เพื่อให้หาตัวจิ้นเฟิงเฉินเจอ กู้เนี่ยนได้ส่งคนจำนวนมากออกไปยังเมืองต่างๆในอิตาลีเพื่อทำการค้นหา แต่น่าเสียดายที่ไม่พบเบาะแสใดๆเลย
ในวันนี้ ในห้องทำงานถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งเครียด
กู้เนี่ยนดึงเนคไทของเขาออกอย่างหงุดหงิด “บ้าเอ้ย ซ่างกวนหยวนเอาคุณชายไปซ่อนไว้ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงหาไม่เจอสักที”
ชีซาเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะนิ่งครุ่นคิดอย่างจริงจัง “จะเป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะออกจากอิตาลีไปนานแล้ว”
เห้อซูหานที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง พอได้ยินก็เดินเข้ามาทันที “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
กู้เนี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง
แต่แค่ฟัง แล้วเขาก็พูดต่อ “เราค้นหากันเกือบทั่วทั้งอิตาลีแล้ว แต่กลับไม่มีเบาะแสของคุณชายเลย ลองคิดดูสิ ซ่างกวนหยวนเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงเธอจะเก่งกาจยังไงก็คงไม่ถึงขนาดไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยแบบนี้”
ชีซาพยักหน้าเห็นด้วย “นายพูดถูก ถ้าเป็นฉัน ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย”
“ดังนั้น มีเพียงความเป็นไปได้เดียวที่สมเหตุสมผลที่สุดในตอนนี้ นั่นก็คือพวกเขาออกจากอิตาลีแล้ว”
กู้เนี่ยนขยี่ผม แล้วพูดอย่างหมดความอดทน: “ถ้าอย่างนั้นก็รีบตรวจสอบประวัติข้อมูลเที่ยวบินของซ่างกวนหยวนเดี๋ยวนี้เลย”
“ฉันสั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว” เห้อซูหานพูด “แต่น่าแปลกที่ไม่มีประวัติข้อมูลเที่ยวบินของซ่างกวนหยวนแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของคุณชายเลย”
กู้เนี่ยนอดที่จะสาปแช่งออกมาไม่ได้ “หรือว่าซ่างกวนหยวนจะบินอยู่บนท้องฟ้าแล้วล่องหนหนีไปเองกัน”
“นายคิดอะไรของนายอยู่” ชีซาถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “แบบนี้ถ้าไม่มีคนช่วยลบข้อมูลเที่ยวบิน ก็คงจะใช้ชื่อของคนอื่น”
“พวกนายคิดว่าข้อไหนมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน” ชีซาเลิกคิ้วมองพวกเขา
กู้เนี่ยนกับเห้อซูหานมองหน้ากันไปมา แล้วตอบพร้อมกัน “ข้อแรก”
ชีซายกยิ้ม “ฉันก็คิดเหมือนกัน”
“แล้วใครเป็นคนทำกัน” กู้เนี่ยนหรี่ตาลง “ในอิตาลีคนที่ทำเช่นนี้ได้ มีแค่คนเดียวเท่านั้น”
ชีซาลุกขึ้นยืน “ดูเหมือนว่าคนที่เราสงสัยจะเป็นคนเดียวกัน”
“ถึงแม้พวกเราจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ไม่มีทางได้ข้อมูลที่เราอยากรู้จากเขาได้” เห้อซูหานพูด
“งั้นก็ลองหาวิธีดู” กู้เนี่ยนพูด “คุณชายเคยพูดไว้ว่า ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ตราบใดที่มีความตั้งใจที่จะทำ ย่อมต้องมีวิธีทางอยู่แล้ว”
เห้อซูหานหัวเราะ “อาเนี่ยน ทำไมนายจำคำพูดของคุณชายได้ชัดเจนอย่างนี้ล่ะ”
“เพราะว่าฉันถูกฝึกมาโดยคุณชาย ถ้าฉันไม่จำคำพูดของเขา จะจำคำพูดของใครได้”
กู้เนี่ยนเหลือบมองเขาอย่างอารมณ์เริ่มไม่ดี แล้วพูดขึ้นมา“ฝู้จิงเหวิน ผมคิดว่าเขาน่าจะมีวิธี”
“เดี๋ยวนะ ฉันคิดว่านายจะมีวิธีที่ดีแล้วซะอีก” เห้อซูหานอดที่จะกลอกตามองบนไม่ได้ “สุดท้ายก็ต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น”
“ไม่อย่างนั้น เธอมีวิธีที่ดีกว่านี้หรือไง” กู้เนี่ยนถามอย่างไม่ยอมแพ้
เห้อซูหานยกมือขึ้นเพื่อยอมจำนน “ฉันไม่มี ทำตามที่นายบอกเลย”
“ก็แค่นี้แหละ” กู้เนี่ยนพูดอย่างพึงพอใจ
ชีซายกมือกอดอก มองดูพวกเขาอย่างเหนื่อยหน่ายและขบขัน “เวลาแบบนี้แล้ว พวกนายยังมีอารมณ์ที่จะทะเลาะกันอีก”
“พวกเราชินแล้ว” เห้อซูหานพูดในขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อส่งข้อความไปหาฝู้จิงเหวิน
พอเห็นแบบนี้ ชีซาจึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “นี่พวกนายยังคิดจะไปรบกวนฝู้จิงเหวินอีกครั้งจริงๆเหรอ”
“ไม่อย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ” กู้เนี่ยนไม่ตอบแต่ถามกลับ
ชีซาสะอึก เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ขอร้องเถอะ คนอื่นเขาไม่ได้เป็นหนี้พวกนาย ทำไมเขาจะต้องช่วยพวกนายทุกครั้งด้วยล่ะ”
“เขาไม่ได้เป็นหนี้พวกเรา แต่เขาเป็นหนี้คุณนายน้อยนี่นา” กู้เนี่ยนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
“คุณนายน้อยของพวกนายรู้เรื่องหรือเปล่า” ชีซาส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “ช่างเถอะ อย่างน้อยมีคนเข้ามาช่วยเพิ่มก็ดีเหมือนกัน”
“ฝู้จิงเหวินตอบกลับมาเเล้ว”
เห้อซูหานตะโกนบอก กู้เนี่ยนกับชีซาจึงรีบเดินมารวมตัวกัน
ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์เขียนไว้แค่คำเดียวว่า ได้
ชีซาขมวดคิ้ว “เขาเต็มใจที่จะช่วยจริง ๆ เหรอ”
“อืม จะให้พูดให้ตรง ๆก็คือ เขายอมช่วยก็เพราะคุณนายน้อย” เห้อซูหานเก็บโทรศัพท์ลง “ถึงแม้ว่าเขาจะยอมช่วย แต่พวกเราก็ต้องคิดหาวิธีอื่นด้วย”
“ฉันจะหาวิธีติดต่อเจ้าหน้าที่ทางสายการบิน เพื่อดูว่าจะสามารถขอประวัติข้อมูลเที่ยวบินของซ่างกวนหยวนได้หรือเปล่า” ชีซาพูด
ทันทีที่กดรับสาย เสียงที่รีบร้อนของเธอก็ดังขึ้นมาผ่านสาย “ฝู้จิงเหวิน คุณทำอะไรของคุณ คุณมาที่นี่ทำไม”
ฝู้จิงเหวินมองไปที่เธอซึ่งยืนอยู่หน้าสถาบันวิจัย ก่อนจะยกยิ้ม “ผมจะอยู่ที่ไหน ผมต้องรายงานให้คุณทราบด้วยหรือไง”
“ฝู้จิงเหวิน” ข่ายสื้อลินถูกน้ำเสียงเยาะเย้ยของเขาทำให้โมโหอย่างมาก
เธอกลัวว่าเสียงของเธอจะดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นหากเสียงของเธอดังเกินไป เธอจึงลดเสียงลงและพูดอย่างข่มกลั้นอารมณ์ “อย่าให้มันมากเกินไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน”
ถ้าคนของเบอร์เกนเจอเขาที่นี่ เขาจบไม่สวยแน่ๆ
“มีแค่คุณคนเดียวที่เห็นผมไม่ใช่หรือไง” ฝู้จิงเหวินท่าทางเรียบนิ่ง ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเลย
“นี่คุณ” ข่ายสื้อลินโกรธจนพูดไม่ออก เธอเป็นห่วงเขา แต่ตัวเขาเอง กลับไม่ไม่ห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“คุณมันบ้า คุณนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ”
ข่ายสื้อลินกดวางสายอย่างแรง ดวงตางดงามที่เต็มไปด้วยความโกรธของเธอจ้องไปที่ฝู้จิงเหวินที่นั่งอยู่ในรถ
ในเวลานี้เอง ชาร์สเดินออกมา พอเห็นว่าข่ายสื้อลินยังไม่กลับ เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ “ลิน”
ข่ายสื้อลินสะดุ้งตกใจ เธอรีบถอนสายตากลับมา แล้วยิ้มให้เขา “ชาร์ส”
“คุณกำลังมองอะไรอยู่”
ชาร์สมองตามสายตาของเธอไป เธอตกใจจนรีบดึงเขาไว้ ก่อนจะรีบพูดขึ้นมา “ชาร์ส เดี๋ยวคุณพอจะมีเวลาอีกไหม ฉันอยากจะชวนคุณไปทานอาหารเย็น”
“ชวนผมไปกินข้าวอย่างนั้นเหรอ” ชาร์สดูดีใจมาก ไม่มีเวลาจะมาสนใจว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่
“ใช่ค่ะ คุณว่างไหม”
“ว่างแน่นอนครับ”
ข่ายสื้อลินยิ้ม “งั้นไปกันเถอะค่ะ”
ตอนที่เดินขึ้นรถ ข่ายสื้อลินเหลือบมองไปยังทิศทางของฝู้จิงเหวินโดยไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น
ฝู้จิงเหวินมองพวกเขาขับรถออกไป แล้วหรี่ตาลง ถ้าชาร์สออกมาแล้ว แสดงว่าศาสตราจารย์คูรี่ก็ใกล้จะออกมาแล้วใช่ไหม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!