"พูดได้ดี"
เบอร์เกนเดินเข้ามาพร้อมกับปรบมือไปด้วย
ชาร์สรีบเก็บท่าทางที่เย่อหยิ่งจองหองของเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่ขี้ประจบออกมา "คุณเบอร์เกน คุณมาแล้วเหรอครับ"
“ใช่” เบอร์เกนเหลือบมองเขาอย่างทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาฝู้จิงเหวิน “ฝู้ คุณพูดได้ดีมาก ถ้าคนของผมมีความคิดเหมือนคุณทุกคน มันก็จะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นแน่นอน”
พอพูดถึงที่นี่ เขาก็มองไปที่ชาร์สอย่างมีความนัย
ชาร์สสังเกตเห็นการจ้องมองของเขา จึงหลบตาไปด้วยความละอายใจ
“ชาร์ส ผมได้ยินมาว่าคุณเอาแต่กลั่นแกล้งฝู้จิงเหวินอยู่ตลอด จริงมั้ย?” เบอร์เกนถาม
“ผะ…...ผมเปล่านะครับ อาจจะมีคนตั้งใจไปใส่ร้ายให้คุณฟังก็ได้นะครับ”
ชาร์สจะไปกล้ายอมรับได้ยังไง เขารู้ดีว่าสิ่งที่เบอร์เกนไม่ชอบมากที่สุดคือการที่คนของเขาไม่ชอบขี้หน้ากัน เรื่องที่ทะเลาะวิวาทกับฝู่จิงเหวินครั้งก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะศาสตราจารย์คูรี่ช่วยไว้ เขาน่าจะถูกไล่ออกจากสถาบันไปนานแล้ว
“โอ้?” เบิร์กเลิกคิ้วขึ้น “แล้วเมื่อสิ่งที่ผมได้ยินคืออะไร?”
“เราแค่หยอกล้อกันครับ” ชาร์สขยิบตาให้ฝู้จิงเหวิน “จริงมั้ย ฝู้?”
ฝู้จิงเหวินสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อฟ้องชาร์สต่อหน้าเบอร์เกนได้ ทำให้ชาร์สต้องถูกลงโทษ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ
“ใช่ครับ เราแค่หยอกล้อกันครับ”
ถ้าเขาต้องการได้รับความไว้วางใจจากศาสตราจารย์คูรี่ เขาต้องเริ่มจากชาร์สก่อน
“โอ้ แค่ล้อเล่นกันเอง” เบอร์เกนรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้พวกเขาต่อ
"แล้วศาสตราจารย์คูรี่ล่ะครับ?" เบอร์เกนเปลี่ยนการสนทนา
“อาจารย์อยู่ในห้องทดลองครับ เดี๋ยวผมไปเรียกเขาให้นะครับ”
ก่อนที่เบอร์เกนจะทันตอบสนอง ชาร์สก็หันหลังและวิ่งเข้าไปในห้องทดลองแล้ว
ไม่นานศาสตราจารย์คูรี่ก็ออกมา
“คุณเบอร์เกน”
ศาสตราจารย์คูรี่ซึ่งเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในสถาบัน ก็ยังต้องให้ความเคารพกับเบอร์เกนเลย
“การวิจัยดำเนินไปในขั้นไหนแล้วครับ?” เบอร์เกนถาม
เมื่อได้ยินแบบนั้น แววตาของฝู่จิงเหวินก็แสดงความรู้สึกที่ยากจะสังเกตได้ออกมาอย่างรวดเร็ว
ศาสตราจารย์คูรี่เหลือบมองฝู้จิงเหวิน แล้วพูดเบาๆว่า "ไปที่คุยกันในห้องประชุมดีกว่าครับ"
เบอร์เกนรู้ดีว่าเขากังวลเรื่องอะไร เขาจึงยิ้มแล้วพูดว่า "โอเค"
พอเห็นพวกเขาพากันเดินไปที่ห้องประชุมฝู้จิงเหวินก็ต้องกำหมัดแน่น ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยความไม่ชอบใจ
เขาเอวก็อยากรู้เหมือนกันว่างานวิจัยของศาสตราจารย์คูรี่นั้นไปถึงไหนแล้ว
แต่ศาสตราจารย์คูรี่ระแวงเขาแบบนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะรู้
……
เมื่อมาถึงห้องประชุม ศาสตราจารย์คูรี่ก็พูดตรงไปตรงมาว่า "คุณเบอร์เกนครับ ยาได้ถูกวิจัยออกมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำการทดสอบ เลยไม่รู้ว่าจะส่งผลอะไรต่อไวรัสบ้าง”
"แล้วจะทำการทดลองเมื่อไหร่รับ?" เบอร์เกนถาม
ศาสตราจารย์คูรี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "แม้ว่าการทดลองกับสัตว์จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้กับมนุษย์ได้"
เบอร์เกนขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหมายความว่ายังไงครับ?”
"ผมหมายความว่ามันจะเห็นผลดีที่สุดที่เมื่อทดลองกับคนโดยตรงครับ"
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เบอร์เกนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา "คูรี่ นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอครับ? รู้ไหมว่าเมื่อคุณทำการทดลองกับคน แล้วถ้ามันเกิดล้มเหลวขึ้นมาจนมีคนตาย คุณกับผมต่างก็ต้องรับผิดชอบนะครับ"
“คุณเบอร์เกนกลายเป็นคนขี้กลัวแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” ศาสตราจารย์คูรี่มองเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ผมขี้กลัวเหรอ?” เบอร์เกนหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก หลังจากที่หัวเราะไปสองครั้งรอยยิ้มของเขาก็หายไป เขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “คุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าในวงการแพทย์นั้นห้ามทดลองกับคนเด็ดขาดนี่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!