“เธอยังมียางอายอยู่ไหม?” สีหน้าของเจียงโม่หานเขียวคล้ำ
“คิกคิก....” หลิงเวยเพียงแค่หัวเราะ หัวเราะจนปวดท้องไปหมด
“ยางอาย?” เธอท่าทางขี้เล่น “ฉันเองก็อยากมีนะ นายต่างหาก ที่ทำให้ฉันแม้แต่ยางอายก็มีไม่ได้”
ทรยศตัวเองเพื่อแลกกับช่วงเวลาแห่งอิสระนี้
“เจียงโม่หานทำไมฉันถึงกลายเป็นแบบนี้?”
เธอคร่ำครวญ “เพราะนาย เพราะนายที่ทำให้ฉันกลายเป็นอย่างวันนี้ ถ้าตอนแรกนายยอมช่วยฉัน ฉันคงไม่เป็นแบบนี้? เหมือนกับหนูข้างถนน อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนกับภูติผี นายรู้หรือเปล่าว่าฉันใช้ชีวิตในคุกผ่านมายังไง?”
“ใช้ชีวิตแบบที่ตายไปเสียยังดีกว่าใช่ไหม? นั่นคือกรรมที่เธอสมควรได้รับ” เจียงโม่หานสีหน้าเย็นชา เขาไม่ได้ซ่อนความเกลียดชังต่อเธอของตัวเองเพราะถูกเธอควบคุมแต่อย่างใด
“ต่อให้ย้อนมาได้อีกครั้ง ฉันก็จะไม่ช่วยเธอเหมือนเดิม”
อะไรที่บีบหัวใจที่สุดงั้นเหรอ?
คงจะเหมือนกับตอนนี้ คนที่คุณรักที่สุด กลับอยากให้คุณตายที่สุด
“นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลิงเวยริมฝีปากสั่นเทา
“ใช่ ฉันเกลียดเธอ” สีหน้าของเจียงโม่หานกลับมาสงบนิ่ง ความโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่เองก็กดลงมาแล้ว เพราะมันไม่คุ้มที่จะโกรธเธอ เธอไม่คู่ควร!
“ถ้าทำได้ ฉันจะบีบคอเธอให้ตายด้วยมือฉันเอง”
ดวงตาทั้งสองของหลิงเวยแดงก่ำ “เพราะจงเหยียนซีงั้นเหรอ?”
“เธอไม่สมควรพูดถึงหล่อน” เจียงโม่หานน้ำเสียงเย็นชา
“หึ ฮ่า ๆ ๆ” หลิงเวยหัวเราะลั่น “ตอนนี้นายอยู่ในกำมือของฉันแล้ว จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่ฉัน ยังกล้ายั่วยุฉันนี่นายคงเบื่อชีวิตแล้วสินะ?”
ชิวหมิงเยี่ยนซ่อนอยู่ในห้อง แม้เธอจะเป็นคนเลว แต่เธอก็ไม่อยากเปิดโปงตัวเอง และตั้งใจจะให้หลิงเวยออกหน้า
แต่หล่อนเอาแต่พูดถึงเรื่องของตัวเอง เหมือนกับว่าลืมเรื่องของเธอไปหมดเกลี้ยงแล้ว
เธอวิ่งออกมา “โอนหุ้น ให้เขาเซ็นซะ”
หลิงเวยที่กำลังคุกรุ่นคำรามด้วยความโมโห “หุบปากไป!”
ชิวหมิงเยี่ยนตกตะลึงไปครู่หนึ่งอย่างชัดเจน ก่อนแผดเสียงกลับไป “เธอนั่นแหละหุบปาก ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอจะมีโอกาสมายืนต่อหน้าเจียงโม่หานรึไง?”
หลิงเวยเก็บกดมานาน เมื่อถูกชิวหมิงเยี่ยนตะคอกใส่จึงเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง หลิ่นวิ่งเข้าไปตบเธอฉาดหนึ่ง “ถ้าไม่ใช่ฉันตกอับ ฉันจะร่วมมือกับเธอเหรอ? ฉันคงไม่มองแม่คนทรงคุณธรรมเสียเหลือเกินอย่างเธอ มือที่สามที่ทำลายครอบครัวคนอื่น ยังมีหน้ามีอวดเบ่งต่อหน้าฉันอีก”
ชิวหมิงเยี่ยนกุมใบหน้าที่เจ็บปวด
สองตาจ้องเขม็ง
“เธอ.....”
เธอไม่นึกเลยจริง ๆ
“เธอกล้าตบฉันเหรอ?” ชิวหมิงเยี่ยนเองก็ไม่ใช่แม่พระ เธอคว้าผมของหล่อนเอาไว้ “เธอไม่ไปถามดูล่ะ ว่าฉันเคยเป็นเบี้ยล่างใครไหม!”
เป็นสองคนที่ร่วมมือกันแท้ ๆ แต่กลับทะเลาะกันเพราะคำ ๆ เดียว
หญิงสาวทั้งสองจิกผมของกันและกัน ด่าสาดใส่กัน โดยลืมเรื่องสำคัญที่ตัวเองจะทำไปชั่วขณะ
เจียงโม่หานเพียงแค่มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาอย่างเย็นชา
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนสู้กันจนเหน็ดเหนื่อย จ้องมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล “พวกเรามาทำอะไรกัน?”
ชิวหมิงเยี่ยนเช็ดใบหน้าเล็กน้อย
หลิงเวยไม่ส่งเสียงอะไรออกมา หลังจากทะเลาะตบตีกันไปแล้ว ตอนนี้จึงใจเย็นลงไม่น้อย
เรื่องมาถึงขนาดนี้แม้ชิวหมิงเยี่ยนอยากแยกแยะก็แยกไม่ไหว จึงถือโอกาสหยิบสัญญาผู้ร่วมหุ้นที่ตัวเองเตรียมไว้ออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ “เจียงโม่หาน ธุรกิจของตระกูลเจียงไม่ใช่ของนายคนเดียว นายครอบครองมานานขนาดนี้มันก็เพียงพอแล้วล่ะ ตอนนี้นายเซ็นชื่อซะ เอาบริษัทให้โย่เชียน ฉันก็ยังให้นายเดินออกไปดี ๆ ได้ ไม่อย่างนั้น....”
“เขาเป็นของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!” หลิงเวยเดินเข้ามา
ชิวหมิงเยี่ยนเงยหน้า “หลิงเวย เชื่อไหมว่าฉันจะโทรเรียกตำรวจ ให้ตำรวจมาจับเธอซะเลย?”
“ขู่ฉันงั้นเหรอ?” หลิงเวยเบิกตา สีหน้าดุร้าย
“เปล่า ฉันต้องการหุ้น เธอต้องการคน ถ้าฉันได้หุ้นแล้ว เธอก็จะได้คน” ครั้งนี้ชิวหมิงเยี่ยนไม่ได้ตอบโต้หล่อน อายุแค่นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ขั้นตอนของทุกคนเมื่อครู่เธอเสียเปรียบไม่น้อย
“หลินลุ่ยซี”
“หล่อนตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ยังไม่ตาย ก็คือคนที่ชื่อจงเหยียนซีนั่นแหละ”
ชิวหมิงเยี่ยนตกตะลึงไปจริง ๆ หลินลุ่ยซียังไม่ตาย
แต่ผู้หญิงคนนั้นจะมีประโยชน์อะไรอีก
“ถ้าฉันตาย ฉันก็ลากเข้าไปด้วยแน่นอน” หลิงเวยมองไปทางเจียงโม่หาน “ตอนอยู่ฉันไม่ได้ร่วมหอ ตอนตายก็ต้องได้ร่วมโลงกับเขา ส่วนจงเหยียนซี ถ้าตอนนี้เขาไม่เซ็นชื่อ พอเขาตายแล้ว เธอก็สามารถใช้เงินจ้างคนไปสั่งสอนผู้หญิงคนนั้นได้”
หลิงเวยมีความเห็นแก่ตัว เรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้คนอื่นทำเพื่อตัวเอง
เพียงแต่พลังในการโน้มน้าวยังไม่เพียงพอ
ชิวหมิงเยี่ยนมีท่าทีแคลงใจ เธอลอบมองเจียงโม่หาน
เจียงโม่หานยังคงสีหน้าเย็นชา แต่หากสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าหลังมือของเขากระจายไปด้วยเส้นเลือดดำเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่าง
หลิงเวยพูดต่อ “ตอนนี้จงเหยียนซีคือคนที่เจียงโม่หานใส่ใจมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นภรรยาเก่าของเจียงโม่หานอีก....”
“หลิงเวย!” สีหน้าของเจียงโม่หานดำทะมึน น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ราวกับท้องฟ้าแจ่มใสที่พลันมีเมฆดำมืดม้วนตัวเข้ามา
หลิงเวยเองก็เดินไปตรงหน้าเขาอย่างไม่หวั่นกลัว “เจียงโม่หานไม่ได้ปล่อยนายหนีไปหรอก ฉันไม่มีโอกาสออกไปจากเมืองB ไม่ช้าก็เร็วก็จะถูกพบ ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องตาย นายจะต้องอยู่กับฉัน พอเซ็นสัญญาโอนหุ้นแล้ว ก็ให้เธอรีบไปให้พ้น เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในโลกของเราสองคน”
ประโยคหลังสุดหล่อนจงใจลากเสียงยาว ดูคลุมเครืออย่างเห็นได้ชัด
ชิวหมิงเยี่ยนก็รู้สึกถึงนิสัยแย่ ๆ เมื่อเห็นหล่อนเองก็กำลังช่วยเหลือตัวเองอยู่จึงไม่ได้แสดงออกมา
“เจียงโม่หาน นายอยากให้เธอเล่นงานจงเหยียนซีจริง ๆ เหรอ?” หลิงเวยพูดถึงจงเหยียนซีอีกครั้ง
ก็เพื่อต้องการให้ชิวหมิงเยี่ยนรู้ว่าจุดอ่อนของเจียงโม่หานอยู่ตรงไหน
ชิวหมิงเยี่ยนเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว “เจียงโม่หาน นายอย่ามัวเสียเวลาเลยจะดีกว่า ตอนนี้นายเซ็นชื่อแต่โดยดี ฉันจะไม่กลั่นแกล้งนาย ถ้านายไม่ยอม ถ้ามีโอกาสฉันจะวางแผนทำร้านหล่อนแน่นอน”
เธอหยิบปากกามาใส่ในมือของเขา “เซ็นชื่อซะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม