“พ่ออายุมากแล้ว จะช้าจะเร็วก็ต้องมีวันนั้น ที่พ่อไม่บอกก็เพราะกลัวว่าพวกเธอจะเสียใจ” จงฉีเฟิงเรียบเฉยมาก ราวกับว่าปลงกับเรื่องความเป็นความตายแล้ว มาถึงอายุปูนนี้แล้วไม่มีอะไรต้องเสียดาย ลูกหลานอยู่รอบตัว มีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
“คุณหมอบอกว่ายังไงบ้าง” จงจิ่งห้าวไม่ได้อยากฟังเขาพูดถึงเรื่องพวกนี้
สิ่งที่อยากจะรู้ในตอนนี้คืออาการป่วยของเขา
“นี่ไม่เหมือนลูกเลยนะ” จงฉีเฟิงเทน้ำชาใส่ในถ้วยชาเขา “พ่อภูมิใจในตัวลูกมาตลอด แกเป็นลูกชายของฉัน แต่กลับไม่เคยทำให้ฉันต้องกังวลใจ ครอบครัวก็ดี การงานก็ดี ลูกบริหารได้อย่างดี ตัวพ่อเองก็ไม่มีอะไรที่จะแนะนำลูกได้ ในทางกลับกันพ่อไม่ได้มองได้ทะลุปรุโปร่งเหมือนลูก จะตายแล้วไม่เคยได้แสดงความรู้สึกของตนเองที่มีต่อแม่ของลูกเลย กลายเป็นเรื่องที่พ่อเสียใจตลอดชีวิตนี้”
“ดื่มกับพ่อสักแก้ว” จงฉีเฟิงนับถ้วยชามองไปที่ลูกชาย สายตาจงจิ่งห้าวลึกล้ำ พูดด้วยเสียบแหบพร่า “ผมเคยโกรธพ่อ โกรธที่พ่อปิดบัง ”
ทำไมเขาจะไม่มีเรื่องที่เสียใจล่ะ
นั่นคือบาดแผลที่ไม่อาจแตะต้องได้ในมุมหนึ่งของก้นบึ้งหัวใจเขา
“ถ้ามีโอกาสย้อนกลับไปเริ่มใหม่ได้ พ่อไม่สนว่าเขาเป็นใคร ก็จะไม่สามารถขัดขวางพ่อที่จะทำให้พวกเธอรู้จักกัน อยู่ด้วยกันได้ ……”มีความชุ่มฉ่ำในดวงตาของจงฉีเฟิง ได้แต่โทษที่ตอนนั้นเขาไม่ได้มองให้ทะลุปรุโปร่ง
ทั้งสองฝ่ายต่างก็สูญเสียแล้วยังไง อย่างน้อยเฉิงยู่ซิ่วชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรให้เสียดายมากมายขนาดนั้น จนกระทั่งตายก็ถูกทุกคนตราหน้าว่าเป็นเมียน้อย ลูกชายอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่กล้าเรียกร้องเขาให้เรียกตนเองว่าแม่สักคำ
ในฐานะแม่ผู้อุ้มท้องมาสิบเดือนเสี่ยงชีวิตคลอดลูกออกมา ในใจเธอจะทุกข์ทรมานมากแค่ไหน
จงจิ่งห้าวยกชาขึ้นมาชนแก้วกับจงฉีเฟิง เขาดื่มรวดเดียวเหมือนกับเหล้าอย่างนั้น วางแก้วลงแล้วพูดว่า “พวกเราไปโรงพยาบาลพร้อมกัน ผมจะหาหมอที่ดีที่สุดมาให้พ่อ”
“ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล” จงฉีเฟิงกลัวพวกเขาจะทำแบบนี้ที่สุด จึงไม่บอกพวกเขา “ระยะสุดท้าย จะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน แม้จะต้องอยู่ในโรงพยาบาล ก็เป็นเรื่องที่จะมีชีวิตอยู่ได้นานอีกหน่อย สำหรับพ่อแล้วไม่ได้มีความหมายอะไรเลย”
“พ่อ” ตอนแรกหลินซินเหยียนยังหวังว่าอาจจะเป็นระยะแรกหรือระยะกลาง อย่างน้อยก็ยังมีความหวังว่าจะรักษาให้หายได้ ตอนนี้ เธอไม่รู้จะรับมือยังไงเล็กน้อย “ตอนนี้การรักษามีความก้าวหน้าทันสมัย ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีหวัง……”
“ตรวจมาอย่างชัดเจนแล้ว ฉันรู้พวกเธอกตัญญู ถ้าอยากจะให้ฉันมีความสุข ก็กลับไปอยู่ที่บ้านเก่ากับพ่อเถอะ ที่นั่นคือสถานที่ที่พ่อกับเธออาศัยอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต หลังจากเธอจากไปแล้ว พ่อก็ไม่กล้ากลับไป ทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านล้วนมีความทรงจำของเธออยู่ พ่อไม่กล้าแตะต้อง มาวันนี้ที่เป็นวาระสุดท้ายแล้ว พ่อปกป้องบ้านของพวกเรา ตอนเธออยู่รอพวกเธอมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ไหว ตอนนี้ ก็ถือเสียว่าทำความปรารถนาสุดท้ายของพ่อให้เป็นจริง” สีหน้าของจงฉีเฟิงซีดเซียวลงไปไม่น้อย
“ได้ แต่ว่าโรคก็ต้องรักษา”ท่าทีของจงจิ่งห้าวเฉียบขาดหนักแน่นยิ่งนัก
หลินซินเหยียนก็คิดเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องทำให้เต็มที่ ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สังเกตตอนนี้มาพิจารณาอย่างละเอียด จงฉีเฟิงไม่เพียงซูบผอมลงไปมาก ใบหน้าสีเหลือง ริมฝีปากไร้สีเลือดขาวซีดเป็นอย่างยิ่ง
“ที่จงจิ่งห้าวพูดก็ถูกค่ะ” เธอกุมมือของจงจิ่งห้าวเอาไว้ “การตายของคุณแม่พวกเราต่างก็เสียใจมาก เพื่อพวกเรา พ่อต้องยอมให้ร่วมมือในการรักษา ลูกน้อยยังพูดไม่ได้ คุณพ่อไม่สงสารเขาเหรอคะ”
จงฉีเฟิงรับปากให้ความร่วมมือในการรักษา
ออกจากร้านน้ำชาหลินซินเหยียนก็เริ่มจัดการเรื่องย้ายบ้าน จงจิ่งห้าวกับจงฉีเฟิงไปโรงพยาบาล ต้องรู้ว่าอาการของเขาในตอนนี้เป็นอย่างไร
หลินซินเหยียนกลับมาบอกว่าจะย้ายบ้าน ป้าหยูอาจจะรู้สึกได้ว่ามีเรื่องไม่ดี จึงแอบถามเธอเรื่องอาการป่วยของจงฉีเฟิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม