คำพูดของศาสตราจารย์คูรี่ทำให้ฝู้จิงเหวินรู้สึกแย่มาก
เขาหัวเราะเบา ๆ "ศาสตราจารย์คูรี่นั้นขี้ระแวงมากเลยนะครับ ควรเรียนรู้จากคุณให้มากๆเลย"
ขอแค่เป็นคน ได้ยินถ้อยคำนี้ก็ต้องรับรู้ได้ถึงการประชดที่แฝงอยู่ในนั้น
แต่ศาสตราจารย์คูรี่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก "สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก"
จากนั้นเขาก็ตอบเบอร์เกนไปว่า "ผมยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำ ผมขอกลับไปที่ห้องทดลองก่อนนะครับ"
เบอร์เกนพยักหน้า “ไปเถอะครับ”
รอจนศาสตราจารย์คูรี่จากไป เบอร์เกนถึงได้มองไปที่ฝู้จิงเหวิน เมื่อเห็นว่าเขากำลังทำหน้าไม่พอใจ จึงได้ยักคิ้ว "ฝู้คุณไม่ต้องไปสนใจคำพูดของคูรี่มากนักหรอก เขาก็เป็นแบบนี้แหละ"
“ผมไม่สนหรอกครับ” ฝู้จิงเหวินขยับมุมปากของเขา
เบอร์เกนยิ้มออกมา “การแสดงออกของคุณมันบอกผมว่าคุณใส่ใจมาก”
“สิ่งที่ฉันสนใจคือไม่ได้รับความไว้วางใจครับ”
ฝู้จิงเหวินจ้องเขม็งมาที่เขา
“ผมก็เชื่อใจคุณมากไม่ใช่เหรอครับ?” เบอร์เกนถามเขากลับ
“ถึงคุณเชื่อใจผม แต่ศาสตราจารย์คูรี่เขาไม่เชื่อใจผม ผมอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังระแวงผมอยู่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของฝู้จิงเหวินก็ดูแย่ไปทันที
“ในเมื่อไม่ไว้ใจผม หรือผมจะถอยดี คุณเบอร์เกน คุณคิดว่าไงครับ?”
“คุณบ้ารึเปล่า?” ข่ายสื้อลินกระตุกแขนเสื้อของเขา แล้วพูดเบาๆที่ข้างหูเขา “นี่คุณกำลังข่มขู่คุณเบอร์เกนอยู่นะ คุณรู้รึเปล่า?”
ฝู้จิงเหวินยิ้มออกมาทันที "ใช่ ข่ายสื้อลินพูดถูก ผมกำลังข่มขู่คุณเบอร์เกนอยู่"
เขาจ้องตากับเบอร์เกนอย่างไม่สะทกสะท้าน
เบอร์เกนทำหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่าเขากำลังโกรธหรือดีใจ
แต่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศกำลังตึงเครียดขึ้นมา
ข่ายสื้อลินกลัวว่าเบอร์เกนจะโกรธ พอถึงตอนนั้นฝู้จิงเหวินก็จะซวยเอาได้
ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างระมัดระวังว่า "คุณเบอร์เกนคะ ฝู้แค่พูดออกมาเพราะความใจร้อนเท่านั้น คุณอย่าถือสาเขาเลยนะคะ"
“ผมไม่ได้พูดไปเพราะใจร้อน แต่ผมพูดมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ”
ข่ายสื้อลินเกือบเป็นลมจากคำพูดของฝู้จิงเหวิน เธอตำหนิเบาๆ "คุณหุบปากไปเลย!"
แต่ฝู้จิงเหวินกลับเพิกเฉยใส่เธอ เขาพูดไปว่า"ถ้าไม่มีที่นี่ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการด้านการวิจัยของผมได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็เต็มใจที่จะถอยออกไป ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ความสามารถของผมต้องสูญเปล่าไปโดยใช่เหตุ"
“ฝู้ขอร้องล่ะ อย่าพูดต่อเลย ตกลงมั้ย? คุณเบอร์เกนเชื่อมั่นในความสามารถทางสายงานของคุณอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะให้คุณเข้าร่วมได้ยังไง?” น้ำเสียงของแฝงไปด้วยความอ้อนวอนโดยไม่รู้ตัว
เธอกลัวจริงๆ ว่าเบอร์เกนจะโกรธจนทำให้เขารู้ลำบากไปเลย
“คุณคิดแบบนั้นจริงๆเหรอครับ?” ในที่สุดเบอร์เกนพูดออกมา แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาอยู่ดี
“ใช่ครับ” ฝู้จิงเหวินพยักหน้า
เขากำลังเดิมพัน
เดิมพันว่าเบอร์เกนให้ความสำคัญกับเขาจริงๆรึเปล่า
เบอร์เกนพยักหน้า “ดูเหมือนว่าคุณต้องการเข้าร่วมการวิจัยของศาสตราจารย์คูรี่จริงๆสินะ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้”
“ทำไมครับ?” ฝู้จิงเหวินถาม
"ศาสตราจารย์คูรี่มีความคิดเป็นของตัวเอง ผมไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ แต่คุณสามารถพยายามจนทำให้ได้รับความไว้วางใจจากเขาได้ แทนที่จะยอมแพ้แบบนี้"
ข่ายสื้อลินมองเบอร์เกนอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ไม่เหมือนสิ่งที่เขาควรจะพูดเลย!
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้” เบอร์เกนตบไหล่ของฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเเหวินเป็นคนฉลาด รู้ว่าว่าควรทำอะไร เขาหลับตาแล้วพยักหน้า "ตกลง ผมรู้แล้วครับว่าต้องทำยังไง"
เบอร์เกนยิ้มออกมา “ต้องแบบนี้สิ นี่ถึงจะเป็นฝู้จิงเหวินที่ผมรู้จัก”
เขามองไปที่ข่ายสื้อลิน "ลิน ต้องช่วยเขาเยอะๆ เข้าใจมั้ยครับ?"
“ค่ะ” ข่ายสื้อลินตอบอย่างสุภาพ
“ไม่มีอะไรแล้วครับ ผมขอตัวก่อน”
เบอร์เกนมองดูพวกเขา แล้วหันกลับไป
ทันทีที่เขาหันกลับมา สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลงทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะการทดลองกับมนุษย์ของศาสตราจารย์คูรี่ที่จะมีขึ้นภายหลังที่ต้องการคนช่วย เขาก็ไม่มีทางเก็บฝู้จิงเหวินไว้แน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!