พอวิกฤตฉุกเฉินถูกคลี่คลายลงไปแล้ว การประชุมจบลง ฟางยู่เชินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกทันที
ในเวลานี้ เขาคิดว่าแผ่นหลังของเขาคงจะเปียกไปด้วยเหงื่อ
“ยู่เชิน” ท่านหยางเดินเข้ามาหาเขา
เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ปู่หยาง ขอบคุณมากนะครับที่สนับสนุนผมมาตลอดแบบนี้”
“เจ้าเด็กบ้านี่ ถ้าผมไม่สนับสนุนคุณ แล้วผมจะสนับสนุนใคร ผมไม่ต้องการให้คุณปู่ของคุณตื่นขึ้นมาแล้วเกลียดเพื่อนเก่าอย่างผมหรอกนะ”
พอพูดแบบนี้ ท่านหยางจึงถอนหายใจอย่างแรง “ถ้าปู่ของคุณรู้ว่าอี้หมิงทำเรื่องแบบนี้ เขาจะต้องเสียใจและโกรธมากอย่างแน่นอน”
เขาเฝ้าดูเด็กทุกคนในตระกูลฟางเติบโตขึ้นมากับตา นอกจากฟางยู่เชินแล้ว อีกสามคนต่างเสียนิสัยไปจนหมด
“ปู่หยาง พี่ใหญ่คงจะเลอะเลือนไปนิดหน่อยครับ” ไม่ว่ายังไง ฟางยู่เชินก็ยังพูดแก้ตัวแทนฟางอี้หมิง
ท่านหยางหัวเราะเบา ๆ “เอาเถอะ ไม่ต้องพูดแก้ตัวแทนเขา ผมแก่แล้ว แต่ผมก็ไม่แก่ถึงขนาดที่จะมองคนผิดหรอกนะ”
ฟางยู่เชินเม้มปากและไม่พูดอะไรอีก
“หลานนี่นะ ในสามวันนี้รีบไปตรวจสอบความจริงมาให้ได้ อธิบายกับกรรมการให้เข้าใจ รู้ไหม”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ผมทราบครับ”
“อย่าทำให้ผมและทุกคนผิดหวัง”
ท่านหยางตบไหล่เขาแรงๆ แล้วเดินออกไปพร้อมกับถอนหายใจ
ฟางยู่เชินยืนอยู่ที่เดิม และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้มันไม่ใช่ว่าเขาอยากจะตรวจสอบให้ชัดเจนก็จะสอบสวนให้ชัดเจนได้แล้ว
…
เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับจานผลไม้ พอเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าหน้าต่าง จึงเดินเข้าไปช้าๆ แล้ววางผลไม้ลงบนโต๊ะอย่างเบามือ
“อืม คุณให้ตำรวจสืบสวนต่อได้แล้ว ทางด้านฟางอี้หมิง คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
เดิมที เธอตั้งใจจะออกไปหลังจากวางผลไม้ลงแล้ว แต่พอเธอได้ยินบทสนทนานี้ เธอรีบหยุดเดิน แล้วหันไปมองทางจิ้นเฟิงเฉิน
พอเห็นจิ้นเฟิงเฉินกดวางสาย แล้วหันกลับมา สบตาเข้ากับสายตาที่ประหลาดใจของเธอ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณกำลังพูดกับพี่ชายฉันอยู่เหรอคะ” เจียงสื้อสื้อเอ่ยถาม
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้ารับ “ใช่ครับ”
เจียงสื้อสื้อนิ่งคิดอยู่สักพัก ถึงได้นึกขึ้นได้ “ถึงกำหนดแล้วอย่างนั้นเหรอคะ”
“อืม ถึงแล้ว”
“แล้ว...พี่เขาเป็นยังไงบ้างคะ คณะกรรมการในบอร์ดบริหารทำให้เขาลำบากใจหรือเปล่าคะ” เจียงสื้อสื้อกังวลใจ เธอกลัวว่าฟางยู่เชินจะต้องยอมเสียบริษัทไปเพราะเรื่องของเธอ
จิ้นเฟิงเฉินเดินไปหาเธอ และพูดอย่างอ่อนโยน “คุณไม่ต้องร้อนใจ ถูกทำให้ลำบากใจต้องมีบ้างอยู่แล้ว แต่เพราะมีการสนับสนุนของท่านหยาง พวกคณะกรรมการจึงให้เวลาเขาอีกสามวัน
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนี้ จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที “งั้นก็ดีแล้วค่ะ”
แต่วินาทีต่อมาก็ต้องกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง “ให้เวลาอีกสามวัน ก็ไม่มีประโยชน์เลยนี่คะ ตอนนี้คุณต้องการความช่วยเหลือจาก ฟางอี้หมิงอยู่ จะทำอะไรกับฟางอี้หมิงก็ไม่ได้”
“ใครบอกว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากฟางอี้หมิงอีก” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “คุณไม่ได้บอกว่าอยากให้เขาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสจาก SAกรุ๊ปเหรอคะ”
“ก็ตามนั้นครับ” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้ารับ “แต่นี่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่เป็นเขาที่ถามข้อมูลอะไรจากพิเอร์สไม่ได้เลย”
ฟางอี้หมิงติดต่อไปหาพิเอร์สตามคำสั่งของเขา แต่พิเอร์สระวังตัวเป็นอย่างมาก ฟางอี้หมิงไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับไวรัสจากปากของพิเอร์สเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฟางอี้หมิงไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาร้องขอสำเร็จ
“ตอนนี้พี่ชายของฉันสามารถสืบเรื่องของฟางอี้หมิงต่อได้แล้วใช่ไหมคะ” เจียงสื้อสื้อถามอย่างไม่แน่ใจ
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ถูกต้องครับ สามวันหลังจากนี้ ผมเชื่อว่าฟางยู่เชินจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจกับคณะกรรมการได้”
ในเวลานี้ เจียงสื้อสื้อรู้สึกโล่งใจมาก “ถ้าหากเป็นแบบนี้ได้จริงๆ ก็จะดีที่สุดเลยค่ะ”
“ตัดคำว่าถ้าหากออกไปได้เลยครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!