ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 1067

สรุปบท บทที่1067คุณเหมือนหมาที่ฉันเลี้ยงเลย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

บทที่1067คุณเหมือนหมาที่ฉันเลี้ยงเลย – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่1067คุณเหมือนหมาที่ฉันเลี้ยงเลย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เนื่องจากเฉินหยุนมาวุ่นวายแบบนี้ พอเจียงสื้อสื้อมาถึงโรงพยาบาลก็เกือบจะมืดแล้ว

“ป่านนี้แล้ว ทำไมลูกยังจะมาอีก?” ฟางเสว่มั่นขมวดคิ้วเมื่อเห็นลูกสาวของเธอเดินเข้ามา

เจียงสื้อสื้อเดินไปหาเธอและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ก็มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ไงคะ หนูกลัวแม่จะเบื่อ”

รอยยิ้มของฟางเสว่มั่นต้องหายไปอย่างช่วยไม่ได้ “ช่วงนี้แม่เอาแต่อ่านหนังสือให้ตาของลูกฟังทุกวันเลย แล้วมันจะน่าเบื่อได้ยังไง?”

“คุณตาเป็นยังไงบ้างคะ?” เจียงสื้อสื้อนั่งลงข้างเธอและเอนหัวลงบนไหล่ของเธออย่างรักใคร่

ฟางเสว่มั่นจับมือเธอ "ก็ยังเหมือนเดิม แต่หมอบอกว่าตราบเท่าที่ฉันยังคุยกับท่าน ท่านจะได้ยินและท่านจะฟื้นขึ้นอย่างช้าๆ"

“แม่คะ” เจียงสื้อเรียกออกมาเบาๆ

"ว่า?"

"ลำบากแม่เลย"

พอได้ยินเช่นนั้น ฟางเสว่มั่นก็หันหน้ามา

เจียงสื้อสื้อนั่งตัวตรงและจ้องตากับเธอ

“เด็กโง่ ทำไมจู่ๆถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” ฟางเสว่มั่นมองเธอด้วยความแปลกใจ

“ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่รู้สึกว่าแม่ลำบากมากเลย” เจียงสื้อสื้อกุมมือของเธอกลับ แล้วพูดเบาๆว่า “แม่ไม่ได้มีสุขภาพไม่ค่อยดี แต่แม่ยังคงต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณตาอีก”

ฟางเสว่มั่นยิ้ม “คุณตาของลูกคือพ่อของแม่ การที่แม่อยู่เป็นเพื่อนท่านมันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว อีกอย่าง แม่ไม่ได้อยู่เคียงข้างท่านมาเป็นสิบยี่สิบปี แม่แค่ชดเชยให้ท่านกับเรื่องที่ผ่านมาเท่านั้น "

เมื่อพูดถึงตอนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางเสว่มั่นก็ค่อยๆจางลง น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความละอายใจ

เจียงสื้อสื้อยกแขนขึ้นโอบไหล่ของเธอเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายว่า "แม่คะ การที่แม่มาอยู่เป็นเพื่อน คุณตาจะต้องมีความสุขมากอยู่แล้วค่ะ"

“จริงเหรอ?” ฟางเสว่มั่นยิ้มออกมา จากนั้นก็หัวเราะเยาะตัวเอง “แม่เกรงว่าท่านจะโกรธจนเป็นลม เมื่อท่านตื่นขึ้นมาเห็นหน้าแม่อยู่ตรงนี้”

“ไม่หรอกค่ะ” เจียงสื้อสื้อกอดมือของเธอไว้แน่นๆ “อย่ามองว่าคุณตาเอาแต่จริงจังและดื้อรั้นอยู่เสมอ อันที่จริงในใจของท่านนั้นคิดถึงแม่มากเลยนะคะ”

ฟางเสว่มั่นตบมือของเธอ “โอเค ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว มาพูดเรื่องของลูกกันดีกว่า”

“เรื่องของหนูเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว ขึ้น ไม่รู้จะทำหน้ายังไง “หนูมีเรื่องอะไรให้พูดถึงเหรอคะ?”

“เมื่อไหร่เฟิงเฉินถึงจะมารับลูกกลับไปที่ตระกูลจิ้นเหรอ?”

พอพูดถึงจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็หดหู่ลงไปเล็กน้อย "ไม่รู้ค่ะ"

“เขากำลังยุ่งอยู่เหรอ?” ฟาเสว่มั่นถามต่อ

“เขามีงานต้องทำ เขาจะไม่สามารถทำมันให้เสร็จในเร็วๆนี้หรอกค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินจากไปแค่สองสามวัน แต่เธอกลับรู้สึกราวกับว่ามันเป็นเวลานานมากแล้ว

เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ

พอฟางเสว่มั่นได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ทำไม? ลูกคิดถึงเขาใช่มั้ย?”

เมื่อถูกผู้เป็นแม่มองออกแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็หน้าแดงขึ้นมาทันที “นะ……หนูเปล่าซะหน่อย?”

“หน้าแดงขนาดนั้น ยังจะบอกว่าไม่อีก?” ฟางเสว่มั่นมองเธออย่างด้วยสายตาที่หยอกล้อ

เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นมาแตะแก้มของตัวเอง แล้วแก้ตัวไปอย่างปากแข็งว่า"ก็มันร้อนนี่คะ"

ฟางเสว่มั่นยิ้มออกมา "โอเค โอเค ร้อนจ้ะร้อน"

เจียงสื้อสื้อกอดเธอไว้ แล้วเอนหัวไปพิงไหล่ของเธอ จากนั้นก็พูดอย่างขี้อ้อนว่า “แม่คะ ถ้าคุณตาฟื้นแล้ว สุขภาพของแม่ก็ดีขึ้น หนูจะพาแม่ออกไปเล่นนะคะ ตกลงไหม?”

“ได้จ้ะ” ฟางเสว่มั่นลูบหัวของเธอ “เมื่อถึงตอนนั้นก็พาเถียนเถียนกับเสี่ยวเป่าไปด้วยนะ”

“ค่ะ!” เจียงสื้อสื้อกอดเธอแน่น

ดูเหมือนว่ามีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นครอบครัวได้

อาจเป็นเพราะเธอคิดถึงจิ้นเฟิงเฉินมากเกินไปก็ได้

——

หลายวันมานี้ฝู้จิงเหวินได้ทำตัวคิดบวกมาก ไม่ว่าใครจะขอให้เขาช่วย เขาก็ช่วยหมด แม้กระทั่งความเย่อหยิ่งของชาร์สเขาก็ยังทนได้เลย

“ฝู้ ช่วยชงกาแฟให้ผมแก้วหนึ่ง” ชาร์สออกมาจากห้องทดลองแล้วตะโกนใส่ฝู้จิงเหวินที่กำลังจัดเรียงอุปกรณ์ทดลองอยู่

ฝู้จิงเหวินหันมายิ้มและพยักหน้า "ครับ ผมไปชงให้เดี๋ยวนี้เลยครับ"

ชาร์สมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ “เร็วๆหน่อย”

ถ้าฝู้จิงเหวินจะมีแผนอะไร มันต้องเป็นเพราะเจียงสื้อสื้อแน่ๆ

ข่ายสื้อลินหรี่ตาลง ไม่ได้ เธอไม่สามารถปล่อยให้ผู้หญิงที่ชื่อเจียงสื้อสื้อมาทำลายฝู้จิงเหวินเด็ดขาด

ฝู้จิงเหวินเดินออกจากห้องชงชาพร้อมกับกาแฟที่ชงเสร็จแล้ว ข่ายสื้อลินไม่อยู่แล้ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง

เขาเดินไปถึงนอกห้องทดลอง ยกมือขึ้นมาเคาะประตูเบาๆ

ไม่นานประตูก็เปิดออก

ชาร์สมาเปิดประตู

เขาเหลือบมองกาแฟในมือของฝู้จิงเหวิน พร้อมกับแววตาที่เจตนาไม่ดี

เขารับกาแฟมาแล้วจิบมัน พยักหน้า "อืม เป็นรสชาติที่ผมชอบ"

จากนั้นเขาเหล่มองฝู้จิงเหวิน "ฝู้ คุณดูเหมือนหมาที่ผมเลี้ยงจริงๆ เชื่องซะเหลือเกิน"

ในคำพูดเต็มไปด้วยความอัปยศ

ฝู้จิงเหวินหรี่ตาและกำมือข้างลำตัวอย่างเงียบ ๆ

ชาร์สโน้มตัวไปข้างหน้าและพูดที่หูของเขาว่า "หมาที่เชื่อฟังถึงจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน"

มันจงใจ

ชาร์สจงใจ มันจงใจยั่วยุเขา

ฝู้จิงเหวินกัดฟันแน่น แล้วกล้ำกลืนโทสะในใจเอาไว้ จากนั้นก็พยายามเค้นรอยยิ้มออกมา "ผมก็คิดว่าหมาที่เชื่อฟังนั้นน่ารักเหมือนกันครับ ศาสตราจารย์คูรี่ก็ชอบคุณมากเหมือนกัน”

พอคำพูดเหล่านี้ออกมา ชาร์สก็โกรธจัดขึ้นมาทันที “ฝู้จิงเหวิน!”

ฝู้จิงเหวินยังคงยิ้มแย้ม “อะไรครับ ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ?”

"นี่คุณ!"

ชาร์สตั้งใจจะทำให้เขาขายหน้า แต่ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะทำให้ตัวต้องมาขายหน้าแบบนี้

ฝู้จิงเหวินมองเขาอย่างใจเย็น "ชาร์ส เราต่างก็ทำงานให้เบอร์เกนทั้งนั้น ผมหวังว่าเราจะสามารถร่วมงานกันอย่างสันติได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณให้ผมทำอะไรผมก็จะทำ แต่ใช่เพราะผมกลัวคุณหรืออะไรทั้งนั้น"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!