ทานมื้อเที่ยงเสร็จ ฟางยู่เชินก็ได้เตรียมกลับบริษัท
ก่อนออกจากบ้าน ซ่างหยิงก็ได้เรียกเขา “ยู่เชิน เดี๋ยวก่อนลูก”
ฟางยู่เชินหันกลับ “แม่ครับ มีอะไรเหรอครับ?”
“อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของเสี่ยวอี้แล้ว ทางตระกูลเย่ให้พวกเราทั้งครอบครัวไปร่วมช่วยอวยพรวันเกิดของเสี่ยวอี้ ลูกหาเวลาไปซื้อของขวัญหน่อย”
“ผมไปซื้อของขวัญ?” ฟางยู่เชินคิดว่าตัวเองฟังผิดไป
ผู้ชายอย่างเขา จะไปรู้ได้ยังไงว่าควรซื้ออะไรให้ผู้หญิงเป็นของขวัญวันเกิด
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?” ซ่างหยิงถามเขากลับ “เรื่องนี้ลูกต้องจัดการให้เรียบร้อย”
ฟางยู่เชินก็ได้ขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ หางตาก็ได้ไปเห็นเจียงสื้อสื้อที่อยู่ไม่ไกลนัก ตาก็ได้เป็นประกาย “สื้อสื้อ หรือว่าเธอไปช่วยฉันซื้อ งานฉันยุ่งมากหาเวลาไม่ได้”
“อ่า?” เจียงสื้อสื้อก็ได้ชี้มาที่ตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่กล้าเชื่อ “ฉันไปซื้อ?”
“เธอเป็นผู้หญิง เข้าใจของที่ผู้หญิงชอบมากกว่า เรื่องนี้รบกวนเธอหน่อยนะ”
พูดจบ ฟางยู่เชินก็ได้รีบออกไป ไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ
“ฟางยู่เชิน!” ซ่างหยิงก็ได้ไล่ตามไปด้วยความโมโห แต่ว่าตามไม่ทันก็ได้เห็นรถที่ได้ขับออกไปแล้ว
เธอก็ได้ส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ “เด็กคนนี้จงใจแน่ๆ”
กลับไปในบ้าน เธอก็ได้พูดกับเจียงสื้อสื้อ “หนูไม่ต้องไปซื้อ ของขวัญนี้ต้องให้เขาไปเลือกเอง”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะพูด “คุณน้าสะใภ้ค่ะ คุณน้าสะใภ้อยากจะจับคู่พี่กับเสี่ยวอี้ขนาดนี้นี้เลยเหรอ?”
“น้าอยากนะ แต่ว่าพี่หนูยอมไหม?” ซ่างหยิงก็ได้ถามกลับอย่างหงุดหงิด
เธอนั้นชอบเสี่ยวอี้เด็กคนนี้มาก ยังไงซะหน้าตาฐานะทางบ้านก็เหมาะสม แต่มาดูแล้วลูกชายของตัวเองนั้นไม่ได้คิดแบบนั้น
เพราะงั้นเธอก็ไม่กล้าที่จะจับคู่ไปโต้งๆ
เจียงสื้อสื้อก็ได้ขำแห้งๆ “เขาไม่ยอมค่ะ”
เธอก็ได้หันไป เห็นเหลียงซินเวยก็ได้คอตกเล็กน้อย ก็ได้ขมวดคิ้วเบาๆ “เวยเวย หนูเป็นอะไรไป?”
เหลียงซินเวยก็ได้ตั้งสติ เจอกับสีหน้าที่เป็นห่วงของเธอ ก็ได้ยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ อาจเป็นเพราะกินอิ่มเกินไป เลยไม่สบายตัว”
“กินอิ่มเกินไป?”
“ค่ะ อาหารที่คุณน้าทำอร่อยมาก หนูก็เลยเผลอกินมากไป” เหลียงซินเวยก็ได้ยิ้มให้ซ่างหยิงอย่างระมัดระวัง
เจียงสื้อสื้อก็ได้จ้องมองเธออย่างกำลังคิดอะไรอยู่
เป็นคนก็ชอบที่จะได้รับคำชม
ซ่างหยิงก็ได้หัวเราะอย่างดีใจไปเลย “จริงเหรอ? งั้นต่อไปหนูมาบ่อยๆ นะ น้าทำอาหารให้เราทาน”
“ขอบคุณค่ะคุณน้า” เหลียงซินเวยก็ยังยิ้มอยู่ตลอด ใครก็มองไม่ออกถึงความเศร้าที่ซ่อนอยู่ในใจเธอ
เหลียงซินเวยนั่งไปสักพัก ก็ได้พาตัวอานอานกลับไป
พอพวกเขาไป ซ่างหยิงก็ได้พูดกับเจียงสื้อสื้อ “ที่จริงเวยเวยก็ไม่เลวนะ แต่ว่ามีลูกชายมาเพิ่มคนหนึ่ง”
เจียงสื้อสื้อได้ยิน ก็ได้ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณน้าสะใภ้ค่ะ คุณน้าสะใภ้คิดว่าเวยเวยก็ไม่เลว หนูคิดว่าคุณน้าสะใภ้มีแนวคิดด้านฐานะซะอีก?”
“น้ามีนะ” ซ่างหยิงก็ได้ตอบไปตรงๆ “น้าหวังว่าพี่ของหนูสามารถที่จะหาภรรยาที่ช่วยเขาได้ แต่เทียบกับอันนี้ น้าหวังว่าเขาจะมีความสุขมากกว่า ขอแค่เขาชอบ ฐานะของอีกฝ่ายเป็นยังไงไม่สำคัญ”
“คุณน้าสะใภ้ คุณน้าสะใภ้ใจกว้างจัง” เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดชมออกไปอย่างอดไม่ได้
เธอนั้นกังวลอยู่ตลอดว่าคุณน้าสะใภ้จะให้ความสำคัญกับฐานะทางบ้านซะอีก ยังดีที่ไม่มี
แบบนี้ ไม่แน่เวยเวยก็มีโอกาสแล้ว
“ที่จริงอานอานนั้นเป็นปัญหาเล็ก ตระกูลฟางของพวกเรา ก็ยังเลี้ยงเด็กคนหนึ่งได้อยู่” เธอก็ได้ยิ้มแล้วพูด
ได้ยินแบบนั้น ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “ฟังที่หนูพูด ทำไมเหมือนว่าหนูจะจับคู่เวยเวยกับยู่เชินล่ะ?”
“หนูเปล่านะ” เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบปฏิเสธ “หนูก็แค่พูดไปงั้นๆ”
“จริงเหรอ?” ซ่างหยิงไม่เชื่อเล็กน้อย
“แน่นอนสิคะ คุณน้าสะใภ้ไม่รู้จักนิสัยพี่ชายหนูเหรอ เป็นอะไรที่พวกเราบังคับได้เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
ซ่างหยิงพยักหน้าเห็นด้วย “หนูพูดก็ถูก เด็กคนนั้นไม่ใช่อะไรที่พวกเรานั้นบังคับได้จริง”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็ได้ถอนหายใจ “ช่างเถอะ ตามใจเขา ยังไงซะขอให้เขาไม่ได้หาคนที่แย่มากๆ มาก็พอ”
เจียงสื้อสื้อขำ “คุณน้าสะใภ้ เงื่อนไขต่ำจังนะคะ”
“ถูกบังคับ” ซ่างหยิงได้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ขอแค่เขาสามารถที่จะมีความสุขเหมือนกับหนูและเฟิงเฉินก็พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!