คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นปม ทำไมถึงปิดเครื่องซะได้? นอกจากโรงเรียนแล้วไม่มีที่ไหนที่เธอจะไปได้แล้วนี่นา เวลานี้ ที่โรงเรียนก็ไม่มีคนอยู่แล้ว เขาหันไปทางบุคคลนั้น “เธอได้บอกรึเปล่า ว่าจะไปไหน?”
เขาคนนั้นส่ายหน้า “แต่ฉันคิดว่า เธออาจจะไปฌาปนกิจก่อน ไม่เช่นนั้นเธอนำร่างกลับไปจะเอาไปไว้ที่ไหนได้?”
เสิ่นเผยชวนดูเวลา เวลานี้เมรุก็ปิดไปแล้วนี่ เขากล่าว “ฉันรู้แล้ว”
เขาผลักประตูห้องทำงานออก คิดอะไรขึ้นมาได้จึงรั้งบุคคลนั้นเอาไว้ “ในแฟ้มคดีมีที่อยู่บ้านเกิดเธอไหม?”
“ที่อำเภอเจียง”
เสิ่นเผยชวนกล่าวถามอีกครั้ง “มีที่อยู่ที่ละเอียดไหม?”
เขาจำไม่ได้แล้ว “ในแฟ้มคดีมีที่อยู่อย่างละเอียดของเธออยู่”
“เอาแฟ้มคดีมาให้ฉัน”
จบประโยค เสิ่นเผยชวนเดินเข้าไปที่ห้องทำงาน เขาคนนั้นจึงได้แต่ย้อนกลับไปเอาแฟ้มคดี เมื่อได้แฟ้มคดีเขายื่นให้กับเสิ่นเผยชวน
“นายเลิกงานเถอะ” เสิ่นเผยชวนรับแฟ้มคดีมาไว้ ก่อนตรวจสอบที่อยู่ที่ละเอียด อำเภอเจียงค่อนข้างห่างไกลจากเมืองB อำเภอเจียงถือว่าอยู่บนเขา ทีแรกเขาคิดเอาไว้ว่ารอให้ชางหยูมารับร่าง ต่อให้เขาไม่มีเวลา ก็ต้องสั่งให้ลูกน้องเดินทางกลับไปพร้อมกับเธอ เธอเป็นผู้หญิง ต้องการคนคอยดูแล
สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไปเองคนเดียวแล้ว
เขาปิดแฟ้มคดีลง นั่งลงบนเก้าอี้ ด้วยความไม่สบายใจ
ตอนนี้การจราจรต้องใช้ชื่อจริง หากไม่ใช่กลางคืนเขาสามารถตรวจสอบได้ว่าเธอนั่งรถสายอะไรกลับไป แต่ตอนนี้ในเวลานี้เขาไม่สามารถตรวจสอบได้เลย
แต่เขาเป็นห่วงเธอที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว จึงไม่สามารถสงบใจได้เลย
ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถทนอยู่ได้ ชายหนุ่มคว้ากุญแจรถเดินออกจากห้องทำงาน หลังจากที่ขึ้นมาบนรถ ตั้งค่าโทรศัพท์ให้นำทาง ก่อนสตาร์ทเครื่องไปตามเส้นทางในแผนที่นำทาง
อันที่จริงชางหยูยังไม่ได้ไปไหน เมื่อเธอกลับไปแล้วก็ไม่คิดที่จะกลับมาอีก จึงต้องทำเรื่องดรอปเรียนที่นี่ก่อน
เพราะงั้นเมื่อรุ่งสางเสิ่นเผยชวนโทรศัพท์ให้คนสืบชางหยู จึงไม่พบประวัติการซื้อตั๋วแต่อย่างใด
“รถไฟรถยนต์เครื่องบินไม่มีประวัติการซื้อตั๋วของเธอเลยหรือ?” หัวใจของเสิ่นเผยชวนกระตุกวูบ ถ้างั้นเธอจะกลับไปยังไงกัน?
“ครับ ไม่มีประวัติเลย หากเธอนั่งรถส่วนตัว รถบัส ก็ไม่สามารถสืบค้นได้ ตอนนี้มีรถบัสมากมาย ที่ไม่ได้รับคนที่สถานี ไม่ซื้อตั๋วด้วยชื่อจริง จึงไม่สามารถสืบค้นได้”
เสิ่นเผยชวนกล่าว “ฉันรู้แล้ว”
จบประโยคเขาตัดสายทิ้ง เพราะเป็นห่วงเธอมาก จึงตัดสินใจที่จะไปดูเธอที่บ้านเกิดสักหน่อย
ชางหยูจัดการเรื่องที่โรงเรียน ก่อนเดินทางมาที่สถานีตำรวจ เพื่อที่จะบอกลาเสิ่นเผยชวน เธอไม่กลับมาที่นี่แล้ว ต่อจากนี้ก็ไม่มีโอกาสได้พบกันอีก
“รองผู้บัญชาการไม่อยู่”
“ถ้างั้นเขาไปไหนหรือ?” ชางหยูกล่าวถาม
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เธอลองไปที่บ้านเขาดูไหม?” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว
ชางหยูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “ถ้างั้นคุณให้ที่อยู่ของเขากับฉันได้ไหม?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ที่อยู่ของเสิ่นเผยชวนกับเธอ ชางหยูกล่าวขอบคุณก่อนที่จะออกจากสถานีตำรวจ เธอนั่งรถแท็กซี่ไปที่ที่เสิ่นเผยชวนอาศัยอยู่
เมื่อมาถึงเธอเคาะประตู หากแต่ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด เธอจึงนั่งรออยู่ด้านนอก
กระทั่งตั๋วที่เธอซื้อได้เวลาออกรถแล้ว แต่ก็รอเสิ่นเผยชวนไม่ได้ เธอเปิดโทรศัพท์ที่ปิดเครื่อง เมื่อวันเธอฌาปนกิจมารดา อารมณ์ไม่ดี จึงปิดเครื่องทิ้ง ขังตัวเองไว้ในห้องที่โรงแรมไม่อยากถูกรบกวน
ตอนนี้เธอเปิดเครื่องก็เพื่อที่จะติดต่อเสิ่นเผยชวน อันที่จริงเธออยากจะบอกลาเขาต่อหน้า ตอนนี้มีแต่จะต้องใช้ทางโทรศัพท์แทนแล้วล่ะ
โทรศัพท์ถูกโทรออก สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นโทรศัพท์ที่ปิดเครื่อง
โทรศัพท์ของเสิ่นเผยชวนใช้นำทางทั้งคืนจนแบตหมด ปิดเครื่องไปโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เขากำลังหาซื้อแบตสำรองในพื้นที่บริการ
หลังผ่านการเดินทางทั้งคืน เสิ่นเผยชวนก็เดินทางมาถึงอำเภอเจียงจนได้ ภายใต้ความช่วยเหลือจากสถานีตำรวจภายในพื้นที่ เขาจึงได้ที่อยู่บ้านเกิดของชางหยูมาอย่างราบรื่น ที่บ้านของเธอไม่มีใครแล้ว บ้านเรือนเองก็ร้างไปแล้ว เพื่อนบ้านละแวกนี้เองก็บอกว่าไม่เคยเห็นเธอกลับมาที่บ้านเลย
เสิ่นเผยชวนไม่ได้เดินทางออกจากพื้นที่ในทันที เขาสืบหาเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านของเธอ โดยทั่วไปแล้วเหมือนกับที่ชางหยูได้พูดเอาไว้
หลังบิดาของเธอเสีย มารดาของเธอต้องโทษจำคุก หลังจากที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว จึงถูกทิ้งร้าง
เป็นบ้านกระเบื้องอยู่แล้ว เมื่อไม่มีคนอยู่อาศัยเป็นเวลายาวนาน จึงร้างมากกว่าเก่า
ตอนนี้ดูจากสภาพแล้วก็ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกแล้ว
เมื่อถึงเวลาเที่ยงวันเสิ่นเผยชวนถึงได้เดินทางออกจากชุมชน อยู่พักผ่อนในตัวเมืองสองชั่วโมง จึงขับรถกลับไปยังเมืองB
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม