เจียงสื้อสื้อก็ได้จูงมือเสี่ยวเป่าออกมาจากห้องครัว ก็ได้เห็นภาพนี้พอดี ก็ได้จงใจถาม “เถียนเถียน หนูอยากให้คุณน้าชายของหนูทำอะไรอีก?”
อยู่ก็ได้มีเสียงดังขึ้นทำเอาเถียนเถียนตกใจจนสะดุ้ง เธอเห็นว่าเจียงสื้อสื้อเดินมา ก็ได้รีบหลบไปในอ้อมกอดของฟางยู่เชิน
ฟางยู่เชินก็ได้อุ้มเธอแล้วก็ลุกขึ้นมา ยิ้มแล้วพูด “เด็กน้อยไม่ได้ให้ฉันทำอะไร เธอทำเด็กตกใจแล้ว”
“พี่คะ ฉันเป็นแม่ของเธอนะคะ เข้าใจความคิดเธอที่สุดแล้ว”
ความหมายคือ ให้เขาไม่ต้องมาช่วยเถียนเถียนโกหกเธอ
เถียนเถียนก็ได้หันหน้ามา ทำแก้มป่อง พูดอย่างหงุดหงิดว่า “หนูก็แค่อยากกินบิสกิต”
ได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้ทำเป็นจ้องมองเธอด้วยความโมโห “หนูลืมว่าเมื่อวานหนูกินบิสกิตไปเท่าไหร่แล้วเหรอ?”
เถียนเถียนไม่พูดต่อ
เพราะว่าบิสกิตทั้งจานของเมื่อวานเธอก็กินไปจนหมด
เห็นว่าเธอโมโห และน้อยใจมากๆ ขนาดนั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้หลุดขำออกมา “เถียนเถียน หนูรู้ไหมว่ากินบิสกิตมากไปแล้วจะอ้วนได้?”
เถียนเถียนส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่รู้
“หม่ามี๊บอกหนูนะ บิสกิตมันหวาน กินของหวานๆ มากไปจะอ้วนได้ง่ายๆ ถึงตอนนั้นหนูก็ไม่น่ารักแล้ว”
อย่ามองว่าเถียนเถียนยังเด็ก แต่เธอนั้นใส่ใจเรื่องรูปร่างของตัวเองมาก
เพราะงั้นพอได้ยินว่าจะอ้วนได้ ก็ได้รีบส่ายหน้า “งั้นหนูไม่กินแล้ว ต่อไปไม่กินอีกแล้ว”
ฟางยู่เชินหัวเราะ “กินน้อยๆ หน่อยไม่อ้วนหรอกครับ”
เถียนเถียนเอียงหัว ตั้งใจคิดดีๆ พูด “งั้นต่อไปหนูกินวันละสองชิ้น ไม่ กินบิสกิตวันละสามชิ้น”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ ต่อไปก็กินบิสกิตวันละสามชิ้น แบบนี้หนูดีใจหรือยังคะ?”
“ค่ะ” เถียนเถียนพยักหน้าใหญ่
ฟางยู่เชินก็ได้วางเธอลง “ไปเล่นกับพี่ชายก่อนนะครับ น้าจะคุยอะไรกับหม่ามี๊หนูหน่อย”
พอเสี่ยวเป่าได้ยิน ก็ได้ไปจูงมือของเถียนเถียน “พวกเราไปต่อเลโก้กันเถอะ”
“หนูจะสร้างบ้านให้สูงๆ” เถียนเถียนพูด
มองเด็กสองคนได้จูงมือกันเดินไปเล่นที่เขตของเล่น เจียงสื้อสื้อก็ได้มองกลับไปยังฟางยู่เชิน “พี่ค่ะ พี่อยากจะพูดอะไรเหรอ?”
“กู้เนี่ยนโทรมาหาฉันแล้ว อีกสองวันเบอร์เกนก็มาที่เมืองจิ่น ทางที่ดีเธอพยายามอย่าออกไป”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “เขาบ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมไล่ตามมาถึงประเทศ?”
“ขอแค่ไวรัสในตัวของเธอยังอยู่ พวกเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้” ใบหน้าฟางยู่เชินเต็มไปด้วยความกังวล “ฉันจะสั่งให้คนมาปกป้องเธอ”
“พี่ค่ะ ขอโทษนะคะ ทำให้พี่เป็นห่วงแล้ว” เจียงสื้อสื้อก็ได้มองเขาอย่างรู้สึกผิด
ฟางยู่เชินก็ได้แกล้งทำเป็นไม่สบอารมณ์ถาม “พูดขอโทษอะไรกัน เห็นว่าฉันเป็นคนนอกเหรอ?”
“เปล่านะ” เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มอย่างไม่รู้ทำยังไง “ฉันก็แค่รู้สึกว่าฉันเป็นคนที่หาเรื่องให้กับพี่ไม่น้อย”
เดิมทีเขาก็พึ่งได้สานต่อฟางซื่อกรุ๊ปมาไม่นาน เป็นช่วงที่ยุ่งพอดี กลับเป็นเพราะเรื่องของเธอ ก็ได้ทำให้เสียเวลาไม่น้อย
“ครอบครัวเดียวกันไม่พูดอะไรเหมือนเป็นคนละครอบครัว” ฟางยู่เชินก็ได้ยิ้มอย่างอ่อนโยนอ่อนๆ ให้เธอ “จำไว้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังมีพวกเราอยู่กับเธอ”
จมูกของเจียงสื้อสื้อก็ได้เริ่มตัน น้ำตาเกือบไหลออกมา เธอก็ได้พยายามยิ้มออกมา “อืม ฉันรู้ค่ะ”
“ไม่ต้องคิดมาก ฉันขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ฟางยู่เชินพูด
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ”
มองเขาขึ้นไป เจียงสื้อสื้อถึงได้ก้าวขาไปยังเด็กสองคนที่เล่นอย่างสนุก
......
ฟางยู่เชินเข้าประตู ก็ได้ถอดเสื้อสูทลง เขาก็ได้ลูบกระเป๋าด้วยความเคยชิน อยู่ก็ได้จับเข้ากับของแข็งๆ
เขาเอาออกมา พอดู เป็นของเล่นที่เห็นในบริษัทเมื่อตอนกลางวัน
มุมปากก็ได้ยิ้มอย่างไม่รู้ควรว่ายังไงดี เขายุ่งจริงๆ ยุ่งจนลืมเรื่องนี้ไป
เขาได้เอาโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์ที่บันทึก หาเบอร์ของเหลียงซินเวยเจอ ก็ได้โทรไป
เหลียงซินเวยก็ได้ยุ่งกับการทำมื้อค่ำที่ห้องครัว วันนี้เธอเลิกงานช้า กลับไปถึงบ้านก็ได้เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว
โชคดีที่อานอานเป็นเด็กดี ลองเป็นเด็กคนอื่น ท้องหิวนานขนาดนี้ต้องโวยวายจนฟ้าถล่มแน่
ตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้นนั้น เธอก็ได้หั่นผักพอดี ไม่มีเวลาไปรับโทรศัพท์ ก็ทำได้แค่ตะโกนออกไปเสียงดังว่า “อานอาน ช่วยแม่ดูหน่อยว่าใครเป็นคนโทรมา ถ้าเกิดเป็นเบอร์แปลกก็วางไปเลยนะคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!