หลังจากทานไปได้กว่าครึ่ง ซ่างกวนหยวนก็วางตะเกียบลง หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นเช็กมุมปากอย่างสง่าผ่าเผย
เหลือบตาขึ้นมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ยู่เชิน นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าคุณท่านจิ้นไปทำอะไรที่อิตาลี?”
มือของฟางยู่เชินชะงักไปเล็กน้อย เขากลืนอาหารในปากลงไป เงยหน้าขึ้น ฉีกยิ้ม “เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่รู้ อีกอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉันไม่สะดวกจะถามมากขนาดนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นนาย…” ซ่างกวนหยวนลังเลเล็กน้อย “นายช่วยถามให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางยู่เชินถูกแช่แข็งในทันที ภายในใจรู้สึกอึดอัดเอามากๆ
เธอเห็นเขาเป็นอะไรกันแน่?
หรือเธอแค่อยากจะรู้ข่าวคราวของจิ้นเฟิงเฉินจากเขาก็เท่านั้น?
เมื่อเห็นสีหน้าของฟางยู่เชินแปลกไป ซ่างกวนหยวนถึงตระหนักได้ว่าตัวเองทำเกินไปแล้ว เธอยิ้มออกมาอย่างเก้ๆ กังๆ “ขอโทษนะ ฉันไม่ควร…”
“ไม่เป็นไร” ฟางยู่เชินขัดจังหวะคำพูดเธอ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ “หยวนหยวน ฉันเป็นพี่ชายของสื้อสื้อ ฉันไม่สามารถทำเรื่องที่ทำร้ายจิตใจของหล่อนได้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะสามารถปล่อยวางความรักที่เป็นไปไม่ได้ครั้งนี้ลงได้ แบบนี้ต่างเป็นผลดีทั้งกับเธอ กับสื้อสื้อ แล้วก็จิ้นเฟิงเฉิน”
ซ่างกวนหยวนตัวแข็ง ไม่พูดอะไร
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ และฉันก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปวาดมือวาดเท้า แต่ฉันไม่อยากให้เธอดื้อรั้นแบบนี้ต่อไป แบบนี้คนที่ต้องทรมานก็คือตัวของเธอเอง” ฟางยู่เชินมองเธออย่างปวดใจ
ซ่างกวนหยวนหยิบน้ำผลไม้บนโต๊ะขึ้นดื่ม พลางยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าสามารถปล่อยวางได้จริง ใครจะไม่วางปล่อย แต่ว่า…”
เธอเหลือบตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนยุ่งเหยิง “ฉันปล่อยวางไม่ได้ ขอโทษนะ”
นี่ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้แล้วเช่นกัน
ฟางยู่เชินถอนหายใจ “เธอไม่ต้องพูดขอโทษกับฉันหรอก นี่มันเป็นเรื่องของตัวเธอเอง ฉันไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง”
สุดท้าย เขารู้สึกผิดหวังมากจริงๆ
เดิมคิดว่าเธอจะเป็นคนที่มีเหตุมีผล มีหลักการที่ยึดถือมาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย กลับกันยังดูดื้อรั้นอยู่เล็กน้อยด้วย
เมื่อได้ยินความผิดหวังในน้ำเสียงของเขา จู่ๆ ภายในใจของซ่างกวนหยวนก็รู้สึกอัดอั้นขึ้นมากะทันหัน ราวกับถูกหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ยังไงอย่างนั้น
บรรยากาศกลับกลายเป็นตึงเครียด
หลังจากนั้นสักพัก ฟางยู่เชินก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ทานอาหารเถอะ”
ซ่างกวนหยวนมองเขา ริมฝีปากขยับเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่เหลือต่อไป
…
ฟางยู่เชินและซ่างกวนหยวนเดินออกจากร้านอาหารด้วยกัน
“เธอจะกลับไปที่บริษัทหรือว่าสถาบันวิจัย?” ฟางยู่เชินหันมองไปที่ซ่างกวนหยวน
“สถาบันวิจัย”
การทดลองของเธอเพิ่งผ่านไปได้เพียงครึ่งทาง และต้องทำให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เธอยังมีเรื่องอื่นอีก
“ถ้าอย่างนั้นขับรถระวังนะ”
ฟางยู่เชินยิ้มให้เธอ มองส่งเธอเดินไปที่รถ จนกระทั่งรถของเธอขับห่างออกไปไกล เขาถึงได้เบือนสายตากลับ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม ฉีกรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองปรากฏขึ้นที่มุมปาก
เกลี้ยกล่อมให้คนอื่นปล่อยวาง อันที่จริงเขาต่างหากที่ควรจะปล่อยวาง
เสียงถอนหายใจผ่อนออกมา เขาก้าวเท้าเดินไปที่รถ
ทันใดนั้น เสียงที่ทำให้ประหลาดใจก็ดังสะท้อนมาจากด้านหลังของเขา
“พี่คะ”
เขาชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองเห็นเจียงสื้อสื้อกำลังวิ่งเข้ามาหาเขา
เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเขา พลางพูดยิ้มๆ “ฉันออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนน้าสะใภ้เล็กค่ะ แล้วก็บังเอิญเห็นพี่เข้าพอดีเลย”
แม่ของเขาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?!
ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้น ถึงเห็นคุณแม่กำลังเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
“ทำไมพวกเธอถึงมาเดินเล่นกันแถวนี้ล่ะ?”
แถวนี้ไม่มีห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ พวกเขาอยากจะเดินช้อปอะไร?
“ก็แถวนี้อยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาล ทานอาหารเที่ยงเสร็จ น้าสะใภ้เล็กก็บอกว่าอยากจะออกมาเดินเล่น ฉันก็เลยออกมาเป็นเพื่อน” เจียงสื้อสื้อพูดอธิบาย
ซ่างหยิงเดินเข้ามาใกล้ ฟางยู่เชินก็เอ่ยถาม “แม่ แม่ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรหรอกใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นจะเดินเล่นมาถึงที่นี่ได้ยังไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!