ลิขิตรัก ในกรงแค้น นิยาย บท 36

สรุปบท บทที่ 36 ร้อยแผนการในสมอง: ลิขิตรัก ในกรงแค้น

บทที่ 36 ร้อยแผนการในสมอง – ตอนที่ต้องอ่านของ ลิขิตรัก ในกรงแค้น

ตอนนี้ของ ลิขิตรัก ในกรงแค้น โดย ทีปสิขา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 36 ร้อยแผนการในสมอง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“มีอะไรหรือคะ คุณแทน” ป้านาเดินยิ้มเข้ามาหาเจ้าของบ้าน หลังจากแทนคุณใช้น้อยไปตาม

“ผมมีคนมาช่วยงานป้าแล้ว” แทนคุณตอบแม่บ้านของตน พร้อมกับหันไปหานันทิชาที่เดินออกจากห้องน้ำมา

“ทิชา” ป้านาดวงตาเบิกกว้างพลางเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันไปหาแทนคุณ

“ใช่ ทิชาจะมาช่วยงานบ้านอีกแรงหนึ่ง งานของป้านา เรื่องทำความสะอาดห้องผม รวมทั้งเรื่องอาหารมื้อเย็น หากทิชาอยู่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอ ป้านากับน้อยก็หันไปทำงานที่เคยเป็นหน้าที่ของแม่ศรีแทน นันทิชาจะมาเริ่มทำงานที่นี่ในเวลา ห้าโมงถึงห้าทุ่ม” แทนคุณแจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้แม่บ้านทราบคร่าวๆ

“ไหนคุณแทนบอกจะสอนงานให้ทิชาก่อนฝึกงานไงคะ” หญิงสาวแย้งขึ้น ก่อนที่แทนคุณจะแจ้งรายละเอียดให้แม่บ้านจบ ชายหนุ่มหยุดอธิบายแล้วหันมาทางเธอ เด็กคนนี้ช่างขยันเรียกร้องเสียจริง ยิ่งมองยิ่งน่ารำคาญ ยิ่งพูดยิ่งระคายเคืองหู

“ก็ทั้งหมดนี่แหละ งานก่อนฝึกงาน และรวมถึงตอนฝึกงานด้วย” แทนคุณเดินเข้าไปหานันทิชา พลางตอบหญิงสาวเสียงเรียบดวงตาคมกริบมองเธออย่างเชือดเฉือน

“นี่คือการฝึกงานหรือคะ ไม่เห็นเหมือนในตำราเรียนเลย” นันทิชาขยับปากถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เรียนมันจะเหมือนกับปฏิบัติได้อย่างไรกันล่ะ และที่อื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ที่บริษัทผม ผมจะทำแบบนี้ หรือคุณมีปัญหา” นันทิชาหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า

“ถ้าอย่างนั้น ผมฝากป้านาด้วยนะครับ ช่วยสอนงานเธอหน่อย”

“ค่ะๆ” หญิงชรารับปากตะกุกตะกัก ก่อนจะเดินเข้ามาจูงมือนันทิชาเดินเข้าห้องครัวไป

หน้าบูดบึ้งของหญิงสาวหันมาทำหน้าละห้อยใส่ป้านา หญิงชราอมยิ้มพลางใช้มือลูบหลังนันทิชา พยายามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หญิงสาวเรียบเรียงและเล่าให้ป้านาฟังจนหมด เมื่อแม่บ้านเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงเริ่มการสอนให้นันทิชาทำอาหารมื้อเย็น เวลาไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละวันคงทำอะไรไม่ได้มากนัก ด้วยเวลาที่จำกัด งานอื่นๆ นอกจากมื้อเย็นและทำความสะอาดห้องของแทนคุณ จะเป็นหน้าที่ของน้อยกับป้านา เมื่อนันทิชาเข้าใจหน้าที่ของตน นั่นจึงเป็นเวลาที่อาหารมื้อเย็นเรียบร้อยพอดีเช่นกัน มื้อนี้ยังคงเป็นฝีมือของป้านาเหมือนเดิม

“เมื่อถึงเวลาอาหาร หากคุณแทนยังไม่ลงมา ทิชาต้องขึ้นไปถาม ส่วนวันนี้คุณแทนคงรับบนห้องก็จัดตามนี้นะ” ป้านาจัดอาหารและน้ำวางบนถาดรองอย่างช้าๆ เพื่อสอนเด็กสาว ก่อนจะสั่งให้นันทิชายกขึ้นไปส่งให้เจ้านาย หากแต่หญิงสาวหันมามองแม่บ้านอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ ป้านายืนยิ้มก่อนจะทำท่าปัดมือให้เธอเดินขึ้นห้องไป

เสียงเคาะประตูดังขึ้น แทนคุณเปิดประตูออกมายิ้มรับ เขาลืมไปเสียสนิทและคิดว่าเป็นแม่บ้านของตน รอยยิ้มกว้างของแทนคุณ ทำให้นันทิชามองแบบแปลกใจเธอไม่คุ้นตา ชายหนุ่มหุบยิ้มทันทีก่อนจะแกล้งปั้นหน้านิ่งถอยออกจากประตู เพื่อให้ลูกจ้างถือถาดอาหารเข้าไปวาง หญิงสาวที่วันนี้ผมเผ้าไม่ดูยุ่งเหยิงเหมือนวันก่อน อาจเป็นเพราะงานที่ทำไม่ได้เร่งรีบเท่าไหร่ มีเวลาให้เธอดูแลตัวเองมากขึ้น

“วางไว้ตรงนั้น” ชายหนุ่มชี้นิ้วตรงไปยังโต๊ะทำงาน ร่างบางเดินเอาอาหารมาวางไว้ตามคำสั่ง แล้วถอยออกมายืนเก้กัง สายตากังวลของเธอกลอกกลิ้งไปมา ด้วยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อหลังจากนี้ แทนคุณปรายตามองท่าทีของเธอ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ถ้าไม่ติดว่าเธอคือสะพานเชื่อมไปหานายดิน อย่าหวังเด็กกะโปโลคนนี้จะได้เข้ามาย่างกายเดินภายในบ้านเขาได้เช่นนี้

“หมายความว่าไงคะ” หญิงสาวหยุดจัดเอกสาร แล้วหันมาเอาคำตอบจากเจ้านาย

“ผมต้องการให้คุณอยู่ที่บ้านผม ตอนเช้าคุณไปเรียนตามปกติและพอกลับมาก็เป็นเวลางานของคุณจนถึงห้าทุ่มแล้วก็พักที่บ้านหลังนี้เลย มันควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ คุณจะเดินทางไปมาให้เสียเวลาทำไมผมไม่เข้าใจ และผมอนุญาตให้ภายในหนึ่งอาทิตย์คุณสามารถกลับบ้านวันไหนก็ได้หนึ่งวัน และแน่นอนผมก็จะเป็นคนไปส่งคุณ เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง”

“ไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธข้อเสนอของเขาทันที ก่อนชายหนุ่มเริ่มหมดความอดทน จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินเข้ามาด้านข้าง

“แล้วคุณจะแก้ปัญหานี้อย่างไร” เสียงของคนหมดความอดทนกดต่ำลงถาม พร้อมกับสายตาครบกริบนั้นจ้องเข้ามาจนนันทิชาหันไปทางอื่น ตอนเขาเอาจริงเธอกลับกลัวจนหัวใจเต้นรัว คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่กิริยาเหมือนยักษ์เหมือนมารไม่ผิด

“ไม่ต้องแก้ค่ะ ทุกอย่างเหมือนเดิม ทิชาเป็นห่วงพ่อ ทิชาทำแบบนั้นไม่ได้ คุณแทนได้โปรดเชื่อทิชาเถอะนะคะ ว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนเป็นอ้อนวอนเขา ชายหนุ่มจ้องมองเธอพลันคิดได้ว่าขนาดเธอยังไม่รู้ความจริงยังดื้อดึงมากกว่าที่เขาคิด

“โอเค ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะไปส่งคุณเอง” เป็นการตัดบทสนทนาของทั้งคู่ เพราะเขาแทบทนไม่ไหวที่ต้องใช้คำพูดเลี่ยนๆ เสมือนห่วงใยในความปลอดภัยของหญิงสาว พอเอาเข้าจริงก็แทบจะอาเจียนออกมา ละครฉากใหญ่จบลงเพราะเขาอดทนไม่พอที่จะแสดงมันต่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น