“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?”
ที่นี่มันอยู่ห่างจากบริษัทของเขาค่อนข้างไกล นอกจากว่า……
เหลียงซินเวยรีบส่ายหน้า ไม่ต้องคิดแล้ว เขาจะตั้งใจมาหาเธอได้ยังไง?
“คุณพูดว่าอะไรนะครับ?” ” คะ?”
พอเขาถามมาแบบนั้น เหลียงซินเวยก็ตกใจจนสะดุ้ง แล้วจึงได้รู้ตัวว่าเธอได้พึมพำในสิ่งที่กำลังคิดออกมาจนหมดเลย
แต่โชคยังดีที่เล็กค่อนข้างเบา เขาเลยไม่ได้ยิน
เธอแอบโล่งอกเบาๆ แล้วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรค่ะ จริงด้วย คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ตอนที่ผมผ่านทางมาเห็นคุณเข้าพอดีครับ”
เหลียงซินเวยมองตามสายตาของเขาไป แล้วก็พบกับรถที่จอดอยู่ข้างทางของเขา
สรุปคือ เขายอมจอดรถเพื่อเธอโดยเฉพาะเลย
ถึงแม้เธอจะเคยเตือนตัวเองว่าอย่าคิดเข้าข้างตัวเองให้มันมากนัก แต่มันก็ยังอดไม่ได้จริงๆ
เธอยิ้มออกมาด้วยความลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่ฟางยู่เชินนั้นกลับดูรีแลคมากกว่าเยอะเลย เขาถามเธอไปว่า “คุณเลิกงานแล้วเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ”
“กำลังกลับบ้าน?”
“ไม่ค่ะ ฉันกำลังจะไปซื้อของในซูเปอร์ค่ะ”
“ผมไปเป็นเพื่อนครับ”
“ค่ะ”
เหลียงซินเวยตอบไปอย่างไม่รู้ตัว พอเธอตั้งสติได้มันก็สายไปเสียแล้ว
เธอจึงรีบอธิบายไปว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ฉันหมายความว่าถ้าคุณกำลังยุ่งอยู่ก็ไม่ต้องไปกับฉันหรอกค่ะ ฉันไปคนเดียวได้”
แต่พออธิบายเสร็จ ก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องอีก
เธอหันหน้าไป กัดริมฝีปากด้วยความหัวเสียอย่างถึงที่สุด
พระเจ้า!
นี่เธอกำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย?
พวกเธอเป็นแค่เพื่อนทั่วไปเท่านั้นนะ การอธิบายแบบนี้มันดูจะคลุมเครือไปนิด
ฟางยู่เชินไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติเลย เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ยุ่ง และผมก็กำลังอยากเดินเล่นอยู่พอดีเลยครับ”
ท่าทางของเขาดูจริงจังมาก ไม่เหมือนคนที่กำลังพูดล้อเล่นเลย
เมื่อไม่มีทางเลือก เหลียงซินเวยก็ได้แต่พยักหน้าไป “ก็ได้ค่ะ”
ซูเปอร์ที่เหลียงซินเวยจะไปอยู่ใกล้ๆ นี่เอง พวกเขาสองคนเดินไปพร้อมกัน
ระหว่างทาง เหลียงซินเวยกำสายกระเป๋าของตัวเองแน่น หัวใจของเธอกำลังเต้นอย่างน่าประหลาด
ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก แต่ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่ส่งออกมาจากตัวเขา มันทำให้คนเมินเฉยไม่ได้เลย
พอเข้าไปในซูเปอร์ เหลียงซินเวยก็จะเดินไปหยิบรถเข็น
พอเห็นเธอเข็นรถเข็นเข้ามา ฟางยู่เชินก็พูดไปว่า “เดี๋ยวผมเข็นเองครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เหลียงซินเวยปฏิเสธไป
การให้คนที่เป็นถึงระดับท่านประธานอย่างเขามาทำเรื่องแบบนี้ มันดูจะเสียมารยาทเกินไป
“ไม่เป็นไร ผมเองครับ”
ฟางยู่เชินแย่งรถเข็นมาจากมือเธอ แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “จะซื้ออะไรก่อนครับ?”
เหลียงซินเวยทำอะไรเขาไม่ได้ ได้แต่แอบถอนหายใจไปทีหนึ่ง
เธอมองไปรอบๆ “ไปโซนของสดก่อนก็ได้ค่ะ”
“ครับ”
ฟางยู่เชินเข็นรถเข็นตามหลังเธอไป มองดูแผ่นหลังที่เรียวบาง สายตาก็แสดงความอบอุ่นออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเวลาของฟางยู่เชินเข้า เหลียงซินเวยจึงพยายามที่จะไม่เลือก พอเจอก็หยิบใส่รถเข็นเลย
ไม่นาน ของที่เธออยากซื้อก็ได้จนครบแล้ว
ฟางยู่เชินมองดูของในรถเข็น คิ้วที่คมกริบก็เลิกขึ้น “คืนนี้จะกินหม้ไฟกันเหรอครับ?”
เหลียงซินเวยตอบ “ค่ะ” ไปคำหนึ่ง “อานอานอยากกิน วันนี้เลิกงานเร็วพอดีเลยมีเวลาเตรียมค่ะ”
ฟางยู่เชินพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ความจริงผมก็ไม่ได้กินหม้อไฟมานานแล้วนะครับ”
นี่เขากำลังส่งสัญญาณให้เธอชวนเขาอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?
เหลียงซินเวยรู้สึกลังเลขึ้นมาทันที
เธอควรเปิดปากชวนเขาไปเลย หรือจะทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของเขาดีล่ะ?
ในขณะที่เธอยังตัดสินใจไม่ได้นั้น จู่ๆ ฟางยู่เชินก็พูดขึ้นมาว่า “ทางนั้นมีกุ้ง เราไปดูกันเถอะครับ”
ตอนที่เหลียงซินเวยดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง เขาก็ได้เข็นรถออกไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!