ไม่รอให้งานวันเกิดจบลง จิ้นเฟิงเฉินกับชีซาก็ได้กลับไปก่อน
“มีคนตามครับ”
เห้อซูหานได้มองกระจกหลัง สีหน้าหวาดหวั่น
“สะบัดพวกมันได้หลุด” ชีซาหันหลังไปมองหลังรถ มีรถตามหลังอยู่จริงด้วย
เธอก็บ่นอย่างทนไม่ได้ “เบอร์เกนคนนี้ขี้สงสัยไปแล้วหรือเปล่า ถึงขั้นส่งคนมาตามพวกเรา”
เธอนั้นดูถูกพวกผู้ชายที่ขี้สงสัยแบบนี้มาตลอด
เพราะว่าก่อนหน้าเคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน จิ้นเฟิงเฉินก็ได้หลับตาพักผ่อนไปอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา
เห็นแบบนั้น ชีซาก็ได้ทนไม่ได้จนเอาศอกไปกระทุ้งเขาเบาๆ “นี่ จิ้นเฟิงเฉิน นายไม่กลัวว่าจะถูกเบอร์เกนรู้ว่านายเป็นจิ้นเฟิงเฉินเหรอ?”
“ถ้าฉันกลัว ก็ไม่ไปเจอเขาแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินลืมตา สายตาได้เต็มไปด้วยความเย็นชา มุมปากก็ได้มีความเยาะเย้ยเล็กน้อย
สำหรับเขาแล้ว เบอร์เกนก็เป็นแค่คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อคนหนึ่ง ไม่มีความหวาดกลัว
“ก็จริง” ชีซาเบะปาก “งั้นครั้งนี้นายได้อะไรมาไหม?”
“อืม”
“อะไรเหรอ?” ชีซาสงสัยเอามากๆ
“ไม่กี่วันนี้จับตามองสถาบันวิจัยพวกนั้นดีๆ”
เขาไม่ตอบคำตอบของตนก็ช่างแล้ว ยังมาสั่งงานเธออีก
ชีซาก็ได้ไม่พอใจเลยทันที “จิ้นเฟิงเฉิน ฉันไม่ใช่ลูกน้องนายนะ อย่ามาสั่งงานฉัน”
“ยาที่รักษาไวรัสนั้นเป็นไปได้ว่าได้วิจัยออกมาได้แล้ว” จิ้นเฟิงเฉินพูด
ชีซาได้ยิน สายตาก็เป็นประกาย “ที่นายพูดจริงเหรอ งั้นก็หมายความว่าเมียของนายมีทางช่วยแล้ว?”
“แค่ความเป็นไปได้ แต่ยังไม่แน่ใจ”
นี่ก็แค่การคาดเดาของเขา
ยาใหม่ที่เบอร์เกนพูดออกมาในคืนนี้อาจจะไม่ใช่ยาที่รักษาไวรัส
แต่ขอแค่มีความเป็นไปได้แม้เพียงเล็กน้อย เขาไม่มีทางที่จะปล่อยมันไป
รู้ว่าตอนนี้เขาอยากจะช่วยเจียงสื้อสื้อให้เร็วที่สุด ชีซาก็ไม่ได้ถือสาอะไรเขา ก็ได้ตอบตกลงไปอย่างเร็ว “ได้ ฉันจะให้คนไปจับตามองดู เกิดอะไรขึ้นก็จะรีบบอกนาย”
“ขอบใจ”
ได้ยินเขาพูดขอบคุณ ชีซาก็ได้เลิกคิ้ว “คำพูดขอบคุณนั้นไม่จำเป็น ฉันก็แค่หวังว่าต่อไปนายจะหาเรื่องให้ฉันน้อยลงหน่อยก็พอ”
เห้อซูหานที่ขับรถได้ยินแบบนี้เข้า ก็อดขำออกมาไม่ได้
“นายขำอะไร?” ชีซาถามอย่างไม่เข้าใจ
“เปล่า......ไม่ได้ขำอะไรครับ”
“ฉันบอกนายเลยนะ คุณชายของนายเป็นนักหาเรื่อง ทุกครั้งที่เขามาที่อิตาลีไม่มีเรื่องดีแน่ ฉันนี่กลายเป็นพนักงานทำงานฟรีให้เขาเรียบร้อย”
ต่อให้จิ้นเฟิงเฉินอยู่ข้างๆ ชีซาก็ยังบ่นได้อย่างเมามัน
เห้อซูหานอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะ ทำได้แค่กลั้นขำ
“อย่ารบกวนซูหาน ข้างหลังยังมีรถตามอยู่” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดออกมาเรียบๆ
“คุณชาย คุณวางใจเถอะครับ ไม่นานผมต้องสะบัดพวกมันหลุดแน่”
เห้อซูหานสีหน้าจริงจัง สายตาก็ได้มองกระจกหลัง รถคันนั้นก็ได้ตามพวกเขาติดๆ อยากจะสะบัดให้หลุด ยังต้องใช้เวลาสักหน่อย
“คุณชาย คุณชีซา นั่งดีๆ นะครับ”
พอพูดจบ เห้อซูหานก็ได้เหยียบคันเร่ง เบนท์ลีย์สีดำก็ได้วิ่งบนทางหลวงอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เบนท์ลีย์สีดำก็ได้จอดที่โรงแรมอย่างนิ่ม
พอจอดลง ชีซาก็ได้รีบเปิดประตูลงจากรถ เดินไปข้างทางแล้วก็อ้วกออกมา
เห้อซูหานก็ได้รีบลงจากรถเดินเข้าไป “คุณชีซา คุณไม่เป็นอะไรนะครับ?”
“ฉันไม่เป็นไร ก็แค่เวียนหัวนิดหน่อย” ชีซาก็ได้ลุกขึ้น ยกมือขึ้นมานวดที่ขมับที่เจ็บของตน ก็ได้ยิ้มให้เขา “นาย......ขับรถได้ดีมาก”
“ขอโทษครับ ทำให้คุณไม่สบายตัวแล้ว” เห้อซูหานมองเธออย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ขอแค่สะบัดรถคันนั้นออก ฉันไม่สบายตัวนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร”
ชีซามองไปยังจิ้นเฟิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างรถ เดินเข้าไป “ฉันขอตัวกลับก่อน มีเรื่องอะไรอีกค่อยติดต่อกัน”
“ให้ซูหานไปส่งเธอ” จิ้นเฟิงเฉินพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!