เมื่อเข้าไปในโรงแรมก็มีความรู้สึกว่าความปีตียินดีกระทบใบหน้า นี่ไม่ใช่งานแต่งสมัยใหม่ แต่เป็นงานแต่งแบบจีน บรรยากาศทั่วทั้งงานตกแต่งด้วยสีแดงสดที่ดูรื่นเริงเป็นหลัก เพื่อสร้างสีสันของจีนให้เข้มข้น หอประชุมทำหน้าที่เป็นจุดโฟกัสของทั้งงาน การจัดสถานที่จะเน้นความกลมกลืนของโทนสีหลักและจุดประสงค์ของงาน
สถานที่จัดงานมีชีวิตชีวามาก ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้มีญาติอยู่ทางนี้มากนัก ที่มาเยอะคือพันธมิตรทางธุรกิจ และมีบรรดาผู้บริหารในบริษัทด้วย ส่วนที่เหลือเป็นญาติและเพื่อนๆ ของฝ่ายหญิง ทำให้บรรยากาศในงานแต่งมีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้น
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามา ทุกสายตาล้วนมองไปที่หอประชุม ช่วงเวลาที่สะดุดตาที่สุดในงานแต่งงาน เพราะมันเป็นงานแต่งงานแบบจีน จึงไม่มีคำสาบาน แต่ใช้การคำนับฟ้าดินแทน
เจ้าสาวสวมชุดชุนกว้าปักลวดลายดิ้นทองที่เป็นชุดแต่งงานหรูหราแบบจีน มงกฎหงส์ห้อยสร้อยพู่สองข้างประดับบนศีรษะ ผ้าแดงคลุมใบหน้า ทั้งงดงามและมีนัยยะลึกซึ้ง
ส่วนไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้สวมชุดยาวแบบจีน แต่เป็นชุดสูท บนใบหน้ามีรอยยิ้มตลอดเวลา ดูเหมือนพึงพอใจกับการแต่งงานเป็นอย่างมาก
จงจิ่งห้าวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะรื่นรมย์กับงานแต่งงาน แค่อยากหาหลินซินเหยียนให้เจอโดยเร็วที่สุด แต่ในงานมีคนมากมาย ผ่านไปสักพักหนึ่งแล้วก็ไม่เห็นเงาของเธอเลย
พ่อแม่ของฝ่ายหญิงเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ขึ้นพูดบนเวที แสดงความพึงพอใจต่อลูกเขย
ไป๋ยิ่งหนิงนั้นนอกจากขาแล้ว ความสามารถก็ดี หน้าตาก็ดี ทั้งหมดล้วนโดดเด่น
จะว่าไปข้อบกพร่องเพียงย่างเดียว ก็แค่สองขาที่ไม่สามารถเดินเหมือนคนทั่วไปได้
ถึงแม้ว่างานแต่งจะยิ่งใหญ่ แต่ก็ละเว้นรายละเอียดของพิธีการไปไม่น้อย สุนทรพจน์ของเจ้าสาวและการดื่มอวยพรล้วนขาดหายไป
หลินซินเหยียนยืนอยู่ใต้ผ้าม่านสีแดงทางด้านขวาของหอประชุม มองไปที่หอประชุมเงียบๆ เพราะมันค่อนข้างใกล้ เธอจึงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าสาวหน้าตาเป็นอย่างไร ส่วนประกอบบนใบหน้าสวยงามได้รูป ไม่มีที่โดดเด่นเป็นพิเศษ และไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจตั้งแต่แรกเห็น แต่กลับกัน มันทำให้คนยิ่งมองยิ่งรู้สึกสบายตาสบายใจ
นัยน์ตาที่มองดูผู้คน เหมือนผืนน้ำที่ไม่เคยต้องมลทิน สว่างใสจากก้นบึ้ง
เสร็จสิ้นการคำนับฟ้าดินไป๋ยิ่นหนิงพาเจ้าสาวลงมาข้างล่าง มุ่งหน้าไปทางหลินซินเหยียน
“คุณจะพาฉันไปไหนเหรอคะ” โจวฉุนฉุนตามเขาไปอย่างเชื่อฟังพร้อมกับถามเขาอย่างค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “พาคุณไปพบคนคนหนึ่ง”
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงตรงหน้าหลินซินเหยียน ไป๋ยิ่นหนิงยิ้มแนะนำกับหลินซินเหยียน “คนนี้ภรรยาของผม โจวฉุนฉุน”
หลินซินเหยียนทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ”
โจวฉุนฉุนกะพริบตาโตไร้เดียงสา และพูดว่า “ฉันเคยเห็นเธอค่ะ”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้มพลางพูดว่า “หืม จริงเหรอ เห็นที่ไหน”
หลินซินเหยียนก็คิดทบทวนในใจถึงรูปลักษณะของเธอด้วย แต่นึกถึงเธอไม่ออกเลย
บนใบหน้าโจวฉุนฉุนไร้ซึ่งการแสดงออก เอ่ยพูดบางเบาว่า “《เมฆาในคืนจันทรา》เคยเห็นตอนสั่งทำชุดแต่งงานบนตัวฉันค่ะ ที่มาต้อนรับฉันกับคุณแม่เป็นดีไซเนอร์อีกคน เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นพวกเรา”
หลินซินเหยียนเหมือนจะตระหนักได้แล้ว ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับชุดแต่งงานบนตัวเธอ เพิ่งนึกขึ้นได้ การออกแบบนี้เธอเคยเห็นในแบบร่างของฉินยา เป็นงานออกแบบชิ้นแรกที่ฉินยารับหลังจากเปิด《เมฆาในคืนจันทรา》
เมื่อโจวฉุนฉุนพูดอย่างนี้ เธอก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้
ความจำแย่ลงเรื่อยๆ หรือที่ว่าหญิงตั้งครรภ์จะความทรงจำเสื่อมถอยนั้นเป็นเรื่องจริง
แต่ตอนมีเหยียนซีกับเหยียนเฉิน ก็ไม่เป็นแบบนี้นี่ หรือเพราะเธอเหนื่อยเกินไป แม้ว่าอยากกลับไปพักผ่อนมาก และกลับไปเมืองCโดยเร็วที่สุด แต่นี่เป็นงานแต่งงานของไป๋ยิ่นหนิง จึงต้องรอให้เสร็จสิ้นก่อนถึงไปได้
“รีบร้อนมา จึงไม่ได้เตรียมของขวัญพิเศษสำหรับการแต่งงานให้คุณ ได้แค่ซองแดงซองใหญ่ หวังว่าคุณจะมีความสุขในวันแต่งงาน” หลินซินเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ยิ่นหนิงแกล้งทำเป็นโกรธ “นี่เป็นการแสดงว่าคุณไม่มีความจริงใจ คิดได้แค่เอาซองแดงมาให้ผมนี่น่ะเหรอ”
“คุณไม่ได้บอกฉันล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้เตรียมให้คุณ ถ้ารู้ว่าคนนี้เป็นภรรยาของคุณ ตอนนั้นฉันจะไม่ให้ฉินยาเก็บเงิน เพื่อเป็นของขวัญมอบให้ภรรยาของคุณ หรือไม่ฉันคืนเงินค่าสั่งชุดแต่งงานให้คุณเอาไหม”
ไป๋ยิ่นหนิง “……..”
เขาต้องการเงินมากนักหรือไง
“ตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว คุณยังมีความกังวลอยู่หรือไง พูดกันห่างเหินขนาดนี้เลยเหรอ” ไป๋ยิ่นหนิงถาม
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว เขาไม่คิดถึงความรู้สึกของเจ้าสาวเลยเหรอ พูดโดยไม่สนใจโอกาสและสถานที่แบบนี้ได้ยังไง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม