ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็สู้กับแสงสว่างไม่ได้ เขาขยิบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำอยู่อย่างนั้นหลายครั้งถึงจะตื่นอย่างเต็มที่ เขาจำได้ว่าตัวเองตกลงไปในแม่น้ำ แล้วถูกเรือไม้ลำเล็ก ๆ ชนเข้า แล้วมาถูกตีท้ายทอยอีกครั้ง ตอนนี้พอนึกขึ้นได้ เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดที่ท้ายทอยอยู่เลย
เขาขยับตัวและตั้งใจจะลุกขึ้นนั่งเพื่อมองบรรยากาศรอบข้างอย่างชัดเจน เขาจำได้ว่าชายคนนั้นกลัวว่าเขาจะรีดไถเงิน ก็เลยใช้ไม้ตีเขาจนสลบ แล้วเขามาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไงกัน? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
พอเขาพยายามขยับขาถึงได้พบว่าขาของเขาถูกทับไว้ จึงมองลงไปแล้วเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
ซางหยู?
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?
อาจเป็นเพราะเห็นเธออย่างกะทันหัน ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมา
ซางหยูลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเห็นอีกฝ่ายกำลังมองตัวเองตัวเองอยู่ จึงขยี้ตา แล้วพูดอย่างดีใจ “คุณฟื้นแล้วเหรอคะ?”
เสิ่นเผยซวนมองหน้าเธออยู่นาน ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
“คุณหมดสติไปค่ะ แล้วถูกนักเรียนของฉันเห็นเข้า ฉันก็เลยพาคุณมาที่โรงพยาบาล น่าจะเป็นฉันมากกว่าที่ต้องถามคุณ ว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่” ซางหยูนั่งลง แล้วนวดแขนที่นอนทับจนชาของเธอ “หัวคุณยังเจ็บอยู่ไหมคะ หิวหรือเปล่า?”
เสิ่นเผยซวนไม่ได้พูดอะไร แค่มองเธออยู่แบบนี้ แล้วถามออกมาแทนที่จะตอบคำถาม “ทำไมคุณถึงพักการเรียน”
ซางหยูก้มหน้าลง “ฉันไม่อยากเรียนแล้วค่ะ”
เมื่อก่อนที่เธอขยันเรียนก็เพื่อแม่ของเธอ แล้วอยากกลายเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับเขาได้ แต่แม่ของฉันท่านจากไปแล้ว หลังจากฟังคำพูดของผู้บัญชาการซ่งแล้ว เธอถึงได้เข้าใจ ว่าต่อให้พยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเป็นที่สามารถช่วยเหลือเขาได้
เธอไม่รู้ว่าเธอจะพยายามไปเพื่อใครอีก ทำให้เธอสูญเสียแรงจูงใจทั้งหมดไป ชีวิตก็สูญเสียทิศทางในการเดินต่อ
หลังจากทำใจได้ เธอหวังว่าความรู้ที่เธอเรียนมาจะไม่สูญเปล่า เธอจึงมาเป็นครูที่นี่ โดยไม่คิดค่าเล่าเรียน ก่อนหน้านี้เธอเก็บออมได้อยู่บ้าง ในขณะที่เป็นครู เธอก็สอนออนไลน์ไปด้วย – เธอทำการสอนออนไลน์ให้กับนักเรียนมัธยมต้น แล้วนำรายได้ที่ได้มา เพื่อซื้อหนังสือและสมุดให้นักเรียน อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง แต่เธอก็เก่งเรื่องการคำนวณ ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทค่าใช้จ่ายก็ไม่สูง จึงยังมีเหลือเก็บอยู่บ้าง
“มหาวิทยาลัยดี ๆ แบบนั้น หยุดเรียนกลางคันแบบนี้ น่าเสียดายมาก” เสิ่นเผยซวนไม่เข้าใจความคิดของเธอ
ซางหยูยกยิ้ม “คุณไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ของฉันสักหน่อย ไม่ต้องเครียดเรื่องของฉันหรอกค่ะ แล้วตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อไปคะ”
หลังจากออกจากเมือง B เธอก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นที่สนิทสนมกันก็ตัดขาดการติดต่อไปด้วย
เธอคิดว่า ในเมื่อเธอตัดสินใจจะจากไปแล้ว เธอก็จากไปอย่างไม่มีอะไรหลงเหลือจะดีกว่า
เธอนึกว่าตลอดชีวิตของเธอจะไม่ได้เจอดับเขาอีกแล้วซะอีก
“คุณ……”
“ซางหยู่” หวางเหวิ่นเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารเช้า
หวางเหวิ่น อายุยี่สิบเอ็ดปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่สอง รูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อยืดสีขาวสบายๆ ผิวขาว ดูเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง
เดิมทีเสิ่นเผยซวนตั้งใจจะขอยืมโทรศัพท์ของซางหยู แล้วโทรไปหาจงจิ่งห้าวเพื่อบอกจงจิ่งห้าว แต่กลับถูกหวางเหวิ่นขัดจังหวะ จนลืมไปเลย
พอเห็นหวางเหวิ่นมาส่งอาหารเช้าให้ซางหยู แล้วเห็นเขายิ้มให้ซางหยูอย่างอ่อนโยน ในใจของเขาจึงมีเครื่องหมายคำถามนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นมา
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน?
“ทำไมคุณมาเช้าแบบนี้ล่ะคะ” ซางหยูไม่คิดว่าเขาจะมาโรงพยาบาลเช้าขนาดนี้ เขาจะต้องตื่นเช้าขนาดไหนเพื่อเดินทางออกจากหมู่บ้านมาที่นี่?
หวางเหวิ่นยกยิ้ม “ให้ผมเดานะ คุณคงไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อวาน ใช่ไหม?”
ซางหยูไม่ได้พูดอะไร
“คุณไม่ตอบ แสดงว่าผมเดาถูก รู้ว่าคุณไม่ยอมกินข้าวดีๆ ดังนั้นผมก็เลยเตรียมอาหารเช้ามาให้คุณแต่เช้าเลยไงครับ” หวางเหวิ่นวางอาหารเช้าลงบนโต๊ะ ก่อนจะเห็นว่าเสิ่นเผยซวนตื่นแล้ว จึงรีบกล่าวทักทาย “สวัสดีครับ”
เสิ่นเผยซวนส่งเสียงอืมตอบกลับมา
“ฉันซื้ออาหารเช้ามาพวกคุณรีบกินก่อนเถอะ เดี๋ยวอาหารเย็นแล้ว มันจะไม่อร่อย” เขาเปิดกล่องอาหารเช้าที่เขาซื้อมา ในนั้นมีโจ๊กกับซาลาเปาทอดน้ำ เขายื่นซาลาเปาทอดน้ำให้ซางหยู “อันนี้อร่อยมากเลยนะครับ ตอนที่ผมเรียนมัธยมในตัวอำเภอ ผมกินสิ่งนี้ทุกเช้าเลย”
หวางเหวิ่นเป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริงสดใส ทำให้อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขายิ้ม มันอ่อนโยนและเป็นกันเอง ซางหยูยกยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วพูดขึ้นมา “ขอบคุณค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม