ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 1041

เห้อซูหานทำตามคำสั่งของจิ้นเฟิงเฉิน นำคนของตัวเองไปจัดวางรักษาการอยู่ละแวกใกล้ๆ กับสถาบันวิจัยหลายแห่งของเบอร์แกน

พวกเขากำลังหาเวลาที่เหมาะสมที่จะบุกเข้าไป

ครั้งนี้จำเป็นจะต้องเอาผลการวิจัยไวรัสฉบับล่าสุดออกมาให้ได้

หลังจากสังเกตมาหลายวัน คนของเห้อซูหานก็สังเกตพบสิ่งผิดปกติ

“คุณเห้อครับ ผมสังเกตพบว่าศาสตราจารย์คูรี่คนนั้นไม่ได้เข้าหรือออกจากสถาบันวิจัยเหล่านี้เลยครับ จะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่ได้อยู่ในสถาบันวิจัยเหล่านี้?”

“พวกนายแน่ใจนะว่าไม่เห็นตัวคนเลย?” เห้อซูหานถาม

“แน่ใจครับ พวกเราจับตาดูสถาบันวิจัยทุกแห่งอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แม้แต่แมลงวันบินเข้าไปเมื่อไหร่ยังรู้เลยครับ”

เห้อซูหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พวกนายจับตาดูต่อไป ฉันจะรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้คุณชายรับทราบก่อน ดูว่าเขาจะว่ายังไงบ้าง”

“ครับ” ลูกน้องรีบเดินออกไป

เห้อซูหานขมวดคิ้วแน่น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกหาจิ้นเฟิงเฉิน

ทางด้านจิ้นเฟิงเฉินเพิ่งจะมาถึงเมืองจิ่น กลับมาที่บ้านตระกูลจิ้น

เมื่อเห็นหมายเลขที่โทรเข้ามาปรากฏบนหน้าจอ เขาก็รับสายทันที “ซูหาน”

เสียงเคร่งขรึมของจิ้นเฟิงเฉินดังสะท้อนกลับมา เห้อซูหานรีบรายงานสถานการณ์ให้เขาฟัง

“คุณชาย พวกเราพบว่าศาสตราจารย์คูรี่ไม่ได้ปรากฏตัวที่สถาบันวิจัยเหล่านี้เลยครับ”

ศาสตราจารย์คูรี่เป็นบุคลากรแกนหลักของทีมวิจัยของเบอร์เกน เขามีหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการวิจัยไวรัส ตลอดจนยาทำลายไวรัส

“ยังมีสถาบันวิจัยอื่นอีกไหม?” จิ้นเฟิงเฉินถาม

“ตอนนี้ยังไม่พบครับ แต่ก็ไม่สามารถตัดทิ้งได้เลยเสียทีเดียว” เห้อซูหานตอบตามความจริง

จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ถ้าอย่างนั้นก็สืบต่อไป ตอนนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไร เลี่ยงอย่างแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

“ถ้ามีเรื่องอะไรรีบบอกฉันให้เร็วที่สุด”

“ครับ”

จิ้นเฟิงเฉินวางสายโทรศัพท์ จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด

ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยแอบเข้าไปในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งของเบอร์เกน แต่ก็ได้มาเพียงผลการวิจัยโครงสร้างของไวรัสเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ดังนั้น เนื้อหาการวิจัยของแต่ละสถาบันวิจัยคงจะแตกต่างกัน

และศาสตราจารย์คูรี่มีหน้าที่รับผิดชอบค้นคว้ายาต้านไวรัส

นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

สันนิษฐานว่าเบอร์เกนคงได้เตรียมการป้องกันทั้งหมดเอาไว้นานแล้ว

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ จู่ๆ จิ้นเฟิงเฉินก็นึกถึงฝู้จิงเหวินขึ้นมา

ผู้ชายคนนั้นเพื่อสื้อสื้อแล้ว เขาลงทุนเข้าร่วมทีมวิจัยของเบอร์เกนด้วยตัวเอง แต่ผ่านมานานขนาดนี้แล้วก็ไม่ได้ติดต่อมาหาสื้อสื้ออีกเลย คงจะยังไม่พบผลลัพธ์อะไรเลย

จิ้นเฟิงเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันตัวเดินออกจากห้องหนังสือไป

เมื่อแม่จิ้นที่เล่นอยู่กับเด็กๆ ในห้องรับแขกเห็นจิ้นเฟิงเฉินเดินลงมาชั้นล่าง จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เฟิงเฉิน ลูกจะออกไปข้างนอกเหรอ?”

“แด๊ดดี้!”

ทันทีที่เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนทั้งสองคนเห็นเขา ก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างมีดีอกดีใจ

“แด๊ดดี้กลับบ้านแล้ว แล้วหม่ามี๊ล่ะ?” เถียนเถียนกอดขาเขาไว้ เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงเยาว์วัย

จิ้นเฟิงเฉินย่อตัวลง พูดตอบเสียงอ่อน “หม่ามี๊ยังอยู่กับคุณยายอยู่ อีกสามสี่วันถึงจะกลับมา”

“อ้อ” เถียนเถียนทำปากจู๋ขึ้นมาอย่างผิดหวัง

จิ้นเฟิงเฉินลูบศีรษะของเธอยิ้มๆ แล้วพูดกับเสี่ยวเป่าว่า “พาน้องไปเล่นไป”

“ครับ”

เสี่ยวเป่าพาเถียนเถียนออกไปเล่นอย่างเชื่อฟัง

แม่จิ้นเดินเข้ามาหา เมื่อเห็นความอ่อนล้าบนใบหน้าของเขา ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันพลางเอ่ยถามอย่างปวดใจ “ทำไมไม่พักผ่อนอีกสักหน่อยล่ะ?”

“มีเรื่องที่บริษัทครับ” เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความกังวล พลางพูดปลอบโยนเธอเสียงแผ่ว “แม่ ผมไม่เป็นไรครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดินทางระวังๆ นะ” แม่จิ้นรู้ดีว่าเขาจริงจังกับการงานของเขามาก จึงไม่ได้รั้งเขาต่อ

จิ้นเฟิงเฉินตอบ ‘ครับ’ รับคำแล้วเดินออกประตูไปทันที

เมื่อเขามาถึงที่จิ้นกรุ๊ป เขาก็ตรงไปที่ห้องทำงานของจิ้นเฟิงเหราทันที

“พี่ ทำไมถึงกลับมากะทันหันแบบนี้ล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!