เสียงของท่านหยางก็ได้ดึงสติของฟางยู่เชินกลับมา เขามองไปทางฟางเฉิงที่ได้คุกเข่าต่อหน้าตนสักพัก คิ้วก็ได้ขมวดแน่น พูดเสียงเข้มว่า “ส้งหยาว!”
ส้งหยาวได้ยิน ก็ได้รีบลากตัวฟางเฉิงขึ้นมา
แต่ว่าให้ตายยังไงฟางเฉิงก็ไม่ลุก “ยู่เชิน เป็นความผิดของฉันคนเดียว นายจะโทษก็โทษฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอี้หมิง”
ฟางยู่เชินก็เข้าใจทันที เขาคิดที่จะแบกรับความผิดแทนฟางอี้หมิง
“คุณลุงครับ ผมเป็นรุ่นหลานของท่าน คุณลุงคุกเข่าต่อหน้าผมแบบนี้ มันบาปมากนะครับ” เขามองหน้าฟางเฉิงดูสีหน้าไร้ความรู้สึก
สีหน้าของฟางเฉิงก็ได้รน รีบส่ายหน้า “ยู่เชิน ฉันไม่ได้มีความคิดแบบนั้น”
“พ่อครับ พ่อลุกขึ้นก่อน ผมเชื่อว่ายู่เชินเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่มีทางที่จะกล่าวหาคนผิดแน่”
คำพูดของฟางอี้หมิงฟังแล้วรู้สึกน่าขำมากๆ
ฟางยู่เชินก็ได้ขำออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่ในขำนั้นกลับเต็มไปด้วยสายตาที่เย็นชา “พี่ชาย พี่กับคุณลุงนี่จะแสดงละครฉากไหนครับ ผมทำไมดูไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?”
“ยู่เชิน ขอโทษ” ใบหน้าของฟางอี้หมิงก็ได้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉันไม่รู้ว่าพ่อจะทำเรื่องแบบนั้นออกมา ถ้าเกิดรู้ล่ะก็ ฉันต้องห้ามเขาแน่นอน”
ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว มองเขาเงียบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
“อี้หมิง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? นายพูดออกมาให้ชัดเจนสิ!” คนที่พูดนั้นเป็นผู้บริหารที่ยืนอยู่ฝั่งฟางอี้หมิง น้ำเสียงของเขาได้ร้อนรนมาก
ฟางอี้หมิงมองฟางยู่เชิน ก็ได้ยิ้มอ่อน “ยู่เชิน อนุญาตให้ฉันเล่าเรื่องราวความจริงทั้งหมดให้พวกผู้บริหารฟังไหม?”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ได้ พี่พูด”
เขานั้นถึงขั้นได้ขยับไปข้างๆ กี่ก้าว หลีกที่ให้ฟางอี้หมิง
ที่ตกลง ก็เพราะอยากจะดูว่าฟางอี้หมิงจะโยนความผิดยังไง
เป็นไปอย่างที่คิด ฟางอี้หมิงก็ได้โยนความผิดทั้งหมดไปที่พ่อของเขา และตัวเขา กลับไม่รู้อะไรเลยทั้งนั้น ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความละอายใจ
ไม่ไปเป็นนักแสดง น่าเสียดายจริงๆ
พวกผู้บริหารก็ได้พูดคุยไม่หยุด พวกเขานั้นไม่รู้ว่าระหว่างฟางยู่เชินกับฟางอี้หมิงสองคนนี้ คำพูดของใครกันแน่คือความจริง
“ยู่เชิน เธอมีอะไรจะพูดไหม?” ท่านหยางก็ได้เปิดปากถาม
ฟางยู่เชินก็ได้มองไปยังคนที่นั่งรอบๆ มุมปากชี้ขึ้น “ผมก็แค่อยากจะพูดว่า เรื่องที่ผมได้สืบมาทั้งหมดเป็นความจริง ตั้งแต่การหายของวัสดุยาถึงไฟไหม้โกดัง แล้วก็ยังเรื่องการร่วมงานของSAกรุ๊ป ผมไม่เชื่อว่ารองประธานฟางฟางอี้หมิงจะไม่รู้อะไรเลย”
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”
ฟางยู่เชินหันไป สบตากับฟางอี้หมิง
เวลานี้ ฟางเฉิงก็ได้โวยวาย “อี้หมิงเขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันเป็นคนที่แอบทำลับๆ คนเดียวทั้งหมด หลายปีมานี้ คุณท่านลำเอียงมาโดยตลอด ฉันรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม! รู้สึกไม่ยุติธรรมที่คุณท่านเอาฟางซื่อกรุ๊ปยกให้ยู่เชิน!
ฉันคิดแล้วคิดอีก คิดวิธีนี้มาขัดขวางยู่เชิน ให้พวกคุณคิดว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะบริหารฟางซื่อกรุ๊ปให้ดี ขอโทษ ขอโทษ เป็นความไม่คิดรอบคอบของฉันชั่วขณะทั้งหมด......”
ฟางเฉิงก็ได้รู้สึกผิดมากๆ เห็นท่าทางแบบนั้นเหมือนว่าไม่ได้เสแสร้ง พวกผู้บริหารก็ได้เริ่มเชื่อเขา
“คุณลุง ถ้าเกิดคุณลุงมีความคิดแบบนี้ หลายปีมานี้คุณน่าจะได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงแล้ว” ฟางยู่เชินก็ได้พูดประชด
ที่พวกเขาทำแบบนี้ ก็เพราะเพื่อที่จะปกป้องฟางอี้หมิง แต่ว่าเขาไม่มีทางที่จะปล่อยไปตามดั่งใจพวกเขา
“ยู่เชิน เป็นความผิดของฉันจริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับอี้หมิงเลยสักนิด” ฟางเฉิงก็ยังยืนยัน
“พ่อครับ พ่อหยุดพูดเถอะครับ ไหนๆ ยู่เชินคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับผม งั้นผมก็ไม่มีทางที่จะหนีความผิด บริษัทอยากจะจัดการผมยังไงก็จัดการเถอะ”
ฟางอี้หมิงก็ไม่ได้แก้ตัวให้ตัวเอง ทำให้พวกผู้บริหารยิ่งยอมที่จะเชื่อเขา
“ยู่เชิน สิ่งที่นายตรวจสอบมานั้นมันผิดหรือเปล่า?” มีผู้บริหารได้ถามออกไป
“ไม่ครับ” ฟางยู่เชินก็ได้พูดออกไปอย่างหนักแน่น
“งั้นที่พวกเขาพูดนั้นมันหมายความว่าอะไรอีกกันแน่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!