จงจิ่งห้าวกอดเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ลูบหลังของเธอ ค่อยๆ ลูบไปเรื่อยๆ
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ กลิ่นจางๆแต่ว่าก็ไม่ได้เหม็นอะไร เขาขยับเข้าไปใกล้หูของลูกสาวตัวเอง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความปวดใจและความทะนุถนอม เขาอ่อนโยนเป็นอย่างมาก “หนูร้องไห้แบบนี้ เดี๋ยวก็ขี้เหร่หมดหรอก”
จงเหยียนซีนั้นใส่ใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตัวเองมาก เธอถูกชมมาตั้งแต่เด็กๆ ทนไม่ได้ที่จะต้องหน้าตาขี้เหร่หรอก เธอถามอย่างสะอึกสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่นองเต็มหน้า “ขี้เหร่ตรงไหน? ”
“ถ้าเกิดว่าลูกร้องไห้อีกก็จะขี้เหร่แล้ว” จงจิ่งห้าวยื่นมือออกมา ยื่นนิ้วไปเช็ดน้ำตาที่มุมตาของเธอ “เสี่ยวลุ่ยต้องเป็นเด็กดีนะ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
เขาเรียกชื่อนี้จนชินแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ชื่อหลินลุ่ยซีแล้ว เขาก็ยังคงชอบชื่อนี้อยู่ ลุ่ย ฮวาลุ่ย เป็นชื่อที่ดูมีเสน่ห์ที่สุด
เหมาะสมกับลูกสาวสุดที่รักของเขา
จงเหยียนซีสูดน้ำมูก มองหน้าจงจิ่งห้าวผ่านม่านน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางถามว่า “แด๊ดดี้คะ หรือว่าแด๊ดดี้ไม่ชอบที่หนูขี้เหร่ ก็เลยไม่ต้องการพวกเราแล้ว……”
พอเธอพูดออกมานั้นน้ำตาก็ไหลออกมา กว่าจะได้มีพ่อนั้นไม่ง่ายเลย แต่ว่าเพิ่งจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็ต้องแยกจากกันแล้ว ในช่วงเวลานี้เธอรู้สึกคิดถึงพ่อมาก
ฮือฮือ---
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเศร้าใจ
คำพูดของเธอแทงเข้าไปในป้อมปราการในหัวใจของจงจิ่งห้าว ไม่ว่าจะตอนไหนเขาก็ไม่เคยต้องไม่การพวกเขาเลย จะทุกข์ใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เขาเอาหน้าผากชนกับลูกสาว จูบไปที่จมูกและปากของเธอ “ไม่เลย เสี่ยวลุ่ยไม่ได้ขี้เหร่ เสี่ยวลุ่ยเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกใบนี้แล้ว เป็นที่รักของพ่อ”
“แด๊ดดี้คะ”จงเหยียนซีกอดคอของเขาแน่น ใบหน้าเล็กๆ ที่ฝังอยู่ในบ่าของเขาก็ร้องไห้ จงจิ่งห้าวปลอบใจเธอด้วยความอดทน เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเศร้าโศก
ช่าวหยุนที่อยู่ด้านข้างนั้นสตั้นไปทันที เขาจ้องมองไปที่ผู้ชายที่อุ้มจงเหยียนซีอยู่ ในใจก็คิดว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? ไอ้ ไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้---ไม่ใช่สิ ผู้ชายคนนี้คือพ่อของจงเหยียนซีอย่างนั้นเหรอ?
เขาก้มหน้ามองจงเหยียนเฉินที่อยู่ด้านข้าง ใช้สายตาในการสอบถามว่า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
เขาขมวดคิ้ว สีหน้าดูตลกมาก “คนคนนี้คือพ่อของพวกเธอจริงๆ เหรอ?”
จงเหยียนเฉินพยักหน้าอย่างแน่วแน่มาก “ใช่ครับ”
ช่าวหยุน“……”
วันนั้นเห็นเขานั่งอยู่ที่นี่ นั่งยิ้มเหมือนคนโง่ มันเป็นเพราะว่าอะไรกัน?
สายตาของช่าวหยุนมองมาอีกครั้ง พอดีกับที่จงจิ่งห้าวหันมามองเขาพอดีเหมือนกัน เพิ่งจะออกมาจากประตูคอนโด ก็เห็นเขาพาเด็กทั้งสองคนออกมา เขาเป็นใครกัน? เกี่ยวข้องอะไรกับหลินซินเหยียน?
ไม่ใช่คนสนิท หลินซินเหยียนก็ไม่มีทางให้เขาพาเด็กทั้งสองคนออกมาหรอก ท่าทางที่เป็นกังวลของเขาเมื่อกี้นี้ ไม่ได้เหมือนเป็นการแสดง เขาเป็นห่วงเด็กทั้งสองคนนี้จริงๆ
ช่าวหยุนหัวเราะแฮ่ๆ “สวัสดีครับ มาแล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะ เห็นว่าคุณนั่งยิ้มอยู่ข้างถนนเหมือนคนบ้า ผมก็นึกว่า……”
เขาไม่ได้พูดคำว่าคนปัญญาอ่อนออกมา ดูท่าทางแล้วเขาไม่เหมือนกับคนปัญญาอ่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
ต่อให้เขาไม่ได้พูดออกมา จงจิ่งห้าวก็รู้ว่าคำพูดที่จะมาต่อจากนั้นไม่ใช่คำที่ดีเท่าไหร่ เสียงของเขาไม่เบาและไม่ดังเกินไป แต่ว่าเต็มไปด้วยการสืบสวนสอบสวน “คุณเป็นใคร?”
เขาไม่เคยเห็นคนคนนี้อยู่ข้างหลินซินเหยียนมาก่อน แล้วก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอมีเพื่อนหรือญาติอยู่ที่เมืองC
เขาหรี่ตา ไม่ใช่ญาติของเหวินเสียน หรือว่า……
เขามีการคาดเดาอยู่ในใจอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้จวงจื่อจิ่นกับหลินกั๋วอันคือญาติของเธอ ตอนนี้ก็เป็นเหวินเสียนกลับจวงจื่อยี่ ญาติของเหวินเสียนก็อยู่ที่เมืองBทั้งหมด หรือว่าเขาเป็นญาติของจวงจื่อยี่ที่อยู่ที่นี่?
ช่าวหยุนยิ้ม “ผมก็ว่าพูดไปแล้วจะยาว เดี๋ยวเคลียร์ปัญหาเสร็จแล้ว พวกเราไปหาที่นั่งคุยกันหน่อยดีไหมครับ?”
จงจิ่งห้าวไม่ได้ตอบอะไร ถือว่าเป็นการตกลง
ช่าวหยุนตบไหล่ของจงเหยียนเฉินเบาๆ “ทำตัวดีๆ นะ เดี๋ยวฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา”
คนขับรถที่เกือบจะชนคนยังยืนอยู่ตรงนั้นอยู่เลย เขาต้องไปสั่งสอนสักหน่อย ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าก็อาจจะยังประมาทเลินเล่อแบบนี้ ไปทำให้คนอื่นบาดเจ็บเข้าก็เป็นบาปกรรมอีก
“อืม”จงเหยียนเฉิน พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หลังจากที่ช่าวหยุนออกไปแล้ว จงจิ่งห้าวก็มองเขาแล้วก็ถามว่า “ช่วงนี้พวกลูกสบายดีใช่ไหม?”
จงเหยียนเฉินพยักหน้า อารมณ์ตกต่ำเล็กน้อย “ดีมากครับ ผมกับน้องสาวไปโรงเรียน หม่ามี๊ก็ยุ่งมาก ชีวิตสมบูรณ์แบบมาก”
พอพูดจบเขาก็หันหน้าหนีไป เหมือนกับว่ารู้สึกอึดอัดใจ
จงจิ่งห้าวลูบหัวเขาเบาๆ “โกรธแด๊ดดี้เหรอ?”
จงเหยียนเฉินเอี้ยวตัวหลบ แล้วก็ปัดมือของเขาออกพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา “เปล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม