วันนี้เว่ยจื้อโหยวตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส นับตั้งแต่นางแต่งให้อวิ๋นเซียวเขาดูแลนางอย่างดีจนถึงตอนนี้อาการป่วยของนางหายสนิทแล้ว นางจึงมีความคิดว่าจะสำรวจพื้นที่รอบ ๆ บ้านของสามีและพรุ่งนี้จะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม
แต่งงานมาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่นางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องถึงแม้ว่านางจะร่วมห้องกับสามีแต่หาได้มีการร่วมหอไม่ จนนางสงสัยว่าเจ้าสามีหน้าเดียวของนางเป็นตอไม้หรือไม่หรือนางไม่มีเสน่ห์พอ
เว่ยจื้อโหยวไม่มีทางรู้เลยว่าตลอดเวลาอวิ๋นเซียวนั้นต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้เพียงใด เพราะภรรยาของเขาป่วยและร่างกายของนางบาดเจ็บเขาสู้อดทนอดกลั้นแต่ถ้าหากเขารู้ว่าภรรยาคนงามของเขากล่าวหาว่าเขาเป็นตอไม้แล้วล่ะก็เขาคงได้แต่เสียใจที่ปล่อยนางเอาไว้จนถึงวันนี้
“ยังเช้าอยู่เลยเจ้านอนอีกหน่อยเถอะ ร่างกายเจ้าไม่ค่อยแข็งแรงเดี๋ยวจะเจ็บป่วยขึ้นมาอีก” อวิ๋นเซียว
“ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ท่านอย่าทำเหมือนข้าอ่อนแอเจ็บป่วยง่ายสิเจ้าคะ ครั้งนี้ที่ข้าล้มป่วยมีสาเหตุมาจากอะไรไม่ใช่ท่านไม่รู้นี่เจ้าคะ” เว่ยจื้อโหยวมองค้อนให้สามี
“ได้ ๆ ข้าตามใจเจ้า แต่อย่าทำอะไรให้ตัวเองต้องเหนื่อย หากข้าไม่อยู่ฝากเจ้าดูแลน้องชายน้องสาวด้วยนะ สงครามยืดเยื้อเช่นนี้บ้านเราเองไม่มีเงินถึง 10 ตำลึงทองมาจ่าย ข้าเองก็คงต้องไปร่วมรบ” อวิ๋นเซียว
“สัญญากับข้าได้หรือไม่ ว่าท่านจะกลับมาอย่างปลอดภัย ข้ากับน้องชายน้องสาวยังรอท่านอยู่ที่นี่ หากภายใน 1 ปี ท่านไม่กลับมาข้าจะออกไปตามหาท่านเอง”
“ข้าสัญญาและจะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย ขอเพียงเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ที่บ้านของเรา”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นวันนี้ท่านช่วยตัดไม้มาซ่อมและล้อมรั้วที่ดินของบ้านเราทั้งหมดได้หรือไม่ ข้าจะกลับไปขอให้ท่านพ่อและท่านลุงมาช่วยด้วย หากท่านไม่อยู่แล้วข้าไม่วางใจ”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะกลับไปบ้านเดิมกับเจ้าด้วย”
“เจ้าค่ะ”
เว่ยจื้อโหยวลุกออกมาล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วนางตั้งใจว่าวันนี้จะทำอาหารให้กับคนในบ้านได้กิน เป็นครั้งแรกที่นางได้เดินเฉียดเข้ามาในห้องครัว เพราะจากวันแรกจนเมื่อวานทุกคนในบ้านไม่ยอมให้นางช่วยงานหรือหยิบจับอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน
อาหารการกินนับว่ามีไม่มากนัก ข้าวต้มที่เกือบหาเม็ดข้าวไม่เจอ ผัดผักป่า ยังดีหน่อยที่ยังมีเนื้อให้กินบ้าง สามีของนางยังคงเข้าป่าล่าสัตว์ทุกวัน และนำไปขายในเมืองเพื่อซื้อเสบียงอาหารมากักตุนเอาไว้ แต่บางวันก็ไม่มีสัตว์หลงมาติดกับดักเลย
ป่าในบริเวณนี้ไม่ค่อยมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เท่าไหร่ อีกทั้งยังมีชาวบ้านเข้าป่าไปล่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ทำให้สัตว์ป่าหนีเข้าป่าลึกไปเสียหมด
“มีอะไรให้ช่วยหรือไม่อาเฟย”
“ไม่มีเจ้าค่ะพี่สะใภ้ ท่านตื่นมาทำไมเจ้าคะไม่นอนพักอีกหน่อย งานครัวข้าทำเสร็จแล้ว” อวิ๋นเฟย
“ข้าหายดีแล้วล่ะ นอนมาหลายวันแล้ว เช่นนั้นข้าขอออกไปเดินดูรอบ ๆ บ้านก่อน”
“เจ้าค่ะ เดินระวังด้วยนะเจ้าคะ”
เว่ยจื้อโหยวเดินสำรวจที่ดิน 3 หมู่ของบ้านสามี หลังบ้านติดกับลำธารสายเล็ก ๆ ที่ไหลลงมาจากภูเขา นับว่าอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย ในลำธารนางเห็นปลาแหวกว่ายอยู่จำนวนมาก นางเดินไปเรื่อย ๆ พบว่านอกจากปลาแล้วยังมีกุ้งและปูตัวใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก
นางได้แต่คิดในใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงไม่นำสัตว์น้ำพวกนี้ไปทำอาหาร หรือว่าไม่รู้จักวิธีปรุงหรือคิดว่ามันกินไม่ได้ เอาไว้นางจะกลับไปถามสามีของนางดูก็แล้วกัน
จะว่าไปแล้วร่างนี้อายุเพิ่งจะได้ 17 เพียงเท่านั้น ส่วนสามีของนาง 19 นับว่ายังเด็กกันทั้งคู่ หากเป็นโลกที่นางจากมา 17 เพิ่งจะเรียนมัธยมปลายเท่านั้น ยังไม่ถึงวัยที่จะแต่งงานด้วยซ้ำ
นางเดินเลยมาจากที่ดินของบ้านสามีมาไกลจนเกือบถึงเชิงเขา นางก็พบเข้ากับกอเตยหอมที่ขึ้นอยู่ริมลำธาร นางจึงเด็ดใบเตยหอมติดมือกลับมาด้วย นางจะนำไปต้มเป็นน้ำใบเตยหอม ๆ เอาไว้ดื่มคลายร้อน
ที่ดิน 3 หมู่นี้นางตั้งใจว่าจะแผ้วถางและปลูกผักเอาไว้กิน และจะหาผลไม้มาปลูกด้วย อย่างน้อย ๆ มีผักกิน เหลือกินสามารถนำไปขายได้ นางคงต้องเร่งหาเงิน หากอวิ๋นเซียวไปเป็นทหารแล้ว นางมีหน้าที่ดูแลบ้านและน้องชายน้องสาวแทนเขาด้วย
ตอนนี้นางวางแผนเอาไว้แล้วนางจะต้องทำให้ครอบครัวอยู่ดีกินดี รวมถึงครอบครัวท่านตาท่านยายและท่านพ่อท่านแม่ด้วยเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องห่วงนะเว่ยจื้อโหยว ข้าจะทำทุกอย่างแทนเจ้าเอง ขอให้เจ้าไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ” หลังจากนางพูดจบก็มีสายลมพัดผ่านหน้านางไปพร้อมกับแว่วเสียงขอบคุณนางดังขึ้นแผ่วเบา
“ขอบคุณนะเจ้าคะพี่สาว ข้าเองก็ขอให้ท่านมีความสุข ฝากทุกคนด้วยเจ้าค่ะ”
เว่ยจื้อโหยวกลับมาถึงก็เป็นเวลาอาหารเช้าแล้ว หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางและสามีพาน้องชายน้องสาวกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมทันที หากจะทิ้งเด็กสองคนเอาไว้ก็กลัวว่าป้าสะใภ้มหาภัยจะมาหาเรื่องรังแกจึงได้พาไปด้วยกัน
ใช้เวลาเดินมาไม่นานก็มาถึงบ้านเหลียน ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่คงอยู่ที่แปลงนาช่วยท่านลุงและป้าสะใภ้ทำงานในแปลงนา ส่วนท่านตาท่านยายคงจะอยู่ที่แปลงผักหลังบ้านกับพวกน้อง ๆ ของนาง
“ท่านตา ท่านยาย ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาเยี่ยมพวกท่านแล้ว” เว่ยจื้อโหยวตะโกนเรียกพร้อมทั้งเดินเข้าไปในบ้าน
“สบายดีเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ อาการเจ็บป่วยของข้าหายดีแล้ว ข้ามาวันนี้นอกจากจะมาเยี่ยมพวกท่านแล้ว ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ”
“เรื่องอันใดหรือ เจ้าบอกพ่อมาได้เลย พ่อพร้อมจะช่วยเหลือเจ้าทุกเมื่อ”
“ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านลุงไปช่วยท่านพี่ล้อมรั้วรอบ ๆ ที่ดิน 3 หมู่ทั้งหมดเจ้าค่ะ หากท่านพี่ไม่อยู่ข้าไม่วางใจเจ้าค่ะ”
“ได้ งานในแปลงนาก็ไม่มีอะไรมากแล้ว วันนี้น่าจะถอนหญ้าในนาเสร็จ พ่อจะไปตัดไม้มาล้อมรั้วให้เจ้า ” เจี้ยนป๋อบอกกับลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นตากับลุงใหญ่ของเจ้าจะไปช่วยด้วย ช่วยกันหลายคนจะได้เสร็จเร็ว ๆ อาเซียวระหว่างนี้เจ้าไปตัดไม้ไผ่เอามาไว้ก่อน อีกสองวันพ่อกับลุงของเจ้าพร้อมด้วยท่านตาจะไปช่วยล้อมรั้ว”
“ขอรับท่านพ่อตา”
“เอาล่ะไหน ๆ พวกเจ้าก็มากันแล้วอยู่กินมื้อกลางวันกันก่อนก็แล้วกันอย่าเพิ่งกลับ” นางเหมยชิง
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่จะขึ้นเขาไปตัดไม้ไผ่ ข้าเองจะพาน้องชายน้องสาวขึ้นเขาไปกับท่านพี่ด้วยเผื่อจะได้อะไรติดไม้ติดมือมาด้วย เอาไว้วันที่ไปช่วยล้อมรั้วเราค่อยกินข้าวด้วยกันทั้งครอบครัวนะเจ้าคะท่านแม่”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ลูก ยังไงเสียพวกเราก็ไปช่วยลูกอยู่แล้ว”
“เจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นลูกกลับก่อนนะเจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่ ท่านตาท่านยาย รักษาสุขภาพด้วย น้องรองน้องเล็กดูแลตัวเองด้วย”
“ขอรับพี่ใหญ่”
หลังจากลูกเขยและลูกสาวกลับไปแล้ว สองสามีภรรยาก็กลับลงไปทำงานที่แปลงนาเช่นเดิม และนางเหมยชิงได้บอกพี่ชายกับพี่สะใภ้ถึงเรื่องที่ลูกสาวมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งทั้งสองคนก็เต็มใจไปช่วยหลานสาวกับหลานเขย
อวิ๋นเซียวเดินเคียงข้างภรรยาและน้องชายน้องสาวกลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็เตรียมของขึ้นเขาทันที โดยอวิ๋นเซียวจะไปตัดไม้ไผ่ที่ป่าไผ่ ส่วนจื้อโหยวและเด็กทั้งสองจะไปหาของป่า นางมั่นใจว่าจะต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง
นางตั้งใจว่าจะเก็บทุกอย่างที่กินได้กลับมาให้หมด นางถือคติที่ว่ามีกินดีกว่าไม่มีเป็นไหน ๆ เหลือดีกว่าขาด นางไม่ได้ตะกละเพียงแต่โลกใบนี้นางไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย คงต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อความอยู่รอด นางจะไม่ยอมตายรอบสองเป็นอันขาด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย