาย ทำไม่เขาถึงไมมา?!
ภายใต้คำอธิษฐานของบาทหลวงและสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา เถ้ากระดูกของเฉิงยู่ซิ่วถูกนำลงไปฝัง ทุกคนต่างเฝ้าดูพิธีอย่างเงียบๆไม่พูดไม่จา บรรยากาศดูเศร้าสลดมาก
หลินซินเหยียนไม่ร้องไห้ออกมาอีก เธอได้แต่ยืนมองอย่างเงียบๆ ทว่าเด็กน้อยทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆกลับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
เมื่อเห็นหลินซินเหยียนเอารูปถ่ายขาวดำของคุณย่าวางลงที่หน้าหลุมศพ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคุณย่าได้จากพวกเขาไปแล้ว พวกเขาจะไม่ได้เจอคุณย่าอีกต่อไป
หลินซินเหยียนลูบหัวเด็กทั้งสองเบาๆ “คำนับคุณย่าซะสิ”
ทุกคนยืนอยู่หน้าหลุมศพแล้วโค้งคำนับลงสามครั้งอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ทยอยเดินออกไปทีละคน ทว่าก่อนที่หลินซินเหยียนจะเดินออกไป เหวินชิงก็เข้ามาขวางไว้ “ขนาดจงจิ่งห้าวยังไม่มาเลย แล้วเธอจะมาทำไม?มาแสดงความกตัญญูงั้นหรอ?ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร?”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาโดยตรงแล้วพูดออกไปอย่างชัดเจนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณไม่จำเป็นต้องมาคอยบอกคอยสอนฉันหรอก อีกอย่างฉันก็หวังว่าการตายของแม่ฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับคุณนะ”
เหวินชิงหรี่ตามอง นึกไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับตัวเอง สีหน้าของเขาย่ำแย่ลงทันที
เดิมเหวินชิงก็เป็นคนอารมณ์ร้อนและหัวแข็งอยู่แล้ว หลี่จิ้งกลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะกันจึงพยายามดึงคนของเธอออกไป
หลินซินเหยียนก็ไม่ได้อยากจะต่อปากต่อคำกับเขาต่อ เธอจูงมือเด็กทั้งสองเดินออกไป
พิธีงานศพจบลงตอนบ่าย หลังจากที่หลินซินเหยียนส่งแขกกลับไปหมดแล้วถึงได้พูดกับซูจ้านขึ้น “นายพาเด็กสองคนนี้กลับไปก่อน”
“ได้ครับ ถ้ามีอะไรติดต่อผมได้ทันทีเลยนะครับ” ซูจ้านอุ้มหลินลุ่ยซีขึ้นพร้อมกับจูงมือหลินซีเฉินเดินออกไปจากสุสาน
หลังจากที่หลินซินเหยียนเห็นซูจ้านพาเด็กทั้งสองเดินออกไปแล้ว เธอถึงได้หันกลับไปมองหลุมฝังศพที่ตั้งอยู่ด้านหลัง
มันเงียบเหงาและหว้าเหว่มาก
เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก ชีวิตของเฉิงยู่ซิ่วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับควันที่สลายตัวหายไปในอากาศ
บนโลกนี้ไม่มีเฉิงยู่ซิ่วอีกต่อไปแล้ว
เสิ่นเผยชวนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอบอกว่าจงฉีเฟิงกำลังป่วย “ส่งเฉิงยู่เวินกลับไปแล้วครับ”
หลินซินเหยียนตอบอืมออกมาเบาๆ
เมื่อยืนตากฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอยู่นานเสื้อของเธอจึงเริ่มเปียก
เสิ่นเผยชวนถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมาแล้วเอาไปคลุมไว้บนไหล่ของเธอ
จากนั้นก็ยืนอยู่กับเธอ
จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ผมขอไว้ทุกข์ด้วยคนได้ไหม?”
เมื่อหลินซินเหยียนหันกลับไปก็เจอเข้ากับไป๋ยิ่นหนิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นพร้อมกับถือดอกเบญจมาศสีขาวไว้ในอก เกาหยวนเป็นคนเข็นเขาเข้ามา ส่วนอีกมือหนึ่งก็กางร่มสีดำไว้ พวกเขายืนอยู่ที่บันไดอิฐขั้นสุดท้าย
หลินซินเหยียนเขยิบเว้นที่ให้
เนื่องจากบันไดมีหลายขั้นเขาจึงไม่สะดวกขึ้นมา เกาหยวนเลยต้องเป็นคนเอาช่อดอกเบญจมาศสีขาวช่อนั้นขึ้นมาวางที่หน้าหลุมศพแทน สีหน้าของเขาดูเหนื่อยเล็กน้อย เนื่องจากมีช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นที่บริษัทเยอะมาก มากจนเขาหัวหมุนเลยทีเดียว แต่พอได้ยินข่าวนี้ เขาก็รีบมาร่วมงานทันที ทว่าพอมาถึงพิธีกลับจบลงไปแล้ว
“ที่ผมมาที่นี่ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นเลย ถือซะว่าผมเป็นตัวแทนไป๋หงเฟยพ่อเลี้ยงของผมมาส่งหล่อนไปสุ่สุคติแล้วกัน หวังว่าหล่อนจะจากไปอย่างสงบ ไปสู่ภพภูมิที่ดี”
เขานั่งตัวตรงแล้วหันหน้ามายังหลุมศพพร้อมกับโค้งคำนับลงสามครั้งด้วยสีหน้าที่นิ่งสุขุม เขามองไปยังผู้หญิงในรูปภาพขาวดำที่ติดอยู่หน้าหลุมศพ แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปี หล่อนก็ยังดูสุภาพและเยือกเย็นเหมือนเดิม “ผมจะแนะนำตัวเองให้คุณฟังอีกครั้ง ผมชื่อไป๋ยิ่นหนิงเป็นลูกบุญธรรมของไป๋หงเฟย พ่อบุญธรรมของผมหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งมาตลอดทั้งชีวิต แต่ว่าไม่ได้แต่งงานกับเธอ ถ้าคุณเจอเขาที่นั่น คุณก็ให้โอกาสเขาด้วยล่ะ อย่าปล่อยให้เขาเหงาอยู่คนเดียวอีก ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม