ซางหยูตอบกลับช้าๆ “สำหรับฉันแล้ว อนาคตของฉันจะมีความหมายอะไรอีก คนที่ฉันต้องการดูแลจากไปแล้ว แค่มีงานที่ดี ฉันก็จะมีความสุขอย่างนั้นเหรอคะ”
เสิ่นเผยซวนเงยหน้าขึ้น ซางหยูยืนอยู่ที่ประตู แสงสว่างจากด้านหลัง ห่อหุ้มเธอไว้ จนห่อหุ้มเธอไว้ด้วยรัศมีแห่งแสงสว่าง
เขาเห็นสีหน้าของเธอไม่ชัดเจน
มีเพียงเงาร่างบางเท่านั้น
เขาก็กำหมัดแน่น “คุณคิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ”
ซางหยูหันหลังให้เขา ก่อนจะนั่งลงข้างประตู แล้วมองออกไปไกล “ฉันไม่รู้ค่ะ บางทีฉันอาจจะแต่งงานแล้วไปจากที่นี่ก็ได้…”
“คุณจะแต่งงานกับใคร” ก่อนที่ซางหยูจะพูดจบ เสิ่นเผยซวนก็พูดขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว
เธอคิดจะแต่งงานอย่างนั้นเหรอ?
แต่งกับใคร?
เด็กหนุ่มคนนั้นเหรอ?
“ห้ามแต่งงาน” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาถึงได้รู้ตัวว่าเขาล่วงละเมิดแล้ว ทำไมเขาถึงไม่อยากให้เธอแต่งงานกันล่ะ?
“ผมหมายถึง…” เขารีบหาคำแก้ตัว “ผมหมายความว่าคุณอายุยังน้อย”
“ฉันรู้ค่ะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ ฉันจะจัดการชีวิตของตัวเองให้ดี คุณวางใจได้” ซางหยูใช้มือยันคางของตัวเอง “ที่จริงแล้วที่นี่ก็ไม่เลวเลย ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่มีการทะเลาะวิวาท อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ สบายมากใจ”
เสิ่นเผยซวนพูดไม่ออก
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน
เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง
“คุณจะแต่งงานไหมคะ” จู่ๆ ซางหยูก็ถามขึ้นมา
เสิ่นเผยซวนมองไม่เห็นสีหน้าของเธอในเวลานี้ เห็นเพียงแผ่นหลังของเธอ เขาเองก็ไม่ใช่คนชอบพูดโกหก “แต่งสิ”
ซางหยูรู้ดีว่าเสิ่นเผยซวนไม่มีทางจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ยิ่งกว่านั้น เขาก็เป็นคนดี และมีผู้หญิงที่ชอบเขามาก เขาแค่ซื่อบื้อ ถ้ากระตือรือร้นสักนิด เขาน่าจะแต่งงานและมีลูกไปนานแล้ว แต่พอคิดว่าเขาจะแต่งงาน ใจของเธอก็เหมือนถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวด เธอถือโอกาสตอนที่ปัดผมรีบเช็ดน้ำตาของเธอ ก่อนจะพูดว่า “ดีแล้วค่ะ แต่งกับคุณหนูซ่งใช่ไหมคะ?”
เสิ่นเผยซวนหลับตาลงแล้วตอบแค่อืมเบา ๆ
ซางหยูกุมมือของเธอแน่น บีบความเจ็บปวดที่ไหลเข้ามาในลำคอของเธอออกไปช้าๆ เธอปรับอารมณ์ตัวเองเล็กน้อย รอจนเสียงของเธอเป็นปกติ ถึงได้พูดขึ้นมา “แบบนี้ก็ดีค่ะ ฐานะครอบครัวของคุณดีขนาดนั้น หน้าตาของเธอก็ดี อายุก็พอๆ กับคุณ ช่วยเหลือคุณทางด้านอาชีพการงานได้ เหมาะสมกันมาก ถ้าพวกคุณแต่งงานกันคุณคงจะมีความสุขมาก”
มีความสุขอย่างนั้นเหรอ?
เสิ่นเผยซวนรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ห่างไกลมาก หรือเป็นคำที่เขาคงไม่มีทางได้เข้าใจ
“คุณคิดว่าผมจะมีความสุขอย่างนั้นเหรอ” เสิ่นเผยซวนถามอย่างเฉยเมย
ซางหยูหันกลับมามองเขา “นี่คุณอยากโอ้อวดความสุขของคุณให้ฉันดูเหรอคะ”
ในเมื่อเขาพูดเอง ว่าจะแต่งงานกับซ่งหย่าซิน ตอนนี้ยังจะถามเธออีก ว่าเขาจะมีความสุขไหม?
เสิ่นเผยซวนยิ้มเศร้า “คุณคิดว่าผมกำลังอวดคุณอยู่เหรอ” เขาหุบยิ้ม “ซางหยู ผม ...”
เขาอยากจะบอก ตอนที่อยู่กับซ่งหย่าซิน เขาไม่มีความสุขเลย
แต่ว่า ต้องมาถูกเด็กคนหนึ่งพูดขัดขึ้นมา
“ครูซางครับ ครูซาง...” เด็กน้อยวิ่งเข้ามา
“เป็นอะไรไปเขอเขอ”
หลูเขอเขอเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สอง
“หวางห้าวหนานสะดุดล้มค่ะ แล้วขาของเขาก็มีเลือดไหลออกมาด้วยค่ะ”
ซางหยูรีบลุกขึ้นยืน แล้วถามว่า “เขาอยู่ที่ไหน”
“ยังอยู่ในห้องเรียนค่ะ”
ซางหยูรีบวิ่งออกไปทันที หวางห้าวหนานกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน ซางหยูเดินเข้าไป เห็นว่าตรงหัวเข่าของเขามีแผลที่เลือดกำลังไหลออกมา เลือดสดไหลลงมา เห็นแล้วน่าตกใจมาก
“ทำไมถึงบาดเจ็บได้” ซางหยูคุกเข่าลงไปมอง
“เล่นชนไก่จนสะดุดหินล้มครับ” หวางห้าวหนานมีผลการเรียนดีมาก แต่เขาก็ซุกซนมากด้วย และการชนไก่ที่เขาพูดนั้นไม่ใช่เอาไก่สองตัวมาสู้กัน แต่เป็นเกมรูปแบบหนึ่ง
สามารถเล่นได้ตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้เล่นยกขาข้างหนึ่งจับไว้ แล้วยืนด้วยเท้าเดียว ใช้หัวเข่ากระแทกกัน ถ้าใครวางมือปล่อยขาลงหรือล้มลง ถือว่าแพ้ไป
มันเป็นเกมที่เด็กผู้ชายชอบเล่นกัน
“ขอเขอ ไปเอากล่องยาของครูที่บ้านมาให้ครูหน่อยจ้ะ” รู้ว่าเด็กพวกนี้ซุกซนมาก เธอจึงเตรียมยาล้างแผล ผ้าปิดแผล และยาอื่นๆ ไว้
หลูเขอเขอวิ่งออกไป เสิ่นเผยซวนเดินตามกลับมาด้วย ก่อนจะมองเข้ามาจากทางหน้าหน้าต่าง
ห้องเรียนดูธรรมดามาก สีแดงที่ทาโต๊ะไม้หลุดหายไปไม่น้อย บนพื้นปูด้วยอิฐสีแดง ด้านหน้ามีกระดานดำ โต๊ะทำงานด้านหน้าก็สีหลุด เหมือนโต๊ะเรียน แต่พวกชอล์กและยางลบกระดานดำวางอยู่ โดยจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
เพื่อทำให้ห้องเรียนมีชีวิตชีวา พวกเด็กนักเรียนใช้ขวดที่ตัดปากขวดออก แล้วปักดอกไม้ป่าวางไว้บนโต๊ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม