จงจิ่งห้าวพอเดาได้ว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง สายตาที่จ้องมองกู้เป่ยเต็มไปด้วยความเย็นชา “งั้นหรือ?”
“นี่ยังไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีหรือไง? ไหนจะพี่สี่? เสิ่นเผยชวน?” กู้เป่ยหัวเราะอย่างถากถาง “ตอนนี้คุณยังมีโอกาส คุณขอร้องฉัน ขอร้องฉัน ไม่แน่ฉันอาจจะใจกว้าง ปล่อยคุณไปก็ได้ เป็นไง?”
เขาเหิมเกริมหนักเข้ากว่าเดิม หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “คุณพูดว่า ประธานกู้ ผมผิดไปแล้ว เพราะผมมีตาหามีแววไม่ ท่านเมตตาด้วยเถอะ ไม่แน่ ฉันอาจจะปล่อยเสิ่นเผยชวนไปก็ได้?”
จงจิ่งห้าวจับจ้องเขาอย่างพิจารณา สายตาฉายแววความโกรธขีดสุด ชั่ววูบความโกรธนั้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเฉยชา “ผมคงต้องทำให้ประธานกู้ผิดหวังซะแล้ว”
กู้เป่ยยืดตัวขึ้นทันที “ป่านนี้แล้วคุณยังมองเกมไม่ออกอีกหรือ?”
“ประธานกู้ครูที่สอนดีมาก เพียงแต่ผมเรียนไม่เข้าหัวเท่านั้น ไม่อย่างนั้น นายลองสอนฉันอีกทีดูไหม?” จงจิ่งห้าวนิ่งเฉย ไม่แยแสคำขู่ของเขาแม้แต่น้อย
กูเป่ยคำรามด้วยความโกรธจัด “จงจิ่งห้าวนายมีอะไรให้อวดดีกัน? ก็แค่เงินเยอะกว่าฉันไม่ใช่หรือไง? แต่ถ้าเรื่องอำนาจ คุณสู้ฉันไม่ได้หรอก?”
รอยยิ้มของเขา ราวกับเขามีแผนการอะไรลับหลัง ทำให้กู้เป่ยขนลุกซู่
แต่เมื่อลองทบทวนให้ดี คนที่ช่วยเขาได้มากที่สุดก็คือเสิ่นเผยชวน กับตระกูลเหวินก็ไม่ได้มีการไปมาหาสู่ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเหวินชิงเองก็ชื่อเสียงฉาวโฉ่ ให้ความช่วยเหลือกับเขาได้ที่ไหนกัน?
แล้วยังซูจ้านอีกคนจะทำอะไรได้?
บิดาของเขา กับพี่สาวตั้งมากมายนั่น ต่างก็แต่งงานกับคนธรรมดาทั้งนั้น ส่วนเขาไม่ว่าจะทางด้านไหนก็มีเส้นสาย อยากจะทำอะไร ก็แค่เรื่องง่ายนิดเดียว
เมื่อคิดได้อย่างนั้น กู้เป่ยมีความเชื่อมั่นขึ้นมาทันที
“คุณเลิกขู่ฉันได้แล้ว!”
จงจิ่งห้าวยังคงนิ่งเฉยเช่นเคย “คุณรู้ไหมว่าเราต่างกันยังไง?”
กู้เป่ยกล่าวถาม “ตรงไหน?”
“คุณเส้นสายมากมายจริงๆ นั่นแหละ เป็นคนกว้างขวาง แต่คุณอย่าลืมสิ ว่าคนที่ยิ่งมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งจัดการได้ง่ายมากเท่านั้น เหมือนกับที่คุณขู่เผยชวน แต่คุณไม่รู้ว่าฉันมีเส้นสายอะไรบ้าง มีอำนาจมากแค่ไหน”
กลยุทธ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของจงจิ่งห้าว ทำให้กู้เป่ยหัวใจเต้นแรง “นี่ คุณหมายความว่ายังไง?”
ทวนที่เปิดเผยนั้นหลบหลีกง่ายแต่เกาทัณฑ์ลับนั้นยากระวัง เห็นได้ชัดว่าประโยคของจงจิ่งห้าวนั้นยังมีอำนาจลับที่ไม่เปิดเผยหนุนหลังอยู่
“เรื่องง่ายๆ แค่นั้นประธานกู้ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” เขาเหยียดหยาม
กู้เป่ยที่เป็นคนอารมณ์ร้อนไม่หนักแน่นสุขุมอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็ทำให้เขาอารมณ์เสียได้แล้ว
“คุณหมายความว่าคุณมีเส้นสายงั้นหรือ?” กู้เป่ยไม่เชื่อ แต่ก็ใช่ว่าไม่เชื่อซะทีเดียว
ช่างขัดแย้งนัก ไม่รู้ว่าที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง หรือว่าเพียงหลอกเขากันแน่
“ต่อให้คุณมีเส้นสายแล้วยังไง คุณก็ไม่แน่ว่าจะชนะฉันได้” กู้เป่ยไร้ความเชื่อมั่นเฉกเช่นเดิม เพียงแต่เคยชินกับการข่มเหง “คอยดูแล้วกัน”
เขาเดินออกไปด้วยความโมโห ซูจ้านพาเสิ่นเผยชวนเข้ามา พอดีกับที่ชนเข้ากับเขาที่หน้าประตู
“อ้าว นี่ประธานกู้ไม่ใช่หรือไง?” ซูจ้านพิจารณาเขาจากหัวจรดเท้า พลันเหยียดหยาม “คุณทำหน้าเศร้าแบบนั้น พ่อเสียหรือยังไง?”
กู้เป่ยกระชากคอเสื้อของซูจ้าน พลันกล่าวอย่างเป็นนัย “คุณอยากตายหรือไง?”
ซูจ้านไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าฉันรนหาที่ตายแล้วคุณจะทำอะไรฉันได้? แหกตาดูด้วยว่าที่นี่มันที่ไหน”
กู้เป่ยบุกเข้ามาตัวคนเดียว หากมีเรื่องกับซูจ้านขึ้นมาจริงๆ ละก็เขาไม่ได้เปรียบแน่ ต่อให้ในใจเขาโกรธจนขีดสุด แต่ก็ต้องคลายมือออก
“ฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่!”
ซูจ้านปัดฝุ่นละอองที่ไม่มีอยู่ “แล้วฉันจะรอ คุณเข้ามาได้เลย!”
ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน หากสายตาสามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้ เช่นนั้น ในเวลานี้พวกเขาได้สู้รบกันแล้ว
“เสิ่นเผยชวน” กูเป่ยหัวเราะเหยียดหยาม ก่อนสาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไป
ซูจ้านเต็มไปด้วยความฉงน เขาจะเรียกชื่อเสิ่นเผยชวนทำไมกัน?
เขาประสาทไปแล้วหรือไง?
“เขาเรียกชื่อนายทำไม?” ซูจ้านหันขวับไปกล่าวถามเสิ่นเผยชวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม