เสิ่นเผยซวนพิงไปที่พนักเก้าอี้ มืออีกข้างกุมไปที่ศีรษะ เขาควรจะผลักซางหยูออกตั้งแต่แรกแล้วสิ ทำไมสติเขาถึงล่องลอยไปไหนล่ะ
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังรังแกเด็กสาวที่อายุน้อยกว่านะ ทั้งที่เด็กคนนั้นก็เป็นคนเริ่มก่อน แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า แล้วอายุก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วด้วย ทำไมตอนนั้นถึงไม่โต้แย้งในสิ่งที่เธอทำกันนะ
ในขณะที่เสิ่นเผยซวนกระวนกระวาย โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น เป็นสายของซูจ้านที่โทรมาจะถามเขาว่าจะไป ประเทศYไหม
เสิ่นเผยซวนรู้สึกงุนงง ว่าจะไปที่นั่นตอนนี้ทำไม
ซูจ้านไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเพียงแต่ถามเขาว่าจะไปหรือไม่ไป
เสิ่นเผยซวนคิดไปคิดมาสักพัก ก็นึกขึ้นได้ว่าถึงตัวเองอยู่ที่นี่ก็คงคิดอะไรไร้สาระไปเรื่อยๆ จึงตอบไปว่า " เออกูไปด้วย "
" ก่อนบ่ายสามรีบไปที่สนามบิน ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกกูไม่รอมึงแล้วกัน " พูดจบซูจ้านก็วางสายไป
เขาที่ยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ ก็หยิบบัตรเชิญขึ้นมา ยังคงสำรวจรูปคนในนั้น ฉากหลังเป็นเวลาและสถานที่ นิทรรศการครั้งนี้ไม่ได้จัดในประเทศ แต่เป็นนิทรรศการแฟชั่นเสื้อผ้าระดับนานาชาติ ถูกจัดใน ประเทศYซึ่งเป็นแหล่งรวมของสายงานเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าที่ทรงพลัง แต่รอบนี้จัดทำเป็นวาระพิเศษ
เขาจิ๊ปาก" ไม่เข้าใจเลย เขาไปทำอะไรที่นั่น.... "
เหมือนว่าภายในชั่วขณะ ซูจ้านจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลินซินเหยียนก็เป็นช่างออกแบบเสื้อผ้าเหมือนกัน หรือว่าเขาจะไปหาหลินซินเหยียน
พอคิดถึงตรงนี้ ก็หันไปมองจงจิ่งห้าว ถามว่า " คิดว่าพี่สะใภ้จะปรากฏตัวไหม "
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ก็เลยทำเป็นพิงเก้าอี้หลับตาทำเป็นงีบหลับไป
ในใจเขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แต่เขาก็ไม่แน่ใจนะว่าจะเจอเธอหรือไม่ หรือเธออาจจะไม่ไป ถ้าเธอยอมเผยตัวตน บนบัตรเชิญนั่นก็คงไม่ได้มีแค่ฉินยา แต่มันกลับไม่มีแม้แต่เงาของเธอ
เขาไม่ค่อยแน่ใจ ในใจลึกๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับเธอเสียเท่าไหร่ แต่ยิ่งคาดหวังก็ยิ่งเกิดสับสนขึ้นในจิตใจ
ซูจ้านก็พอจะเข้าใจ เลยไม่ได้ถามต่อ ได้แต่นั่งเงียบรอเสิ่นเผยซวนอย่างรู้งาน
ในระหว่างที่รอ ก็หยิบบัตรเชิญขึ้นมาดูอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรน่าดูนักหนา แต่เมื่อดูแล้วเขารู้สึกเหมือนอยากจะมองผู้หญิงในรูปนี้อีกเรื่อยๆ พอรู้ว่าเหมือนเป็นการหักหลังต่อฉินยา ก็รีบทิ้งบัตรเชิญไปอีกทาง
ไม่นานนักเสิ่นเผยซวนก็มาถึง ถ้าพวกเขาเริ่มไปตั้งแต่ตอนนี้ ก็คงถึงที่นั่นตอนเช้า บวกลบหนึ่งวัน ตอนกลางคืนก็คงถึงเวลานิทรรศการเสื้อผ้าพอดี
หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้จงจิ่งห้าวดูเงียบเป็นพิเศษ ซูจ้านก็พอจะเข้าใจ แต่กับเสิ่นเผยซวนทำไมเขาถึงเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้
นึกว่าวิญญาณหลุดไปแล้ว ก่อนหน้านี้คนก็ดูเหมือนไม่มีมีจิตวิญญาณอยู่ในร่าง ซูจ้านรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพาผู้ป่วยเรื้อรังสองคนออกมาข้างนอก
การที่พวกเขามาที่นี่เป็นความลับและส่วนตัว ดังนั้นก็เลยจัดการอย่างเงียบๆ และดูธรรมดา ตกกลางคืนก็ออกจากโรงแรมไปถึงนิทรรศการก็โบกแท็กซี่เอา ใจกลางนิทรรศการใหญ่มาก ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกใหญ่มากมาย ความเจริญของเมืองใหญ่ไม่อาจถูกลดทอนความหรูหราลงได้เพียงเพราะว่าเป็นเวลากลางคืน ตึกของคูเมือง เมื่อตกกระทบกับน้ำก็ส่องแสงระยิบระยับอยู่ใต้ดวงไฟ ทำให้บรรยากาศดูคึกคักขึ้นกว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม