“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
พอเข้าห้อง ส้งหวั่นชีงก็ได้หันตัว หรี่ตาจ้องมองจิ้นเฟิงเหรา
สีหน้าของจิ้นเฟิงเหราก็ได้มีพิรุธไปพัก “อะไรเรื่องอะไร?”
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว พวกคุณมีอะไรปิดบังฉันแน่ๆ” น้ำเสียงของส้งหวั่นชีงดูมั่นใจมาก
“มีเหรอ?” จิ้นเฟิงเหราตาลอยไปสักพัก “ผม ผมจะไปมีเรื่องปิดบังคุณได้ยังไง? คุณไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว”
“จิ้นเฟิงเหรา ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ ฉันเข้าใจคุณที่สุดแล้ว เมื่อกี้คุณไม่กล้ามองฉัน คุณรู้หรือเปล่า? ว่าคุณมีพิรุธ!”
จิ้นเฟิงเหราก็ได้เงียบไปสักพัก หัวเราะอย่างลำบาก “หวั่นหวั่น ไหนๆ คุณก็รู้ว่าพวกเรามีเรื่องปิดบังคุณแล้ว งั้นคุณก็น่าจะเดาได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี”
ได้ยินแบบนั้น ส้งหวั่นชีงก็ได้ขมวดคิ้ว “เป็นเรื่องที่ไม่ดีมากๆ เลยเหรอ?”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “เพราะงั้นผมถึงไม่อยากให้คุณรู้ ไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่รู้”
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่?” ส้งหวั่นชีงก็ได้จ้องตาโต “หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับพี่ชายและพี่สะใภ้?”
จิ้นเฟิงเหราไม่ได้ตอบ
แต่ว่าจากสีหน้าที่เคร่งเครียดของเขาก็สามารถที่จะมองออกว่าที่เธอเดามามันถูก
“พี่ชายพี่สะใภ้เป็นอะไรไป?” ส้งหวั่นชีงก็ได้ถามอย่างร้อนใจ
จิ้นเฟิงเหราก็ได้จับไหล่ทั้งสองข้างของเธอ พูดปลอบเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ตระกูลฟางจัดการได้แน่”
“จริงเหรอ?” ส้งหวั่นชีงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
จิ้นเฟิงเหราก็ได้หัวเราะอย่างไร้หนทาง “หรือว่าคุณไม่ได้ยินที่ยู่เชินพูดเหรอ? เขาต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่ คุณน่ะ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ตั้งใจรอให้ลูกเกิดมาเถอะ”
“เฟิงเหรา คุณจะหลอกฉันไม่ได้นะ รู้ไหม?” ส้งหวั่นชีงหวังว่าที่เขาพูดเป็นความจริง ว่าเป็นเรื่องเล็กจริง
“รู้แล้ว” จิ้นเฟิงเหราก็ได้ลูบแก้มของเธอ “คุณไปพักผ่อนเถอะ ผมลงไปคุยกับยู่เชินหน่อย”
ส้งหวั่นชีงพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ค่ะ คุณไปเถอะ”
มองเขาออกไป ส้งหวั่นชีงก็ได้ขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาพูด เห็นทีเธอต้องหาเวลาโทรไปถามพี่สะใภ้หน่อยแล้ว
......
จิ้นเฟิงเหราลงไป เห็นคุณแม่แล้วก็เด็กน้อยสองคนอยู่ ก็ได้ยิ้มแล้วก็เดินไป
“เสี่ยวเป่า เถียนเถียน พวกหนูไปที่บ้านตระกูลฟางแล้วก็เชื่อฟัง เข้าใจไหม?” เขาก็ได้สั่งเด็กน้อยทั้งสอง
“คุณอา หนูรู้ค่ะ หนูต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังแน่นอน” เสียงออดอ้อนของเถียนเถียนก็ได้รับประกัน
“ผมก็ต้องเป็นเด็กดีแน่นอนครับ” เสี่ยวเป่าก็ได้รับปาก
จิ้นเฟิงเหราก็ได้ลูบหัวของพวกเขาทั้งสอง หัวเราะ “อาเชื่อใจพวกเราครับ”
จากนั้น เขาก็ได้เงยหน้ามองฟางยู่เชิน “รบกวนนายแล้วก็คุณลุงฟางกับคุณป้าฟางด้วย”
“ครอบครัวเดียวกันไม่มีอะไรรบกวนไม่รบกวนหรอก” ฟางยู่เชินก็ได้อุ้มเถียนเถียนขึ้นมา “เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ฉันพาพวกเขากลับเมืองหลวงแล้ว มีเรื่องอะไรโทรศัพท์ติดต่อหาฉัน”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “ได้ เดินทางปลอดภัย”
พอส่งฟางยู่เชินกับเด็กน้อยสองคนออกบ้าน แม่จิ้นก็ได้ขมวดคิ้ว “เฟิงเหรา ไม่กี่วันมานี้แม่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ใจมันไม่สงบเลย”
“แม่ครับ ไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้พวกเด็กๆ ไม่อยู่แล้ว แม่ก็ได้มีเวลาไปดื่มชา เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ แล้ว ไม่ดีเหรอครับ?” จิ้นเฟิงเหราก็ได้โอบไหล่เธอ ยิ้มแล้วก็พูด
แม่จิ้นก็ได้หลุดขำออกมา “หวั่นหวั่นก็ใกล้คลอดแล้ว แม่ไม่กล้าออกไปหรอก ต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอถึงจะถูก”
“ทำให้คุณแม่ลำบากแล้วครับ”
แม่จิ้นก็ได้ตีไปที่มือเขาเบาๆ “ไม่ลำบาก ลูกกับเฟิงเฉินสิถึงจะลำบาก ไม่มีพวกลูก แม่กับพ่อของลูกก็คงไม่มาอยู่สบายแบบนี้เร็วขนาดนี้หรอก”
“ผมกับพี่ลำบากหน่อยเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วครับ”
พูดถึงจิ้นเฟิงเฉิน รอยยิ้มของจิ้นเฟิงเหราก็ได้อ่อนไปเล็กน้อย นัยน์ตาก็ได้มีความเข้มขึ้น
“จริงด้วย ไปบอกพี่ของลูก ให้พวกเขาพาสื้อสื้อกลับมาก่อนจะคลอดลูก” แม่จิ้นก็ได้สั่ง
เธอไม่ได้ไม่ชอบที่เฟิงเฉินกับสื้อสื้ออยู่บ้านตระกูลฟาง แต่แค่รู้สึกว่าในเวลาที่สำคัญแบบนี้ อยู่พร้อมกันทั้งครอบครัวจะดีกว่า
“ครับ ผมรู้แล้ว” จิ้นเฟิงเหราก็ได้รับปากเธอพร้อมยิ้ม
ที่จริงในใจก็ได้กังวลมากๆ
ถ้าเกิดไม่สามารถที่จะหาตัวพี่ชายเจอก่อนหวั่นหวั่นคลอดได้ ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาพูดกับท่านทั้งสองแล้ว
......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!