เธอขยับตัวเพื่อต้องการจะลุกขึ้นนั่ง จงจิ่งห้าวรีบสาวเท้าเดินเข้ามา ประคองเธอ
หลินซินเหยียนนั่งลงตามแรงของเธอ พลางถามขึ้น “ซูจ้านไปหรือยัง?”
จงจิ่งห้าววางที่รองด้านหลังของเธอและพูดว่า “ไปแล้ว ไม่นอนพักอีกสักหน่อยเหรอ?”
หลินซินเหยียนรู้สึกไม่ค่อยจะมีแรง “อีกเดี๋ยวมีตรวจนี่ เลยยังไม่นอน ฉินหิวน้ำ”
จงจิ่งห้าวเดินไปเทน้ำอุ่นมาให้เธอหนึ่งแก้ว เธอรับน้ำมาดื่มไปครึ่งแก้ว จากนั้นก็เอาแก้วน้ำมาวางบนโต๊ะหัวเตียง และถามกลับ “กี่โมงแล้ว?”
เพิ่งจะสิ้นเสียงเธอ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นพยาบาลเข้ามา บอกพวกเขาว่าต้องไปตรวจร่างกายแล้ว
จิงจิ่งห้าวอุ้มตัวเธอที่อยู่บนเตียง เพื่อไปยังห้องตรวจร่างกาย
โดยปกติแล้วการตรวจในโรงพยาบาลจะเป็นเวลากลางวันแล้ว แต่ว่าช่วงกลางวันคนเยอะ ดังนั้นการตรวจของหลินซินเหยียนเลยจัดไว้ในช่วงกลางคืน แบบนี้ปลอดโปร่งขึ้นเยอะ
หลักๆ คือการตรวจความเปลี่ยนแปลงของมดลูก หลังจากตรวจอัลตราซาวนด์สี่มิติ ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน หลังจากตรวจเสร็จแล้ว ก็สามารถเห็นรูปร่างของเด็กทารกได้
ในทุกครั้งหลินซินเหยียนก็อยากจะเห็น ส่วนจงจิ่งห้าวก็ไม่อนุญาตให้เธอดู
หลังจากตรวจอัลตราซาวนด์สี่มิติแล้วจนเห็นหน้าตาของเด็กทารกช่างน่าเกลียดเกิน ขนาดจงจิ่งห้าวยังรู้สึกรังเกียจเลย และกลัวว่าหลินซินเหยียนจะอารมณ์ไม่ดีตามไปด้วย
เขาแปลกใจมาก จงเหยียนเฉินกับจงเหยียนซีหน้าตาดีมาก ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้หน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ไปได้?
ทุกครั้งเวลาที่คุณหมอกำลังตรวจอยู่นั้น เขาก็ต้องทำหน้านิ่งคิ้วขมวดทุกครั้งไป
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจดังนั้น เลยจ้องมองเขาอยู่เช่นนั้น
หมอพูดว่า “คุณดูนะ มดลูกบางมากมีแค่0.4mm ในสถานการณ์นี้ช่างง่ายมากที่จะเกิดอันตรายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
จงจิ่งห้าวสีหน้าแข็งทื่อ เขาคิดว่าตอนนี้สามารถคลอดก่อนกำหนดได้ เพื่อลดความอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของหลินซินเหยียน ทว่าเธอยังคงยืนกรานว่าจะรอให้ได้แปดเดือนก่อน บอกว่าเพื่อให้เด็กได้สมบูรณ์ขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นเธอกลัวว่าเด็กจะไม่แข็งแรง
คลอดเด็กแปดเดือนก็คือการคลอดก่อนกำหนดหนึ่งถึงสองเดือน
“ถ้ามีอะไรก็สามารถเรียกพยาบาลได้ตลอดเวลา” ทางโรงพยาบาลมีหมอคอยเปลี่ยนเวรเฝ้าไข้อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง พอเกิดเรื่องขึ้น ก็สามารถทำการผ่าตัดคลอดได้ตลอดเวลา
จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนกลับมายังห้องพักคนป่วย หลินซินเหยียนโอบกอดต้นคอของเขาเอาไว้และถามกลับ “ทำไมตอนที่ฉันตรวจร่างกายในทุกครั้ง ต้องทำสีหน้าแปลกประหลาดมากแบบนั้นด้วย?”
จงจิ่งห้าวถามกลับ “มีแบบนั้นเหรอ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้าแบบมั่นใจ “มีนะ”
จงจิ่งห้าวพูดต่อ “ผมเป็นห่วงคุณ”
หลินซินเหยียนไม่ค่อยจะเชื่อ
เพราะว่าเขาต้องการให้ตัวเองผ่อนคลาย ความเป็นห่วงที่อยู่ในใจนั้นและไม่แสดงสีหน้าต่อหน้าเธอ การแสดงออกอย่างแปลกประหลาดนี้มันเริ่มปรากฏขึ้นหลังจากที่เขาเห็นหมอตรวจร่างกายแล้ว
ก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วเขาเห็นอะไรกันแน่
เธอตัดสินใจแล้วว่ามีโอกาสจะถามหมอดู
เตียงที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยนั้น มันกว้างกว่าเตียงคนป่วยแบบธรรมดา ตอนกลางคืนจงจิ่งห้าวจะโอบกอดเธอนอน พอมีอาการอะไรก็สามารถรู้ได้ทันเวลา
ในช่วงเช้าจวงจื่อจิ่นเอาข้าวมาส่ง เพราะว่าอาหารในโรงพยาบาลไม่มีโภชนาการอะไร อาหารของหลินซินเหยียนทั้งสามมื้อจวงจื่อจิ่นเป็นคนเอามาส่งทั้งสิ้น
ตอนที่หลินซินเหยียนกินข้าวเช้า จงจิ่นห้าวก็รับโทรศัพท์ของกวนจิ้ง และเดินออกไปรับสายนอกห้องพักผู้ป่วย
“ผมพูดโน้มน้าวเธอไม่ได้” กวนจิ้งพูดคำง่ายๆ ออกมาจากปาก
เมื่อคืนตอนที่กลับไป เขาผลักประตูออกก็เห็นกู้หุ้ยหยวนกำลังใส่เสื้อเชิ้ตของเขาอยู่ และนั่งอยู่บนที่นั่งติดกับหน้าต่าง มือก็คีบบุหรี่เอาไว้
กวนจิ้งไม่รู้ว่าเธอสูบบุหรี่เป็นด้วย เมื่อเดินเข้ามาแล้ว ก็คีบบุหรี่ในมือของเธอออก พลางถามกลับ “ทำไมคุณยังไม่นอนอีก?”
กู้หุ้ยหยวนเงยหน้ามองเขา ในใจก็มีความสงสัยกับเขาอยู่เช่นกัน ตอนแรกเขาก็ดื้อรั้น ไม่ว่าเธอจะใช้ไม้แข็งหรือไม่อ่อนยังไง เขาก็ไม่ยอมช่วยตนเอง ต่อมาก็รับปากเอาดื้อๆ เลย ฉะนั้นในใจย่อมเกิดข้อสงสัยกับเขาอยู่มากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม